“ก่อนมาอ่านระเบียบพนักงานหรือยังครับ? ทำไมถึงเรียกชื่อเต็มบอสแบบนั้น” พออวี้เฟิงจับผิดเธอได้ “ผมว่าคุณเป็นคนที่ไม่รอบคอบขนาดนี้ ไม่ทำตามคำสั่งของหัวหน้างาน ที่ไหนสบายก็กลับไปเถอะครับ บริษัทเราคงไม่กล้าจ้างพนักงานที่เป็นคุณหนูอย่างคุณ”
คำพูดนี้ทำให้หลิงเยว่หมดคำพูด
เธอเลยรับเอกสารมาจากอวี้เฟิงอย่างหงุดหงิด ในใจเอาแต่ด่าอวี้เฟิงร้อยรอบพันรอบ
หลิงเยว่เดินออกไป เดินตามทางที่คนอื่นบอกไปที่ห้องถ่ายเอกสาร
แต่ทุกคนกลับจงใจแกล้งเธอ ตอนที่ถึงคิวเธอ คนรับผิดชอบห้องถ่ายเอกสารก็ให้เธอกรอกอะไรก็ไม่รู้ แล้วเนื้อหาพวกนั้นอวี้เฟิงก็ไม่ได้บอกเธอด้วย
อยากจะให้เธอยอมแพ้เอง แล้วไปจากฮวาเจิง แต่หลิงเยว่ไม่ยอมหรอก!
เสียเวลาไปหลายชั่วโมงกับการถ่ายเอกสาร หลิงเยว่อุ้มกองเอกสารที่หนักไว้ ในสายตามีแต่ความโกรธ ไอ้บ้าอวี้เฟิง รอฉันได้เป็นคุณหญิงน้อยตระกูลชู่ก่อนเถอะ จะไม่ปล่อยเขาไว้แน่!
“กลับมาแล้วเหรอครับ? นึกว่าคุณหนีไปแล้วสักอีก” อวี้เฟิงเยาะเย้ย “แค่ถ่ายเอกสาร แต่ช้าขนาดนั้น ในวันหนึ่งคุณทำอะไรได้บ้างครับ?”
เขาจงใจถอดนาฬิกาข้อมือ แล้วยื่นให้หลิงเยว่ดู
ใช้เวลาไปห้าชั่วโมง ตอนนี้จะมืดแล้ว แต่สำหรับอวี้เฟิง ทำงานดึกเป็นเรื่องปกติ
“ฉันทำครั้งแรก เลยไม่ค่อยคล่อง……” อยากมีโอกาสใกล้ชิดชู่จี้ อาจจะต้องลงมือจากผู้ชายคนนี้ อยู่ดีๆหลิงเยว่ก็เปลี่ยนใจ ท่าทางเลยดีขึ้น
เห็นหลิงเยว่เปลี่ยนไปขนาดนี้ อวี้เฟิงเลยขนลุก “ถ้าพรุ่งนี้ยังทำงานแย่อีก งั้นคุณก็ยื่นลาออกเองเถอะครับ” เพราะบอสก็อยากหาทุกวิถีทางทำให้หลิงเยว่อยู่ต่อไม่ได้
“ใช่สิ คืนนี้ คุณต้องคุยงานกับผม” อวี้เฟิงพูดอย่างนิ่งเฉย จงใจแกล้งไปไม่กี่วัน คุณหนูคนรวยก็คงรับไม่ได้กลับบ้านไปเอง
“เป็นไง ชอบไหม?” ชู่จี้พาซังอี๋ไปกินข้างที่ร้านอาหารสวยมาก
ที่สวยมากเพราะได้กินข้าวท่ามกลางธรรมชาติ ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติขนาดนี้ เลยทำให้คนอารมณ์ดีขึ้น
ลมพัดผ่านมาเบาๆ มีหิ่งห้อยเปล่งแสงบินมา ทุกอย่างดูสวยไปหมด
ซังอี๋รู้สึกสนใจกับบรรยากาศตรงหน้า “นี่คือ……” ทุกอย่างตรงหน้าน่ามหัศจรรย์จริงๆ
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ไอเดียนี้ดีมาก ร้านอาหารหรูส่วนใหญ่จะอยู่กลางเมือง ไม่ค่อยมีใครสนใจความธรรมชาติกับความสงบแบบนี้ นี่ก็ให้ความรู้สึกอีกแบบ
“ฉันอยากตีตลาดร้านอาหาร ถึงการแข่งขันจะดุเดือด แต่ฉันคิดว่า ถ้ามีไอเดียใหม่ๆ ก็สามารถชนะได้” ชู่จี้มองสวนดอกไม้รอบๆ จากนั้นก็มองไปที่เธอ “ตอนนี้เริ่มดำเนินการแล้ว เธอสนับสนุนฉันไหม?”
เขาไม่เคยก้มหน้าให้พ่อตัวเองอยู่แล้ว ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่โดดเดี่ยวก็ตาม
เขาไม่มีวันลืม ผู้ชายคนนั้นทำอะไรกับแม่เขาบ้าง
“แน่นอน ฉันจะคอยสนับสนุนนายอยู่ข้างหลัง” ซังอี๋กุมมือเขาไว้ อยากให้ความอบอุ่น “ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็จะอยู่กับนาย”
ชู่จี้ยิ้มมุมปาก “คุณภรรยาแบบนี้สวยมาก จนผมทนไม่ไหวอยากจะกลืนกิน”
“ถึงจะช่วยอะไรนายไม่ได้ แต่ฉันก็จะพยายามทำเรื่องทุกอย่างที่นายสั่ง” ซังอี๋สัญญาด้วยแววตาจริงจัง จนชู่จี้คิดว่าที่ตัวเองเห็นไม่ใช่เรื่องจริง
เขาค่อยๆดึงมือออก “เธอรู้จักรีสหรือเปล่า?”
ซังอี๋ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง “เหมือนเคยได้ยิน น่าจะเป็นคนที่เก่งใช่ไหม” เธอตอบอย่างไม่มั่นใจ
ชู่จี้มองต่ำ แล้วคนกาแฟในแก้ว “อีกสักระยะหนึ่ง ฉันจะให้เธอไปบริษัทเขา เธอเข้าใจฉันไหม?”
ซังอี๋เงยหน้า บอกเขาอย่างไม่เชื่อ “นายหมายความว่า……”
“ใช่” ชู่จี้ก็อยากดูเหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้จะเล่นอะไร จะทำเพื่อตัวเองจริงๆหรือเปล่า
ซังอี๋เงียบไปครู่หนึ่ง พอคิดดีแล้วจึงพยักหน้า “ได้ ฉันจะเชื่อฟังนาย”
เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน ซังอี๋ก็เรียนจบแล้ว เธอคิดว่าจะทำงานไปด้วยแล้วสอบป.โทไปด้วย ทำงานกับชู่จี้ เธอคิดว่า เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อชู่จี้
ชู่จี้จึงรับซังอี๋ไปอยู่ด้วยกัน แบบนี้ไปกลับทำงานก็จะสะดวก
ระหว่างนั้น ชู่จี้ไปแตะต้องซังอี๋เย แต่หยอกล้อเธอ ทำการกระทำที่ทำให้คนอื่นคิดลึก ถึงซังอี๋จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็หักห้ามความสงสัยไว้
“ชา” ซังอี๋ยกน้ำชามาให้ “ดึกขนาดนี้แล้ว ควรพักผ่อนแล้ว”
เธอเป็นห่วงผู้ชายคนนี้
ถึงภายนอกจะดูดีแค่ไหน แต่ความพยายามขนาดนั้นใครจะมองเห็น?
ชู่จี้ค่อนข้างล้า แต่วางถ้วยชาข้างๆแล้วทำงานต่อ พูดโดยที่ไม่เงยหน้า “งานนี้สำคัญมาก ฉันจะลงมือทำเอง เธอเหนื่อยก็ไปพักก่อนเถอะ”
ซังอี๋เลยนั่งลงข้างๆเขา “มีอะไรที่ฉันช่วยได้หรือเปล่า?”
กี่วันนี้ เธอจัดการงานทุกอย่างได้เป็นระเบียบ เพอร์เฟคมาก
เธออยากยืนข้างผู้ชายคนนี้ แบ่งเบาภาระเขา แล้วเก่งพอที่จะเหมาะสมกับเขา
“เป็นห่วงฉันเหรอ?” ชู่จี้กอดเอวเธอไว้ “ไปนอนเถอะนะ เด็กดี”
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านผิวของทั้งสอง ซังอี๋แค่กะพริบตาพูดว่า “ฉันอยากอยู่กับนาย อยากเป็นคนที่เก่งเหมือนนาย”
อาจจะเพราะซังอี๋สะกิดใจชู่จี้ เขาชะงัก จากนั้นก็จับคางเธอขึ้น แล้วจุมพิตริมฝีปาก ความเร่าร้อนปนไปด้วยความเอาแต่ใจ เหมือนอยากจะกลืนกินเธออย่างนั้น
ความรู้สึกระหว่างริมฝีปาก ชู่จี้ไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่า ผู้หญิงคนนี้ดึงดูดตัวเองมาก ตอนที่จะทำขั้นต่อไป ร่างกายเขาก็หยุดชะงัก แล้วลุกขึ้นจากตัวผู้หญิงคนนี้ ในหัวมีภาพบางอย่างลอยเข้ามา ภาพที่เธออยู่บนเตียงกับรีส
ชู่จี้เหมือนตัวเองโดดน้ำเย็นสาดลงหัว
เขาหักห้ามความรู้สึกไว้ แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำ “กลับไปนอนเถอะ เดี๋ยวฉันทำงานก่อน”
ชู่จี้รักศักดิ์ศรีมาก จึงรับไม่ได้ที่ผู้หญิงของตัวเองอยู่บนตัวผู้ชายคนอื่น
คืนนั้น เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีแค่รีสกับซังอี๋ที่รู้ แต่เขา กลัวโดนหักหลังมากกว่า