บทที่ 201 มันคือกับดัก
หลังจากนั้นไม่นาน ซือโถวเหวินหยวนก็พยายามถาม “ท่านหลิง นายหญิงเรียนรู้วิชาเก้าอักขระมนตราแล้วจริงหรือ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ข้าสอนนางแล้ว!”
ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยความลังเลเล็กน้อย “แต่วิชาเก้าอักขระมนตรามันเป็นความลับของสำนักเต๋าสวรรค์ของสำนักข้าไม่ใช่เหรอ? เอ๊ะ หรือว่าท่านจะไม่ใช่คนของสำนักเก้าเทพอสูร แต่เป็นผู้อาวุโสของสำนักเต๋าสวรรค์ของข้า?”
หลิงตู้ฉิงทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “ใครบอกว่าข้าเป็นคนของสำนักเก้าเทพอสูร?”
ซือโถวเหวินหยวนตกใจและถามว่า “หา! ก็ไม่ใช่ว่าพ่อบ้านของท่านเป็นคนจากสำนักเก้าเทพอสูรไม่ใช่งั้นเหรอ? แล้วถ้าอย่างนั้นท่านเป็นผู้อาวุโสฝ่ายไหนในสำนักเต๋าสวรรค์ของข้ากัน?”
“สิ่งที่ท่านกำลังคิดอยู่มันผิดทั้งหมด ข้าก็คือข้า!” หลิงตู้ฉิงพูด “ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการบ่มเพาะของว่านถิง ข้าจะชี้แนะนางเอง”
มีสองสิ่งที่ท่านต้องทำ อย่างแรก เมื่อข้าไม่อยู่ท่านต้องดูแลความปลอดภัยของนาง ประการที่สองลดระดับการบ่มเพาะของท่านให้อยู่ในระดับเดียวกับนางและใช้ทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้มาเพื่อต่อสู้กับนาง นอกจากนี้ท่านได้เห็นสัญญาแล้วว่าท่านไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยความลับใด ๆ ของนาง”
ซือโถวเหวินหยวนพยักหน้าซ้ำ ๆ “แม้ว่าข้าจะต้องตาย ข้าก็จะไม่ทำร้ายนาง ด้วยพรสวรรค์ในร่างของนาง นางนับได้ว่ามีสถานะเป็นเทพธิดาของสำนักข้า ท่านวางใจได้หากบรรดาผู้อาวุโสของสำนักข้ารู้เรื่องนี้พวกเขาจะปฏิบัติต่อนางเหมือนบรรพบุรุษของตัวเอง เป็นเวลานานมากแล้วที่ในสำนักของข้าไม่มีผู้ถือครองร่างวิถีแห่งนภาครามปรากฎกายขึ้นเสียที และยิ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นต่อไปสำนักเต๋าสวรรค์ของข้าคงจะถึงกาลอวสาน การได้มาเจอลูกของท่านนับว่าเป็นวาสนาของสำนักข้าโดยแท้จริง ๆ”
“ดีแล้วที่ท่านเข้าใจเรื่องนี้!” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นอกจากนี้ข้าไม่ได้ล้อเล่นเกี่ยวกับการที่ข้าจะทำให้ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับโอสถวิญญาณบริสุทธิ์รึเปล่า? ข้ามีวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถวิญญาณบริสุทธิ์แค่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งมันยังขาดวัตถุดิบอื่นอีกหลายอย่าง”
“ท่านสามารถหลอมโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ได้ด้วยงั้นเหรอ?” ซือโถวเหวินหยวน ตกใจอีกครั้ง “ท่านอยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณเท่านั้น ท่านจะหลอมโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ได้ยังไง?”
“ไม่ ข้าจะยังไม่หลอมมันในตอนนี้ แต่เมื่อไหร่ที่ข้าทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตประสานทะเลปราณ ถึงเวลานั้นข้าถึงจะหลอมมันให้กับท่าน” หลิงตู้ฉิงพูด “ข้าจะบรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้ภายใน 2 หรือ 3 ปีเป็นอย่างมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือข้าต้องการวัตถุดิบเพิ่มเติม”
ซือโถวเหวินหยวนเปิดแหวนมิติทั้งหมดและเปิดเผยทรัพย์สมบัติของเขา “เลือกสิ่งที่ท่านต้องการได้เลย มีสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับนายหญิงด้วย”
ซือโถวเหวินหยวนเข้าใจชัดเจนดีว่าตราบใดที่หลิงตู้ฉิงหลอมโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ให้เขาได้สำเร็จ เขาก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนาน เขาจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้ถึงเวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น และเขายังมีโอกาสที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง นั่นก็คือการบรรลุระดับไปถึงขอบเขตนภาระดับ 13 ก่อนที่จะทะลวงขอบเขตไปเป็นขอบเขตสวรรค์
แต่โอสถวิญญาณบริสุทธิ์ถือได้ว่าเป็นโอสถระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุด ซึ่งสรรพคุณของมันนั้นอาจเทียบเท่าได้กับโอสถระดับสวรรค์ สรรพคุณหลักของมันก็คือผลในการรักษาอันยอดเยี่ยมและยังสามารถยืดอายุขัยของที่กลืนกินมันได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามโอสถชนิดนี้นั้น มันไม่ใช่โอสถธรรมดา ๆ ที่คนสามัญทั่วไปจะหลอมมันออกมาได้ง่าย ๆ
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้ยินเช่นนี้ เขาหยิบฉวยทรัพย์สมบัติของซือโถวเหวินหยวนไปกว่าครึ่ง
ซือโถวเหวินหยวนที่เห็นภาพเช่นนี้เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ เนื่องจากว่านี่คือทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขาออมมาตลอดชีวิตของเขา
แต่เมื่อเขานึกได้ถึง การที่เขาได้มาเจอกับหลิงว่านถิง เขาจึงรู้สึกว่ามันคุ้มค่า
“นี่มันยังขาด ดอกดอกบัวชำระจิต” หลิงตู้ฉิงคำนวณและพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ดอกบัวชำระจิต ธรรมดายังไม่เพียงพอต้อง มันต้องมีอายุมากกว่าหมื่นปี”
“ข้าไม่มีหรอก ดอกบัวชำระจิต ที่มีอายุมากกว่าหมื่นปี พวกมันเป็นสมุนไพรที่พบเจอได้ยากเป็นอย่างมาก” ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่น
“ถ้าอย่างนั้นท่านต้องออกไปหาดอกบัวชำระจิตมาให้ข้า เอาแบบที่ยังมีชีวิตและยิ่งแก่ยิ่งดี สิ่งสำคัญที่สุดคือมันต้องมีชีวิต นอกจากนี้ท่านบอกข้าได้ไหมว่าทำไมท่านถึงมาที่นี่?” หลิงตู้ฉิงถาม
ซือโถวเหวินหยวนพูดอย่างเขินอาย “ก็เพราะว่ากุญแจสู่ ‘เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ’ นั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ ทำให้ข้าถูกไล่ล่าจนต้องเข้ามาหลบภายในอาณาเขตทะเลชางหมางแห่งนี้ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ไม่สามารถเข้ามาได้มันจึงกลายเป็นที่หลบภัยที่ดี”
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจว่าใครเป็นคนตามฆ่าเขาและพูดว่า “ไปหาดอกบัวชำระจิตมาตามคำขอของข้า”
ซือโถวเหวินหยวนพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจะลองติดต่อคนรู้จักของข้าคนอื่น ๆ ก่อนและดูว่าพวกเขามีพวกมันอยู่บ้างไหม อ๋อใช่แล้ว ข่าวของดอกไม้ฟื้นชีพของท่านนั่นดึงดูดเหล่าคนโลภที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นจำนวนมาก ข้าเกรงว่าอีกไม่นานคงจะต้องมีหลายคนที่ทนไม่ไหว พวกเขาอาจรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมากและบุกเข้ามาถล่มที่นี่พร้อม ๆ กัน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ยิ่งพวกเขามากันเยอะก็ยิ่งดี ข้าเองก็กำลังขาดพวกวัตถุดิบวิเศษอยู่อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งหุ่นเชิดที่จะไว้ใช้เฝ้ายามหน้าประตูด้วย ยิ่งพวกเขามากันมากเท่าไหร่ข้าก็ยิ่งดีใจมากเท่านั้น!”
ซือโถวเหวินหยวน เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาเองยังรู้สึกหนาวสันหลัง เขาพยักหน้าและหันหลังจากไปทันที
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าข่าวเรื่องดอกไม้ฟื้นชีพที่แพร่ออกมานั้นเป็นเป็นเพียงกับดักของหลิงตู้ฉิง
ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงมีทัศนคติที่เป็นธรรม
หากเป็นการแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรม หลิงตู้ฉิงจะมอบผลประโยชน์ให้อย่างเท่าเทียม แต่ถ้าหากมีใครบางคนที่ไม่ต้องการทำข้อตกลงที่ยุติธรรมและจงใจใช้กำลังเพื่อแย่งชิง จุดจบของพวกเขาก็คงไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าหน้าคฤหาสน์สราญรมย์ ที่มีระดับการบ่มเพาะถึงขอบเขตนภาระดับ 12!
ซือโถวเหวินหยวนเริ่มเข้าใจความตั้งใจของหลิงตู้ฉิงขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าที่แท้จริงนั้นคือหลิงตู้ฉิงต้องการให้เหล่าคนโลภพวกนั้นเข้ามาแย่งชิงกับเขาต่างหาก เพื่อที่เขาจะได้มีเหตุผลในการยึดทรัพย์สมบัติต่าง ๆ และเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นให้กลายเป็นหุ่นเชิดเพื่อไว้ใช้ส่วนตัว โดยใช้สถานการณ์เช่นนี้อำพลางตัวเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และทำทุกอย่างไปเนื่องจากว่าเป็นการปกป้องตัวเอง
เมื่อเดินออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ด้วยความคิดยุ่งเหยิงเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิง ซือโถวเหวินหยวนก็จัดระเบียบความคิดของตัวเองใหม่ และเริ่มครุ่นคิดว่าใครบ้างที่น่าจะมี ดอกบัวชำระจิตไว้ในครอบครองเพื่อที่เขาจะลองเข้าไปแลกเปลี่ยนกับคนผู้นั้น เพื่อที่จะทำตามภารกิจที่หลิงตู้ฉิงมอบให้ได้สำเร็จ
ในอีกด้านหนึ่งหลังจากที่หลิงตู้ฉิงส่งซือโถวเหวินหยวนไปแล้ว เขาก็ลุกขึ้นและไปหาหลิงว่านถิง
“ว่านถิง พ่อเข้าไปได้ไหม?” หลิงตู้ฉิงถามขณะยืนอยู่ข้างนอกเรือนของหลิงว่านถิง
หลิงตู้ฉิงที่ในตอนนี้ได้เข้าใจเรื่องมารยาทในครอบครัวมาจากการสอนของถังชี่หยุน เขาจึงเข้าใจว่าถ้าหากเขาจะเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของลูก ๆ เขา เขาต้องถามการอนุญาตจากลูก ๆ ของเขาก่อน
หลิงว่านถิงต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ ท่านมาตามหาข้าแบบนี้ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับตาแก่นั่นใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มขณะที่เดินเข้ามา “อืม ตาเฒ่าคนนั้นมาจากสำนักเต๋าสวรรค์ แต่เดิมพ่อตั้งใจที่จะส่งเจ้าไปที่สำนักเต๋าสวรรค์อยู่แล้วเพื่อช่วยเหลือพวกเขาหลังจากที่พ่อฝึกฝนเจ้าเสร็จ นี่จึงเป็นโอกาสเหมาะพอดีที่คนจากสำนักเต๋าสวรรค์หาเจ้าเจอก่อน ซึ่งมันจะช่วยลดความยุ่งยากของเจ้าไปได้มาก”
“แถมในตอนนี้เมื่อเจ้ามีเขาอยู่ข้างกายไว้ใช้งานแล้ว เจ้าก็จะได้มีคู่ซ้อมที่เหมาะสมกับเจ้าไว้ช่วยฝึกฝนประสบการณ์ต่อสู้จริงให้เจ้าได้ทุกวัน แต่เจ้าต้องจำไว้ไม่ว่าเขาจะสอนอะไรเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียนรู้มัน เจ้าจะต้องค้นหาเส้นทางการบ่มเพาะที่เหมาะสมกับตัวเจ้าเองไปในระหว่างที่เจ้าได้ซ้อมประมือกับเขา เจ้าเข้าใจไหม?”
“ท่านพ่อ ข้ามาจากสำนักเต๋าสวรรค์เหรอ?” หลิงว่านถิงถามอย่างสงสัย
“ไม่หรอก คนของสำนักเต๋าสวรรค์ไม่สามารถให้กำเนิดคนอย่างเจ้าได้” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “พ่อจะบอกความลับของเจ้าบางอย่างให้ ร่างกายของเจ้าเรียกว่า ร่างกายวิถีนภาคราม แม้ว่าเจ้าจะไม่จำเป็นต้องกลัวคนอื่นมาแย่งชิงร่างกายของเจ้า แต่ถ้าขุมกำลังฝั่งตรงข้ามของสำนักเต๋าสวรรค์รู้เรื่องนี้ พวกเขาจะมาตามล่าเจ้าแน่นอน ดังนั้นอย่าไปบอกคนอื่นนอกจากจะถึงวันที่เจ้ามีกำลังเพียงพอที่จะต่อสู้กับศัตรู”
หลิงว่านถิงครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะถามว่า “ท่านพ่อ พวกเราทุกคนพี่น้องต่างมีความพิเศษที่คนธรรมดาไม่มีใช่ไหม? ข้าสังเกตเห็นว่าปู่โม่ดีกับน้องสามมากและพี่เยว่เฟิงก็ดีกับน้องเจ็ดเป็นพิเศษ ส่วนตอนนี้ก็ดันมีใครบางคนก็ไม่รู้มาเริ่มเห็นคุณค่าของข้า ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็แปลกมากใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงตอบพร้อมรอยยิ้ม “พวกเจ้าทุกคนล้วนมีความมหัศจรรย์ของตัวเอง แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าเจ้าต้องไม่ให้ข้อมูลของพี่น้องเจ้าทุกคนรั่วไหลออกไป ไม่เช่นนั้นมันจะเกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นและพวกเจ้าทุกคนจะมีอันตราย เจ้าเข้าใจไหม?”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” หลิงว่านถิงพยักหน้าอย่างจริงจัง
หลังจากสั่งหลิงว่านถิงซ้ำ ๆ แล้วหลิงตู้ฉิงก็เตรียมตัวจะออกไป
หลิงว่านถิงรีบพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้มาหาข้าตั้งแต่พวกเราย้ายเข้ามาที่นี่ ในเมื่อไหน ๆ วันนี้ท่านก็มาหาข้าแล้ว ให้ข้าได้ชงชาให้ท่านลองดื่มสักหน่อยจะได้ไหม ข้าเพิ่งเรียนรู้การชงชาเมื่อไม่กี่วันก่อนและกำลังอยากจะลองชงให้ท่านและท่านแม่ทุกคนลองชิมอยู่พอดี”
“ได้เลย!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ดูจากท่าทางของเจ้า เจ้าคงต้องการให้พ่อมาหาเจ้าบ่อย ๆ ใช่ไหม?”
หลิงว่านถิงอดไม่ได้ที่จะบ่น “ตั้งแต่ที่เรามาที่คฤหาสน์สราญรมย์ท่านเอาแต่สนใจเรื่องการบ่มเพาะของเรา ไม่ใช่ชีวิตประจำวันของเรา แถมหลังจากที่ท่านแต่งงานท่านก็เอาแต่อยู่กับบรรดาท่านแม่ตลอดทั้งวันโดยไม่สนใจเราเลย”
หลิงตู้ฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เอาล่ะ เอาล่ะ พ่อเข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะหาเวลานั่งคุยกับเจ้าและเล่าเรื่องให้เจ้าฟัง ดูสิเจ้าอายุก็ปาเข้าไปเท่าไหร่แล้ว ยังอยากให้พ่อเล่านิทานให้ฟังเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกงั้นเหรอ? อีกไม่กี่ปีเจ้าก็จะถึงวัยแต่งงานแล้วเจ้ารู้บ้างไหม?”
หลิงว่านถิงพูดอย่างเขิน ๆ พลางชงชาไปด้วย “ข้าไม่เห็นจะสนใจเรื่องการแต่งงานเลย ข้าอยากจะติดตามท่านพ่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ มากกว่า และเมื่อข้าโตขึ้น ข้าจะคอยสอนวิธีบ่มเพาะให้น้องชายและน้องสาวที่เกิดจากท่านแม่ทั้งหลายของข้า เอาล่ะท่านพ่อ ข้าชาชงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อลองชิมดูสิ”
หลิงตู้ฉิงจิบชาที่ชงโดยลูกสาวของเขา มันขมและฝาด แต่ก็แฝงไปด้วยความรัก
“อร่อย…” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างใจเย็น “ดีจริง ๆ ที่เจ้าได้เตือนพ่อในเรื่องที่พ่อละเลยพวกเจ้าพี่น้อง เอาล่ะเดี๋ยวพ่อจะขอตัวไปดูพี่น้องคนอื่น ๆ ของเจ้าต่อก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงรีบลุกขึ้นยืนและจากไปทันที ทิ้งให้หลิงว่านถิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
หลิงว่านถิงจ้องไปที่แผ่นหลังของหลิงตู้ฉิงด้วยความงุนงง จากนั้นนางจึงลองชิมชาของตัวเองและพ่นมันออกมาทันทีที่ลิ้นของนางสัมผัสกับน้ำชานั่น
“แหวะ ๆๆๆ มิน่าล่ะทำไมท่านพ่อถึงดูรีบร้อนนัก ที่แท้เขาก็ทนไม่ไหวกับรสชาติของชาข้านี่เอง!” หลิงว่านถิงกำหมัดแน่นและพูดว่า “ฮึ่ม! คอยดูนะท่านพ่อ นับตั้งแต่ต่อไปนี้ข้าจะฝึกชงชาให้ดีกว่านี้แน่นอน มันจะต้องมีสักวันที่ท่านจะต้องชอบชาที่ข้าชง!”
Related