“ฉันไม่อยากฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น!” ผู้อาวุโสซูกัดฟันและพูดออกมา “ในตอนที่นายจับเขามาได้ นายควรจะส่งเขาให้กับฉัน หรือฆ่าเขาทันที!”
“ผู้อาวุโสซู ครั้งนี้เย่อชิงยุนเป็นคนแบกหน้ามาขอร้องเอง ผมหมดหนทางจริงๆ” เลขานุการเจิ้งพูดออกมาอย่างไร้หนทาง “ใครจะไปกล้าแข็งข้อกับเย่อชิงยุน? อีกอย่าง ใครจะไปคิดว่าเย่อชิงยุนจะออกหน้ามาแบบนี้?”
ผู้อาวุโสซูโบกมือ “ฉันพูดไปแล้ว ฉันจะไม่ฟังข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ทางที่ดีพวกนายหาเหตุผลที่มันฟังขึ้นมาอธิบายสักหน่อยจะดีกว่า”
“ไม่มีคำอธิบายดีๆอะไรทั้งนั้น” เหมือนกับว่าอารมณ์ของเลขานุการเจิ้งเองก็ขึ้นเหมือนกัน เมื่อเขาพูดประโยคนั้นออกไป ชางโจวที่อยู่ข้างๆก็รีบพูดออกมาทันทีว่า “ผู้อาวุโสซู คุณวางใจ ถึงแม้ว่าฉินเฉิงจะหลุดมือของสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูไป แต่อย่างไรฉินเฉิงก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
ผู้อาวุโสซูจ้องมาที่เขาอย่างเยือกเย็น บ่งบอกให้เขาพูดออกมาต่อ
ชางโจวพูดออกมาว่า “ใครก็ตามที่เข้ามาในคุกของพวกเรา ก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น ฉินเฉิงในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ประโยชน์”
“อีกอย่างเขาคือคนของสำนักงานความมั่นคงจิงตู?” ผู้อาวุโสซูถามออกมาอย่างเย็นชา
“เขาไม่สามารถอยู่สำนักงานความมั่นคงจิงตูได้ตลอดไป” ชางโจวหรี่ตาและพูดออกมา “ยิ่งไปกว่านั้น ผมเพิ่งจะได้รับข่าวมาว่าตอนนี้ฉินเฉิงไม่ได้อยู่ที่สำนักงานความมั่นคงจิงตู แต่ไปอยู่ที่ ตำหนักเทพโอสถของเจียงโม่เหลียน”
“ผู้อาวุโสซู ตระกูลซูแค่ทั้งเหยียนเซี่ยก็จำศิโรราบ มีใครบ้างที่ไม่อยากร่วมมือกัยคุณ? ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังมีพลังของตระกูลเถิงอีก” ชางโจวยิ้มและพูดออกมา
ผู้อาวุโสซูไม่ได้พูดอะไร ชางโจวพูดออกมาต่อว่า “ที่มานี่เป็นเพราะคิดว่าพวกเราสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูจะไม่ช่วยคุณหรือว่า คุณไม่วางใจพวกเรากันแน่”
ผู้อาวุโสซูไม่พูดอะไร เขานั่งคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ลุกขึ้นและบอกว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
“ผู้อาวุโสซู คุณจะไปไหน?” ชางโจวถามออกมา
ผู้อาวุโสซูไม่ได้สนใจเขา จากนั้นก็เดินออกไปจากสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู
หลังจากที่เขาจากไปชางโจวก็อดยิ้มไม่ได้
“ตระกูลซูใช้ประโยชน์จากสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูของพวกเราตั้งหลายครั้ง ไม่เพียงแต่ไม่เคยขอบคุณ แต่กลับยังมาต่อว่าอีกด้วย” เลขานุการเจิ้งบ่นออกมา “หยิ่งจริงๆ!”
ชางโจวยิ้มและพูดออกมาว่า “เลขานุการเจิ้ง คุณอย่าโกรธไปเลย ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะให้ตระกูลซูแล้ว”
ไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเย่อชิงยุนกับเจียงโม่เหลียน แต่ชางโจวรู้เพราะเขาเห็นด้วยตาของเขาเอง
ถ้าหากมีเย่อชิงยุนอยู่ สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูไม่มีทางไปแตะต้องตำหนักเทพโอสถได้แน่
……
ที่ถนนแห่งหนึ่งของจิงตู
หยานหยุนยืนอยู่ที่นี่ราวกับว่ากำลังรอใครอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ชายขอทานคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เขาคุกเข่าและพูดว่า “ท่านครับ ผมขออาหารสักหน่อย ผมไม่ได้ทานอะไรมาสามวันแล้ว”
หยานหยุนหยิบธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนจากกระเป๋าของเขาแล้วโยนให้ขอทาน
หลังจากที่ขอทานรับเงินแล้ว เขาก็ก้มหน้างุดและพูดว่า “ขอบคุณมากครับ!”
หลังจากที่หยานหยุนเดินออกไป ขอทานก็หยิบเงินนั้นออกมาจากถ้วยของเขา
บนเงินมีอักษรเขียนเอาไว้อยู่
และเงินนี้จะถูกส่งไปยังมือของผู้อาวุโสซู
…..
ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน
ตลอดครึ่งเดือนนี้ฉินเฉิงเอาแต่นอนพักฟื้นร่างกายอยู่บนเตียง
ในตอนนั้น ไห่เฉิงเถิง มีแขกผู้มาเยือนหนึ่งคน
“ผู้อาวุโสซู คุณมาที่ตระกูลเถิงของพวกเรา รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากครับ!” ที่โซฟาของห้องโถงใหญ่แห่งบ้านตระกูลเถิง ชายอายุประมาณ 60 ปียิ้มและพูดออกมา
ชายชราคนนี้มีชื่อว่าเถิงฮัวหยุน เขาคือพ่อของเถิงอาว และก็เป็นผู้นำของตระกูลเถิง
นอกจากความมั่งคั่งที่สามารถแข่งขันกับตระกูลซูแล้ว ตระกูลเถิงยังมีพลังแห่งศิลปะการต่อสู้อันทรงพลังอีกด้วย
ว่ากันว่าอำนาจแห่งความแข็งแกร่งในมือของเขาไม่ได้อ่อนแอไปหก่าวสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูเลย! แน่นอนนี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง แต่มันเป็นการบอกว่าพวกเขามีอำนาจมาแค่ไหน
“เถิงอาวอยู่ไหนหละ?” ผู้อาวุโสซูถามออกมา
เถิงฮัวหยุนถอนหายใจแล้วพูดว่า “เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าไปโกรธอะไรมา ตั้งแต่กลับมาครั้งที่แล้วเขาก็เขาไปฝึดวิชากว่าหนึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้ออกมาเลย”
ผู้อาวุโสซูพูดออกมาว่า “เหตุผลนั้นก็คือฉินเฉิงใช่ไหม?”
“อาจจะเป็นไปได้” เถิงฮัวหยุนพยักหน้า “ฉันได้ยินมาว่าฉินเฉิงถูกคนช่วยไปแล้ว? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
สีหน้าของผู้อาวุโสซูเคร่งขรึมทันที เขาเอาเรื่องทั้งหมดเล่าให้เถิงฮัวหยุนฟัง
“และนี่ก็คือเหตุผลที่ฉันมาหานาย” ผู้อาวุโสซูพูดออกมา
เถิงฮัวหยุนหัวเราะและพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสซู คุณมีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆเลย พวกเราเป็นบ้านเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจ”
ผู้อาวุโสซูพยักหน้า “ฉันอยากให้ตระกูลเถิงช่วยส่งคนไปฆ่าฉินเฉิงที่ ตำหนักเทพโอสถ”
“ไปฆ่าคนที่ ตำหนักเทพโอสถ?” เถิงฮัวหยุนขมวดคิ้ว “แบบนี้มันไม่ดีมั้ง? นั่นคือเจียงโม่เหลียนเลยนะ ถ้าหาก….”
ผู้อาวุโสซูเหลือบมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “ด้วยพลังของตระกูลเถิง อย่าบอกนะว่ากลัวคนอย่างเจียงโม่เหลียน?”
เถิงฮัวหยุนโบกมือและพูดว่า “มันไม่ใช่เรื่องของกลัวหรือไม่กลัว ตำหนักเทพโอสถมีความเป็นมาที่ยาวนาน การที่จะไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดี”
ผู้อาวุโสซูขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “นายวางใจ ฉันไม่ใช้นายฟรีๆหรอก”
เถิงฮัวหยุนจับคางของตัวเองและครุ่นคิด สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “เรื่องนี้ฉันคงต้องใช้เวลาคิดในรอบคอบก่อน”
เมื่อผู้อาวุโสซูได้ยินแบบนั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่จู่ๆผู้อาวุโสซูก็พูดออกมาว่า “ตระกูลเถิงของพวกนายมีจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ไหม? ฉันยินดีที่จะจ้างจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ให้ลงมือฆ่าฉินเฉิง”
เถิงฮัวหยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ผู้อาวุโสซู คุณเลิกล้อเล่นได้แล้ว ถึงต่อให้ตระกูลของฉันมีจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่จริงก็คงไม่สามารถปล่อยให้ออกไปไกลจากบ้านได้ อีกอย่างถ้าหากจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่เดินทางไป ตำหนักเทพโอสถ วันพรุ่งนี้ก็จะถูกด้านบนเล็งหัวเอาแล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เถิงฮัวหยุนก็ตบไปที่ต้นขาของผู้อาวุโสซู “คุณไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปที่ ตำหนักเทพโอสถ ตกลงไหม?”
ผู้อาวุโสซูสูดลมหายใจเขา พยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณมาก”
หลังจากที่ผู้อาวุโสซูเดินจากไป เถิงฮัวหยุนก็ควักมือ ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาทันที
“ฉันมีเรื่องจะให้ม่าซื่อไปจัดการ” เถิงฮัวหยุนพูดออกมา
ม่าซื่อเป็นหนึ่งในกองกำลังของตระกูลเถิง ในมือของตระกูลเถิงมีจอมยุทธอยู่ประมาณ 6 คนที่พลังของพวกเขาน่าจะประมาณพลังของเจ้าสำนักเทียนหยวน ส่วนที่เหลือเป็นระดับกลาง
เห็นได้ชัดว่าเถิงฮัวหยุนไม่อยากจะมีเรื่องไม่สบายใจกับตระกูลซู ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ม่าซื่อเป็นคนไปจัดการ
วันรุ่งขึ้น กองกำลังของม่าซื่อมาถึงที่ ตำหนักเทพโอสถ
ในตอนนั้นเจียงโม่เหลียนกำลังกลั่นยาให้ฉินเฉิงอยู่
หลังจากที่ผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้ว เพื่อตามหากระดูกกุมภีล์ เธอจึงสั่งให้คนของ ตำหนักเทพโอสถเดินทางออกไปตามหาอย่างเต็มที่
ตอนนี้ที่ ตำหนักเทพโอสถเป็นเพียงแค่สำนักที่ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย
“วันนี้รู้สึกสบายตัวขึ้นบ้างไหม?” เจ้าสำนักยื่นยาให้ฉินเฉิงและถามออกมา
ฉินเฉิงส่ายหน้า และรับยาไป ค่อยๆดมกลิ่นของยา
ในยานี้มีกลิ่นกายของเจ้าสำนักอยู่