Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 209 กระบี่เร็วหลินเฟิง

ตอนที่ 209 กระบี่เร็วหลินเฟิง

 

คําอธิบายของม่าเฉินใส่รายละเอียดดีมาก เซี่ยวเฉินเข้าใจ หลังจากที่เขาอธิบายในครั้งเดียว ตอนนี้เขาเข้าใจว่าชายชราผู้นั้นหมายถึงอะไรที่บอกให้ปักหลักและขัดเกลา นี่จะต้องหมายถึงให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันนี้

 

เซี่ยวเฉินคิดกับตัวเอง เขาสามารถตอบสนองการท้าทายจากผู้อื่นแต่ไม่ชอบที่จะท้ายทายผู้อื่น เขาไม่มีเวลาไปทําเรื่องเช่นนั้น

 

ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ได้อยู่ 500 อันดับสุดท้ายอีกต่อไป ตราบใดที่เขารักษาอันดับนี้ไว้ได้ เขาก็ไม่ต้องไปกังวลที่จะถูกเตะโด่งออกจากศาลากระบี่สวรรค์

 

มันเริ่มสายมากแล้วและเซี่ยวเฉินกังวลที่จะกลับไปที่ยอดเขาฉิงหยุน เขาจึงไม่ได้พูดคุยต่อกับม่าเฉิน เขาขอตัวและออกจากโถงคุณความชอบในทันที

 

ฐานส่องสวรรค์ยังคงวุ่นวายเต็มไปด้วยฝูงชนเหมือนเช่นเคย

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินก้าวเท้าออกจากโถงคุณความชอบ,เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันหลายสายมุ่งตรงเข้ามาที่เขา เขาอดที่จะหยุดเท้าลงไม่ได้

 

มีกลุ่มคนบนท้องถนนกําลังมุ่งหน้าเข้ามาที่โถงคุณความชอบ พวกเขาสวมเครื่องแบบของยอดเขาว่านเหริน,สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา มีความเย็นชาอยู่ในดวงตาของพวกเขา พร้อมกับเดินตรงเข้ามาที่เซี่ยวเฉิน,หยุดเท้าลงห่างจากเขาไปสิบเมตร

 

เซี่ยวเฉินเห็นหยางฉีอยู่ในกลุ่มคน,เขามองมาที่เซี่ยวเฉินอย่างเย็นชา และกระซิบกระซาบข้างหูของคนผู้หนึ่ง

 

คนผู้นั้นใบหน้าดูธรรมดาและซกมก อย่างไรก็ตาม,มีแสงเรืองผ่านตัวตาของเขาเป็นบางครั้ง ทําให้เกิดความหวาดกลัวเมื่อมองเห็นมัน เขาคือระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น

 

“มีการแสดงดีๆให้ดูจริงๆ นั้นคือกระบี่ไวหลินเฟิงแห่งยอดเขาว่านเหริน เขาอยู่อันดับที่ 106 ศิษย์แก่นกลางอันดับที่สองแห่งยอดเขาว่านเหริน

 

“เขาประกาศไว้นานแล้วว่าจะมากู้ชื่อให้หยางฉีในนามของเขา ดูเหมือนครั้งนี้เยู่เฉินจะหลบหนีไปไม่ใช่ง่าย”

 

“มันก็พูดยาก เนื่องจากเย่เฉินสามารถล้มหยางฉีได้ ในวันนั้น เขาก็อาจจะล้มหลินเฟิงได้เช่นกัน นอกจากนั้น,ตอนนี้เยู่เฉินอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูง ข้าเชื่อว่าศิษย์แก่นกลางอันดับหนึ่ง หลัวเคออี้, จะต้องอยากจัดการกับเขา”

 

“มันอาจจะเป็นไปได้เมื่อสองเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้หลินเฟิงอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธกับขอบเขตนักบุญแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันมีช่องว่างระหว่างพลังใหญ่หลวง”

 

“ฮ่าฮ่า,เซี่ยวเฉินอาจจะไม่มีแม้แต่โอกาสเมื่อสองเดือนก่อน ฉายากระบี่เร็วของหลินเฟิงไม่ได้มีไว้นําหน้าเล่นๆ อย่างดีที่สุด,เขาคงจะแพ้อย่างสง่างาม ตอนนี้,ข้าคาดว่าเซี่ยวเฉินคงจะรับไม่ได้แม้แต่กระบวณท่าเดียว”

 

เมื่อหลินเฟิงปรากฏตัว,มันดึงดูดศิษย์ชั้นในทั้งหมดในโถงคุณความชอบ

 

สีหน้าของเซี่ยวเฉินไม่เปลี่ยนแปลง,เขายังคงนิ่งสงบราวสายน้ํานิ่ง,ปราศจากละลอกคลื่น เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นหลินเฟิงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน,เขามองไปอย่างไร้ความหวาดกลัว

 

หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าและมายืนตรงหน้าเซี่ยวเฉิน เขากล่าวด้วยเสียงเย็น “สองเดือนก่อน,เจ้าได้ทําร้ายศิษย์ยอดเขาว่านเหรินของข้ามากมาย?”

 

“ถูกต้อง!” เซี่ยวเฉินตอบอย่างเฉยเมย

 

กระแสพลังของหลินเฟิงพุ่งสูงขึ้นพร้อมกับมือขวาของเขา แตะไปที่ด้ามกระบี่ เขาจ้องมองไปที่เซี่ยวเฉินและกล่าวขึ้น “ข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้ตัว หากข้าไม่พอใจ,เขาจะเอาคืนเป็นสิบเท่า”

 

“ฝีมือพวกมันกระจอก,ไม่มีอะไรให้บรรยาย!” หลังจากที่เซี่ยวเฉินกล่าวจบ,เขาก้าวขึ้นหน้าไปโดยไม่มีใครรู้สึกถึง

 

“แก้ง! แก้ง!”

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินกล่าวจบ,หลินเฟิงชักกระบี่ของเขาออกมาและปรากฏเป็นแสงเย็นยะเยือก ฝูงชนมองเห็นเพียงภาพเลือนลาง,พวกเขาไม่แม้แต่จะมองเห็นว่ากระบี่รูปร่างเป็นเช่นไร

 

“ปัง”

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แต่เดิมพวกเขาคิดว่าเซี่ยวเฉินจะต้องพ่ายแพ้ในทันทีโดยการจู่โจมกระบี่เร็ว, เลือดสายเป็นสาย

 

อย่างไรก็ตาม,ในความเป็นจริง,หลินเฟิงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เสียงแตกหักดังออกมาจากหน้าอกของเขาพร้อมกับลงไปกองกับพื้น กระบี่ของเขาหลุดออกจากมือไป

 

เซี่ยวเฉินเดินขึ้นหน้าและเหยียบลงไปที่หลินเฟิงอย่างรุนแรง,ผู้ที่ดิ้นรนพยายามลุกขึ้นยืน มีเสียงแตกหักดังออกมา อีกครั้งและกระดูกซี่โครงของหลินเฟิงแตกหักไปอีกสองสาม

 

หลินเฟิงทําเสียงอึกอักด้วยความเจ็บปวด เขาชี้ไปที่เซี่ยวเฉินและพูดด้วยน้ําเสียงไม่พอใจ “เจ้า”

 

สถานการณ์พลิกไปได้เช่นไร! การจู่โจมที่น่ากลัวของหลินเฟิงถูกเซี่ยวเฉินเคาะลงไปนอนด้วยหมัดเดียว ฝูงชนไม่รู้จะตอบสนองเช่นไร

 

ในสายตาของพวกเขา,หลินเฟิงเห็นชัดว่าเป็นผู้ลงมือก่อน นอกจากนั้นยังเลรวดเร็วอย่างมาก,พวกเขาไม่แม้แต่จะมองทัน แต่ทําไม,คนที่เจ็บกลับกลายเป็นหลินเฟิง?

 

“เยู่เฉิน! เอาเท้าของเจ้าออกไป มิฉะนั้น,อย่างโทษพวก ข้าที่จะไม่ปราณี!” หยาบฉีเห็นหลินเฟิงร่วงลงไปกองกับพื้น เขาก็รู้สึกกังวล เขารีบนํากลุ่มสานุศิษย์แก่นกลางยอดเขาว่านเหรินเข้าปิดล้อมเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาขณะที่กวาดขาขวาของเขากลับมา และเตะหลินเฟิงไปข้างหน้าราวกับกระสอบทราย หยางฉีรีบอ้าแขนของเขาเพื่อรับตัวหลินเฟิงเอาไว้ อย่างไรก็ตาม,พลังจากตัวหลินเฟิงมันมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้

 

พวกเขาตกตะลึง หลังจากที่คนของยอดเขาว่านเหรินรับ ตัวหลินเฟิง,เซี่ยวเฉินก็ใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,หายตัวไปไกลแล้ว

 

ในศาลาที่อยู่ห่างออกไป สองศิษย์ที่สวมชุดยอดเขาว่านเหรินมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโถงคุณความชอบอย่างเงียบๆ

 

หนึ่งในนั้นส่ายหัวเมื่อมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น “ศิษย์น้องพ่ายแพ้ได้น่าอดสูเกินไปแล้ว เขาไม่ควรเปิดโอกาสให้คนผู้นั้นได้พูด หากเขาใช้ออกทักษะกระบี่ลมผันผวนหลังจากที่เขาเดินขึ้นไป,เขาจะต้องการเพียงสิบกระบวณท่าเพื่อล้มคนผู้นั้นลงด้วยระดับขอบเขตพลังปัจจุบันของเขา”

 

อีกคนหนึ่งยิ้มขึ้นบางเบา “แพ้ก็คือแพ้ ไม่มีอะไรให้พูดมาก หลินเฟิงหยิ่งยโสเกินไป ดีแล้วที่จะได้บทเรียนบ้าง ศิษย์น้องหลัว,เจ้าคิดเช่นไรกับเย่เฉิน?”

 

ดังนั้นสองคนนี้ก็คือผู้สืบทอดที่แท้จริงของยอดเขาว่านเห ริน-หวังฉินเอี้ยนและศิษย์แก่นกลางอันดับหนึ่งของยอด เขาว่านเหริน หลัวเคออี้

 

หลังเคออี้หุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดขึ้น “มีเหตุผล,สงบ,จับจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ความแข็งแกร่ งพลังกายอยู่ที่ระดับน่ากลัว หมัดเมื่อครู่ มันอาจจะมีพลัง มากถึง 4,000 กิโลกรัม

 

“อย่างไรก็ตาม,การบ่มเพาะร่างกายไม่ใช่แนวทางหลัก ยิ่งขอบเขตพลังสูง,ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราไม่จําเป็นต้องไปสนใจเขานัก”

 

หวังฉินเอี้ยนยิ้มอ่อนโยนและพูดขึ้น “คนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้มาก หากเจ้าเผชิญหน้ากับเขา โดยไม่มีไพ่ตายในมือเจ้ามีโอกาสเพียงครึ่งที่จะชนะ”

 

“เจ้าหมายความเช่นไร?”

 

หวังฉินเอี้ยนกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าสังเกตเห็นเพียงความแข็งแกร่งและความเร็วหมัดของเขา อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ได้สังเกตเห็นด้านอื่นๆ ด้านที่เขาปราดเปรื่องอย่างแท้จริง”

 

“ในตอนที่เขาตอบคําถามของหลินเฟิง,เขาได้เดินขึ้นหน้าไปสองก้าว นั้นเป็นระยะที่ไกลที่สุดที่คมกระบี่ของหลินเฟิง จะมาถึงเมื่อเขาชักกระบี่ออกมา”

 

“นอกจานั้น เขาไม่ได้โจมตีหลังจากที่พูดจบ เขาใช้ประโยชน์จากน้ําเสียงและความเร็วในการสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน มันทําให้เหมือนว่าเขาลงมือพร้อมกับหลินเฟิงในทันทีที่เขาพูดจบ”

 

“ตามจริง,เขาได้จู่โจมออกไปแล้วในตอนที่เขากําลังกล่าวสองคําสุดท้าย นอกจากนั้น,หลินเฟิงได้โจมตีหลังจากที่เย่เฉินพูดจบ ดังนั้นมันไม่ได้หมายความว่าเขารวดเร็วกว่าหลินเฟิง กลับกัน,เขาเป็นผู้ลงมือก่อน”

 

หลัวเคออีสับสนเล็กน้อย เขาครุ่นคิดอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยสีหน้างุนงง เขาพูดขึ้น “นั้นเป็นไปไม่ได้ ความเร็วของเสียงจะเร็วกว่าตาเห็นได้อย่างไร?”

 

ไม่ว่าความเร็วของเขาจะมากกว่าเสียง,มันก็ไม่มีทางที่จะเร็วกว่าแสงดวงตาของมนุษย์น่าจะมองเห็นตั้งแต่แรกแล้ว”

 

คําพูดเหล่านี้มันชวนให้สับสน,มันเป็นการง่ายที่จะงุนงงตามจริง,มันไม่ได้ยากที่จะอธิบายภายในช่วงเวลาอันสั้น เมื่อคนผู้หนึ่งหมัดออกไป, จะสิ่งที่ได้ยินและจะได้จะออกมาในเวลาเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตาม,หากความเร็วของคนผู้นั้นเกินกว่าความเร็วของเสียง, จากนั้นก็จะเกิดเรื่องแปลกประหลาด หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวแล้วเท่านั้นถึงจะได้ยินเสียง

 

ยิ่งเจ้าเร็วมาขึ้นเท่าไหร่ ก็จะได้ยินเสียงออกมาช้าลงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม,ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร การกระทําของเจ้าก็สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่เริ่มขยับ

 

นั่นคือเหตุผลว่าทําไมหลัวเคออรู้ถึงรู้สึกว่าคําของหวังฉินเอี้ยนถึงชวนให้สับสน เซี่ยวเฉินทําลายกฏนี้ลงได้อย่างไร? ที่จะทําให้คนได้ยินเสียงของเขาก่อนที่จะเห็น

 

หวังฉินเอี้ยนยิ้มบางๆ “เสียงที่เจ้าได้ยินอาจจะไม่ได้ออกมาจากปากของเขา”

 

“เจ้ากําลังจะปากว่าเสียงของเขาถูกส่งออกมาที่หูด้วยวิธีอื่น” หลัวเคออี้ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขามองไปที่หวังฉินเอี้ยนอย่างตะลึง

 

หวังฉินเอี้ยนพยักหน้า “ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม,มันไม่ได้ถูกส่งมาที่หู กลับกัน,มันถูกส่งไปยังสมองโดยตรง ตอนที่เขากล่าวสองคําสุดท้าย,ปากของเขาไม่ได้ขยับ”

 

“นี่คือการใช้พลังดวงจิต ข้าเคยพบผู้เชี่ยวชาญผู้หนึ่งที่แดนรกร้างโบราณ คนผู้นั้นใช้พลังดวงจิตได้น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าเซี่ยวเฉินเสียอีก ไม่เพียงแค่ส่งเสียงพูด,เขาสามารถส่งได้แม้กระทั่งรูปภาพตรงเข้าไปที่สมอง”

 

ศาลากระบี่สวรรค์,ยอดเขาฉิงหยุน

 

เซี่ยวเฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเมื่อมองไปยังยอดเขาที่คุ้นเคย มันเป็นเวลาเพียงสองเดือนแต่เขาคิดถึงมันเหลือเกิน

 

เมื่อเซี่ยวเฉินมองไกลออกไป เขามองเห็นกลุ่มคนกําลังยืนอยู่ที่ตีนยอดเขา เซี่ยวเฉินมีสายตาที่ดีมาก เขาพบหลิวหรูเยว่,หลิวสุยเฟิง,ช่าวหยาง,และเสี่ยวเมิ่งทั้งหมดกําลังยืนอยู่ตรงนั้น

 

“พี่น้องเย่,ในที่สุดเจ้าก็กลับมา” เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นเซี่ยว เฉิน,เขาก็พุ่งเข้ามาและชกเข้าอย่างแรง

 

“พี่ใหญ่เย่! ท่านเป็นเช่นไร?!” ช่าวหยางและเสี่ยวเมิ่ง ทั้งคู่ต้อนรับเซี่ยวเฉินด้วยรอยยิ้ม

 

เซี่ยวเฉินทักทายทุกคน เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่กระตือรือร้นของทุกคน,เขาก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

 

ใบหน้าพราวเสน่ห์ของหลิวหรูเยว่เผยรอยยิ้มเล็กน้อย ขณะที่นางยืนนิ่งเงียบหลบอยู่ตรงมุม นางได้กินเม็ดยาบํารุงโฉมที่เซี่ยวเฉินให้นางไป นางในตอนนี้ดูงดงามยิ่งกว่าแต่ก่อน,ทําให้ผู้คนไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับนางโดยตรง

 

กระแสพลังของนางปิดสงวนเอาไว้เมื่อเทียบกับในอดีต,มันขาดความเฉียบคม อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันไม่อาจหยั่งถึงยิ่งกว่าแต่ก่อน นางได้ดูดซับพลังปราณสวรรค์ และปฐพีที่อ๋าวเจียวมองให้นาง ในตอนนี้,นางเหลืออีกเพียง ก้าวเดียวที่จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

 

“พี่สาวหรูเยว่เข้าทําให้ท่านเป็นกังวลแล้ว” เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างใจจริงขณะที่เดินเข้ามา หลิวหรูเยว่ได้ลงไปตามหา เขาในเหมืองวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เขาต้องขอบคุณนาง

 

หลิวหรูเยว่สํารวจดูเซี่ยวเฉินตั้งแต่หัวถึงหาง ผ่านไปครู่หนึ่ง,ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางถามขึ้น “ตอนนี้เจ้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงแล้ว?”

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินเช่นนั้นเขาตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ เขาสำรวจเซี่ยวเฉินอย่างละเอียดและพบว่ากระแสพลังของเซี่ยวเฉินฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม เขาดูเหมือนว่าจะไม่สามารถมองผ่านไปได้

 

ก่อนที่เซี่ยวเฉินจะออกไปทําภารกิจของเขา เขาอยู่เพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงสุด ในเวลาสองเดือน,เขาเลื่อนขึ้นมาระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูง ความเร็วระ ดับนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่านักบ่มเพาะพลังที่มีจิตวิญญาณยุทธสืบทอดมาตั้งแต่กําเนิด

 

เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นเซี่ยวเฉินพยักหน้ารับรู้ นางกล่าวขึ้น, “ยอดเยี่ยม,หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน,ศาลากระบี่สวรรค์จะดําเนินการทดสอบศิษย์แก่นกลาง ดูเหมือนเข้าจะทําได้ทันเวลา

 

“ไปพักผ่อนเสีย พรุ้งนี้ ข้าจะสอนเจ้าถึงฟังเสียงดาบและสื่อสารกับมัน” หลังจากที่หลิวหรูเยว่กล่าวจบ,นางหันกลับ และจากไป นางไม่ถามคําถามถึงเรื่องที่เซี่ยวเฉินประสบในเหมืองวิญญาณ

 

เซี่ยวเฉินถอนหายใจโล่งอก มันเป็นปัญหาที่จะอธิบายถึงเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เขาพบในพิภพใต้ดิน หากหลิวหรูเยว่ถามขึ้นมา เขาคงไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปเช่นไร

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset