การแสดงออกบนใบหน้าของซุนกว่างและหลิวเถียนแข็งค้างในชั่วขณะนั้น หน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ผู้นำของตระกูลซุนที่น่าเกรงขาม อยู่ท่ามกลางพื้นที่สาธารณะ คาดไม่ถึงคุกเข่าลงแทบเท้าหยางเฉิน ยังขอให้หยางเฉินลงโทษด้วย
หลิวเถียนยิ่งรู้สึกหวาดกลัวที่สุด สั่นเทาไปหมดทั้งตัว
เป็นใครบอกตนเองกันว่า ฉินซีแต่งงานกับสวะคนหนึ่ง?
ถ้าเป็นแค่สวะจริงๆ สามารถทำให้ผู้นำของตระกูลซุนคุกเข่าขอรับโทษได้เหรอ?
ชายกำยำสูงใหญ่ที่ซุนกว่างเรียกมาสี่คนนั้น เวลานี้ตกตะลึงถึงที่สุด นึกถึงเมื่อสักครู่พวกเขาคิดจะทำให้หยางเฉินพิการ เพียงรู้สึกว่าหัวใจของตนเองใกล้เต้นออกมาจากในปากแล้ว
“นายลุกขึ้นมาก่อน!”
สังเกตเห็นผู้คนมากมายโดยรอบมองเข้ามากันหมด หยางเฉินขมวดคิ้วตะโกนบอก
เขาไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชน โดยเฉพาะซุนซวี่เป็นผู้นำของตระกูลซุนหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ถ้าให้ผู้คนรู้ว่าเขาคุกเข่าลงแทบเท้าตนเองในที่สาธารณะ เกรงว่าสถานะของตนเองคงถูกขุดคุ้ยสารพัดแน่
ซุนซวี่ฟังความไม่พอใจในน้ำเสียงของหยางเฉินออก รีบลุกขึ้นมาทันที
“แกบอกว่า อยากจะให้ภรรยาฉันอยู่เป็นเพื่อนแกคืนหนึ่ง?”
หยางเฉินหรี่ตามองทางซุนกว่างถามขึ้น
“ตึก!”
ซุนกว่างอ่อนยวบไปทั้งตัว หยางเฉินถามแบบนี้ ทำให้ขาทั้งคู่ของเขาสูญเสียกำลังไปหมดเลย คุกเข่าลงไปทันที
หลิวเถียนก็รีบคุกเข่าแทบเท้าหยางเฉินตามไปติดๆ
“คุณหยางครับ ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ ครับ ถ้าผมรู้ว่าท่านกับเจ้าบ้านซุนรู้จักกัน ต่อให้ผมใจกล้าบ้าบิ่นมากแค่ไหน ผมก็ไม่กล้าครับ!”
ซุนกว่างใกล้จะร้อนใจแทบร้องไห้แล้ว ความหวาดกลัวในใจ ทำให้เขาแทบหมดสติ
แม้แต่ซุนซวี่ยังคุกเข่าแทบเท้าหยางเฉินเพื่อขอให้ลงโทษ นับประสาอะไรกับเขา
“เธอบอกว่า ภรรยาฉันแต่งงานกับสวะคนหนึ่งแล้ว?”
หยางเฉินมองทางหลิวเถียนอีกทีพลันถามไป
หลิวเถียนตกใจจนอ่อนแรงไปทั้งตัวตั้งแต่แรกแล้ว รีบพูดว่า “คุณหยางคะ ฉันต่างหากที่เป็นสวะ ทั้งบ้านฉันก็เป็นสวะหมดเลย ฉันปากเสีย กล้าเหยียดหยามฉินซี เป็นพวกสัตว์เดียรัจฉานเองค่ะ!”
“ป้าบๆ~”
หลิวเถียนพูดอยู่ ยกมือตบที่ปากของตนเองขึ้นมาอย่างรุนแรง
หล่อนหวาดกลัวถึงขั้นสุดจริงๆ ตบขึ้นมาไม่มีเบามือแม้แต่น้อย ตนเองตบปากตนเองไปด้วย ร้องไห้พูดไปด้วยว่า “ฉันผิดไปแล้วค่ะ ขอให้คุณหยางปล่อยฉันไปด้วยค่ะ!”
หยางเฉินมองทั้งสองคนด้วยสายตาเย็นชา และไม่ได้สงสารสักนิดเดียว
ถ้าพวกเขาเป็นคนธรรมดาจริง เกรงว่าเขาคงถูกหักแขนขาทั้งสี่จนพิการแล้ว ฉินซีก็จะถูกซุนกว่างพาตัวไปด้วยเช่นกัน
คนแบบนี้ ปล่อยไว้บนโลกนี้ ก็แค่สิ้นเปลืองอากาศเปล่าๆ
“เจ้าหมอนี่ เป็นคนของตระกูลซุนจริง?”
ทันใดนั้นหยางเฉินมองซุนซวี่ถามขึ้น
ซุนซวี่ตกใจ หน้าดูตื่นตระหนก รีบพูดว่า “คุณหยางครับ ขอบอกท่านตามตรง เขาชื่ออะไร ผมยังไม่รู้เลยครับ เพียงแต่รู้สึกคุ้นหน้า รู้ว่าเขาเป็นคนของตระกูลซุนครับ”
หยางเฉินทำหน้าแปลกประหลาด ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย?
“คุณหยางครับ ที่ผมพูดมาเป็นความจริงครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาชื่อว่าอะไรกัน!”
ซุนซวี่คิดว่าหยางเฉินไม่เชื่อเขา ชั่วขณะนั้นร้อนใจแล้ว รีบบอกไปทันที
“สารเลว สรุปแกเป็นใคร?” ซุนซวี่ตะคอกถาม
ซุนกว่างตกใจยกใหญ่ รีบตอบทันที “ครับเจ้าบ้าน ผมชื่อซุนกว่าง ปู่ทวดของผม กับปู่ทวดของท่าน เป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ”
ซุนซวี่พูดอย่างโมโห “ความสัมพันธ์แบบนี้ แกแม่งก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลซุนงั้นเหรอ?”
เขาโกรธเคืองจริง ถ้าซุนกว่างเป็นญาติพี่น้องที่มีความสัมพันธ์ใกล้หน่อยก็ว่าไป ใครจะรู้ ปู่ทวดของเขากับปู่ทวดของตนเองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
มิน่าเขาเพียงแค่คุ้นหน้า แต่ว่าซุนกว่างชื่ออะไร เขากลับไม่รู้
“คุณหยางครับ เจ้าสารเลวสองคนนี้ อยากจัดการอย่างไรครับ?” ซุนซวี่สอบถามทันใด
หยางเฉินกวาดตามองสองคนนิ่งๆ แวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยปากบอก “นายจัดการก็พอ!”
“ครับ คุณหยาง!” ซุนซวี่รีบรับปากทันที
พูดจบ เขาโบกมือขึ้น สั่งการกับบอดีการ์ดชุดดำสองคนที่อยู่ด้านหลัง “ลากไปให้ปลากิน!”
กล้าล่วงเกินหยางเฉิน งั้นก็คือโทษประหาร
เดิมซุนซวี่อยากจะสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหยางเฉิน กลับเกือบถูกญาติพี่น้องห่างไกลขนาดนี้ทำพังลง ต่อให้ฆ่าสองคนนี้ทิ้ง ยังไม่พอให้เขาระบายอารมณ์
พอได้ยิน ซุนกว่างตกใจจนฉี่ราดในที่สุด หลิวเถียนก็เช่นกัน ก้นกระแทกนั่งลงบนพื้นแล้ว บนพื้นยังมีของเหลวกองหนึ่ง คาดไม่ถึงตกใจจนฉี่ราดจริงๆ
“เป็นเพราะแกนังแพศยาคนนี้ ยังไม่รีบขอความเมตตากับเพื่อนสมัยเรียนของแกอีก ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องโดนให้เป็นอาหารปลาแน่” ซุนกว่างถีบบนตัวของหลิวเถียนไปทีหนึ่ง ตวาดขึ้นมาแล้ว
หลิวเถียนถึงได้สติกลับมา รีบคุกเข่าลงแทบเท้าฉินซี พูดอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา “เสี่ยวซี ขอร้องเธอปล่อยฉันไปสักครั้งนะ ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ ไม่ว่ายังไง พวกเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งสี่ปี เธอต้องช่วยฉันนะ!”
มองหลิวเทียนที่คุกเข่าแทบเท้าตนเอง และขอร้องอ้อนวอนแบบน่าเวทนา ฉินซีทนไม่ได้สักเท่าไร
“ที่รัก ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่างเถอะ?” ฉินซีมองหยางเฉินพูดขึ้น
หยางเฉินรู้ว่า ฉินซีต้องใจอ่อนเป็นแน่ บนโลกนี้ ผู้หญิงโง่แบบนี้ มีเพียงฉินซีคนเดียวแล้ว
หยางเฉินพยักหน้า “ไม่ลงโทษถึงประหารชีวิตก็ได้ แต่จำเป็นต้องลงโทษให้สาสม!”
ซุนกว่างและหลิวเถียนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ชั่วขณะนั้นดีใจใหญ่ อย่างน้อยก็รักษาชีวิตของตนเองไว้ได้
“ขอบคุณคุณฉิน! ขอบคุณคุณฉิน!”
ทั้งสองรีบกล่าวขอบคุณ
“วันหลังอยู่ที่เมืองเยี่ยนตู ฉันไม่อยากเห็นพวกเขาอีกต่อไป” หยางเฉินเอ่ยปากบอก
เห็นได้ชัดว่า คำพูดประโยคนี้พูดกับซุนซวี่
ความคิดของซุนซวี่ที่จะฆ่าสองคนนี้ทิ้งยังมีได้ นับประสาอะไรเพียงแค่ให้สองคนนี้หายไปจากเมืองเยี่ยนตู ซุนซวี่รีบพยักหน้าตอบรับทันที
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก? ต่อไปถ้าให้ฉันเห็นพวกแกที่เมืองเยี่ยนตูอีก งั้นคงไม่ได้ปล่อยพวกแกไปง่ายดายขนาดนี้เหมือนในวันนี้แล้ว” ซุนซวี่ตะโกนอย่างโมโห
ซุนกว่างและหลิวเถียนได้ยินคำพูดของซุนซวี่ เพียงรู้สึกว่าอ่อนยวบไปทั้งตัว พวกเขาเติบโตที่เมืองเยี่ยนตูมาตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างล้วนอยู่ที่เมืองเยี่ยนตู ปัจจุบันนี้กลับเพราะผิดใจหยางเฉินแล้ว แต่ทำได้เพียงจากไป
“แกนังตัวดีคนนี้ ยังมาอึ้งอะไรอยู่? ยังไม่รีบขอความเมตตาเพื่อนนักเรียนแกอีก? ถ้าไปจากเมืองเยี่ยนตูแล้ว พวกเราจะไปกินแกลบเหรอ?” ซุนกว่างตบบนหน้าของหลิวเถียนทีหนึ่ง ตะโกนขึ้นมาแล้ว
นี่เองหลิวเถียนถึงรู้สึกตัว แวบหนึ่งกระโจนไปตรงหน้าฉินซี จับแขนของฉินซีไว้ พูดด้วยอารมณ์ฮึกเหิม “ฉินซี ขอร้องเธออย่าให้แฟนเธอไล่ฉันไปจากเมืองเยี่ยนตูเลยนะ”
“ทุกอย่างของฉันอยู่ที่เมืองเยี่ยนตู ถ้าจากไป ฉันจบเห่จริงๆ แน่”
“ไปจากเมืองเยี่ยนตู ยังไม่สู้เท่ากับตายไปเลย เธอคงไม่เห็นคนที่ทุกข์ยากแล้วจะไม่ช่วยไว้หรอกมั้ง!”
หลิวเถียนขอร้องอ้อนวอนอย่างเร่งด่วน ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
หยางเฉินไม่ได้ขัดขวาง มองด้วยสายตาเย็นชา
ฉินซียังจิตใจดีเกินไป เขาอยากจะให้ฉินซีรู้ว่า อะไรคือความโลภของมนุษย์ เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
เห็นหลิวเถียนยังกล้าพัวพันกับฉินซี ซุนซวี่ตกใจจนฉี่เกือบราด เพิ่งอยากไปห้าม ทันใดนั้นก็มองเห็นสายตาของหยางเฉินแสดงความหมายว่าไม่ต้อง เขาถึงไม่กล้าก้าวก่าย
ฉินซีไม่เคยประสบพบเจอกับเรื่องราวแบบนี้มาก่อน ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรอยู่บ้าง
เดิมทีซุนซวี่คิดจะเอาตัวหลิวเถียนและซุนกว่างไปให้ปลากิน ซุนซวี่ยังเห็นแก่หน้าของหยางเฉิน เพียงแค่ให้หลิวเถียนพวกเขาออกไปจากเมืองเยี่ยนตู
แต่นึกไม่ถึง หล่อนยังอยากอยู่ที่เมืองเยี่ยนตูต่อ
ฉินซีมองหยางเฉินแวบหนึ่งเหมือนขอความช่วยเหลือ เห็นหยางเฉินไม่มีความคิดจะสนใจ เธอแอบถอนหายใจแล้ว
“ที่รัก ถ้าไม่อย่างนั้นก็ปล่อยไปเถอะ?” ฉินซีเกรงใจพอสมควร สอบถามด้วยน้ำเสียงแบบปรึกษาระดับหนึ่ง
หยางเฉินพยักหน้า “ตามใจคุณ!”
“คุณฉินจิตใจดี ยอมขอร้องแทนพวกแก แต่ยังเป็นคำพูดนั้น ไม่ลงโทษถึงประหารชีวิต แต่จำเป็นต้องลงโทษให้สาสม ซุนกว่าง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แกถูกไล่ออกจากตระกูลซุนแล้ว ขอเพียงเป็นทุกอย่างของตระกูลซุน ภายในเวลาสามวัน แกส่งออกมาให้หมด”
ซุนซวี่ได้รับความหมายโดยนัยของหยางเฉิน รีบพูดทันที