“…”
ในเวลานี้ ห้องประชุมเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีเสียงเลยสักนิด ทุกคนดูเหมือนจะหายใจไม่ออก พวกเขาอ้าปากค้างพร้อมกับมองไปที่เลขาหลิวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เป็นไปได้อย่างไร!”
สี่คำนี้ปรากฏขึ้นในใจของทุกคน เป็นเรื่องปกติสำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์หยวนฟางที่จะให้เงินพวกเขา 12 ล้าน เพราะมีใบแจ้งหนี้อยู่ที่นั่น แต่นี่ให้มา 15 ล้าน
ดอกเบี้ย 3 ล้าน!
ดอกเบี้ย!
นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างแท้จริงจนคาดคิดไม่ถึง!
มันไม่มีดอกเบี้ย บริษัทอสังหาริมทรัพย์หยวนฟางจ่ายเพียง 12 ล้านก็เพียงพอแล้ว แต่การให้เพิ่มอีก 3 ล้านก็เท่ากับว่า เป็นการให้เงิน 3 ล้านแก่บริษัทซานหยวนกรุ๊ปจริงๆ
เอ่อ คิดไม่ออกแล้ว!
ไม่มีเหตุผลเลย!
“เป็นไปได้ยังไง กรณีของอสังหาริมทรัพย์หยวนฟาง เธอทำสำเร็จได้ยังไง เป็นไปได้ยังไง”
อิ่นเสี้ยงสวี่พึมพำกับตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
อย่าว่าแต่เงินสามล้านที่เพิ่มขึ้นมาเลย แค่พูดถึงสัญญาฉบับนั้น บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปได้แจ้งให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์หยวนฟางทราบล่วงหน้าแล้ว ทำไมพวกเขายังกล้าเซ็น เหตุใดถึงกล้า!
“อิ่นซิน เธอใช้วิธีการแบบไหน มันไม่น่าเป็นไปได้”
อิ่นเสี้ยงสวี่มองอิ่นซินอย่างงุนงง
“เธอสนใจด้วยเหรอว่าฉันใช้วิธีการอย่างไร อันที่จริงกรณีนี้ ฉันเซ็นสัญญาแทนเธอนะ ถ้าเธอไม่เชื่อก็สามารถโทรหาบริษัทอสังหาริมทรัพย์หยวนฟางได้”
อิ่นซินตอกกลับไปบ้าง
ความจริงเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็คิดว่าตนเองไม่สามารถเซ็นสัญญานี้ได้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพอเธอไปห้องน้ำแล้วออกมา สัญญาฉบับนี้ก็ถูกเซ็นเรียบร้อยแล้ว
โชคชะตา บางครั้งก็วิเศษมากจริงๆ
ในอดีตเธอไม่เคยมีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำ แต่ในช่วงเวลานี้ เหมือนพระเจ้ากำลังช่วยเธอ ทำอะไรก็ราบรื่นขึ้นไปเสียทุกอย่าง อิ่นซินรู้สึกว่าถึงเวลาที่ตนเองควรจะทำอะไรสักอย่างแล้ว
“เธอ!”
อิ่นเสี้ยงสวี่ไม่พอใจกับท่าทีของอิ่นซิน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาบริษัทอสังหาริมทรัพย์หยวนฟาง “เธอคอยดู ฉันจะเปิดโปงเธอเดี๋ยวนี้”
แต่พอหนึ่งนาทีผ่านไป อิ่นหนิงหยู่ก็วางสายลงด้วยใบหน้าหม่นหมอง และไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย แต่ทุกคนในห้องทำงานล้วนได้ยินสิ่งที่เธอพูดทางโทรศัพท์
“ใครก่อหนี้เอาไว้ ให้คนนั้นมารับผิดชอบ มันเป็นสัจธรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อก่อนผมเป็นหนี้พวกคุณอยู่นานมาก จ่ายให้สามล้านก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
นี่คือคำพูดของหลี่หย่วน
แต่มันทำให้ทุกคนหายใจไม่ออก หลี่หย่วนเป็นคนที่รับมือได้ยาก โดยปกติเงินก้อนนี้ สามารถยืดเวลาออกไปได้อีกหนึ่งถึงสองเดือน แต่สำหรับดอกเบี้ย มันเป็นไปไม่ได้
แต่ตอนนี้กลับจ่ายมาเลยในเวลาอันสั้น ยังมีดอกเบี้ยอีกสามล้าน!
โครงการมูลค่าสิบล้าน จะสามารถทำเงินได้สามล้านหรือก็ยังไม่แน่นอน แต่นี่เป็นดอกเบี้ยจำนวนสามล้าน
“คุณปู่ ไม่ว่ายังไง สัญญานี้ฉันก็เซ็นไปแล้ว เอาตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ ตำแหน่งประธานนี้ก็ควรเป็นของฉัน ไม่ควรตั้งประธานรักษาการอะไรอีก”
อิ่นซินกล้าเผชิญหน้ากับคุณท่านอิ่น
เธอเป็นผู้หญิงเผด็จการมาโดยตลอด ในตระกูลมีคนไม่เกรงใจเธอ ถ้าอย่างนี้คราวนี้เธอก็จะไม่เกรงใจอีกแล้วเช่นกัน
คุณท่านอิ่นไม่พูดอะไร นั่งลงบนเก้าอี้ประธาน
ในเวลานี้ อิ่นป่ายได้เดินเข้ามาเยาะเย้ย “สัญญาฉบับนี้ เธอเซ็นไปแล้ว แต่ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของเธอคือการล่วงเกินบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป จริงสิ วันนี้บริษัทมีแขกหนึ่งคน เลขาหลิว”
“ครับ”
เลขาหลิวหันหลังเดินจากไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับคนคนหนึ่ง
“อ้าว ช่างบังเอิญจริงๆ อิ่นซิน ฉินเฟิง พวกคุณสองคนกลับมาแล้ว”
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟางเย้น เขาเดินเข้ามาในห้องประชุมแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มองดูอิ่นซินและฉินเฟิงอย่างจองหอง
“คุณชายฟาง”
ผู้คนในห้องประชุมมองไปที่ฟางเย้น แล้วส่งเสียงทักทายอย่างสอพลอ
ถึงอย่างไรก็เป็นบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป ซึ่งใหญ่กว่าบริษัทซานหยวนกรุ๊ปสิบกว่าเท่า อยู่ในอันดับแรกๆ ในบรรดาอุตสาหกรรมการก่อสร้างของเมืองเจียงเฉิง สามารถพูดได้ว่าอยู่ในสามอันดับแรก มีศักยภาพแข็งแกร่ง บริษัทซานหยวนกรุ๊ปของพวกเขานั้นเทียบไม่ติด
“คุณชายฟาง สัญญาของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หยวนฟาง พวกเขาได้เซ็นแล้ว”
อิ่นเสี้ยงสวี่เดินเข้ามาข้างๆ ฟางเย้นแล้วบอกเขา
“อะไรนะ เซ็นไปแล้ว?”
ฟางเย้นยังมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เขาหยิบสัญญาฉบับนั้นที่อยู่บนโต๊ะ มองไปที่คำว่า “หลี่หยวน” สีหน้าของเขาแย่ลงทันที “เจ้าหมอนี่ ไม่อยากอยู่ในเมืองเจียงเฉิงแล้วใช่ไหม”
“ฟางเย้น คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ในเวลานี้ อิ่นหนิงหยู่จ้องไปที่ฟางเย้นด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
เธอรู้ว่าฟางเย้นนั้นหมายปองเธออยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตอนแรกที่เธออยู่ที่บ้าน จนกระทั่งในงานเลี้ยงค็อกเทล โชคดีที่เธอไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จสักครั้ง
“ผมมาทำอะไรที่นี่น่ะเหรอ ฮ่า”
ฟางเย้นวางสัญญาฉบับนั้นลงพลางยิ้มเยาะ “ผมก็ต้องมาคิดบัญชีน่ะสิ ตอนแรกในคืนนั้น สามีที่ดีของคุณบังคับให้ผมดื่มเกือบตาย ผมเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลตลอดทั้งคืน”
ความเจ็บปวดในวันนั้น เขายังคงจำได้ดีจนถึงตอนนี้
“ในวันนั้น พวกคุณเจ็ดคนผลัดกันมอมสามีของฉัน พวกคุณเจ็ดคนไม่มีใครดื่มชนะ นั่นเป็นเพราะพวกคุณเองที่ไม่เก่งเท่าเขา” อิ่นซินโต้กลับ
“ไม่เก่งเท่าเขา ไม่เก่งเท่าเขาจริงๆ”
ฟางเย้นปรบมือ “ในเมื่อคุณพูดเช่นนี้ ผมก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป วันนี้ผมมาเพื่อทักทายคุณ นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปของเราจะแบนบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของพวกคุณ เราจะตัดแหล่งทรัพยากรทั้งหมดของพวกคุณ ไม่ว่าพวกคุณจะมีข้าวกินหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเราจะให้ไหม เข้าใจไหมครับ?”
“มะรืนนี้ ผมจะมาใหม่ ให้เวลาคุณคิดหนึ่งวัน ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณผิดแล้ว เช่นนั้นวันมะรืนจะให้สามีของคุณคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับสามครั้งให้ผม แล้วผมอาจจะพิจารณาปล่อยพวกคุณไป”
ฟางเย้นลุกขึ้นยืน เดินออกมาพลางพูดว่า “นี่เป็นเพราะพวกคุณไม่เก่งเท่าคนอื่น จริงสิ คืนนี้คุณมาที่บ้านผมได้ เราจะได้คุยกันถึงอนาคตบริษัทของพวกคุณ”
“ฟางเย้น! ไม่มีทาง! ฉันขอบอกคุณเลย!”
อิ่นซินกำลังจะบ้าไปแล้ว
ให้ฉินเฟิงคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับสามครั้ง แถมต้องเป็นในบริษัทอีก เขาเป็นสามีของเธอนะ
แล้วยังให้ไปที่บ้านของเขาคืนนี้อีก!
ความคิดของเขา แม้แต่คนผ่านทางยังรู้เลย ต้องการใช้ร่างกายของเขามาข่มเหงผู้อื่น
“ฉินเฟิง คุณรู้ไหมว่าคุณทำอะไรลงไป? เขาคือคุณชายของบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป คุณยังกล้ามอมเขาจนเข้าโรงพยาบาล คุณก็รู้ว่าเพียงประโยคเดียวของเขาในวันนี้ บริษัทซานหยวนกรุ๊ปของเราจะสูญเสียไปเท่าไหร่?”
ทันใดนั้น อิ่นเสี้ยงสวี่ก็ตำหนิฉินเฟิง
“ก็ใช่น่ะสิ แค่ขอทานยาจกคนหนึ่งเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรเข้ามายุ่งกับเรื่องของบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของพวกเรา มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของตระกูลอิ่น คุณคิดว่าคุณคู่ควรเหรอ?”
“เพราะคุณคนเดียว บริษัทซานหยวนกรุ๊ปของพวกเราจึงขาดทุนนับสิบล้าน นี่ยังถือว่าน้อยที่สุดแล้ว ถ้าคุณรู้ว่าควรทำยังไง ถ้าอย่างนั้นวันมะรืนนี้ก็มาที่นี่ คุกเข่าแล้วโขกศีรษะคำนับให้คุณชายฟางสามครั้งด้วยความเคารพ”
“อิ่นซิน เธอเป็นคนของตระกูลอิ่น เธอทนเห็นบริษัทซานหยวนกรุ๊ปล้มละลายเพราะผู้ชายคนนี้ได้เหรอ นั่นคือบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป ใหญ่มหึมาเลยนะ เธอไปเกลี้ยกล่อมสามีไม่เอาถ่านคนนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องโขกศีรษะคำนับ!”
สมาชิกทุกคนในตระกูลอิ่นสาดกระสุนใส่ตัวฉินเฟิง
เป็นเพราะฉินเฟิง บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปจึงพุ่งเป้ามาที่บริษัทซานหยวนกรุ๊ป ยาจกคนนี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ของบริษัทพวกเขา ตอนนี้ในสายตาของพวกเขา อยากจะเขมือบฉินเฟิงเหลือเกิน
“ไป พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
อิ่นซินมองไปที่ใบหน้าของคนเหล่านี้ ในใจรู้สึกโกรธ รีบคว้ามือของฉินเฟิงแล้วเดินจากไป