นิสัยของเย่อชิงยุนใครๆก็รู้ดี
เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง และจะไม่มีวันที่จะมาปกป้องใครด้วยเหตุผลส่วนตัว
ต่อให้เป็นพ่อแม่ของเขาก็ตาม
ดังนั้นชางโจวถึงกล้าพูดแบบนั้นออกไป
หลังจากที่เสียงของเขาเงียบลง เขาก็รับรู้ได้ถึงออร่าที่น่าสะพรึงกลัวจากทางด้านหลังของเขา
หัวใจของชางโจวเต้นแรง เขาหันหน้ากลับมาด้านหลัง
จากนั้นก็เห็นเย่อชิงยุนยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เย่อ…ผู้บัญชาการเย่อ คุณมาได้ยังไง…” ชางโจวเปลี่ยนท่าทางเร็วกว่าการพลิกหน้าหนังสือ เขายิ้มและพูดออกมาว่า “ผู้บัญชาการเย่อ เชิญนั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมจะไปรินชามาให้”
“ไม่เป็นไร” เย่อชิงยุนโบกมือและพูดออกมา “ฉันมีเวลาไม่มาก ส่งคนมาให้ฉันซะ”
ชางโจวตะลึงงัน เขาพูดออกมาด้วยความอึดอัดว่า “ผู้บัญชาการเย่อ คุณหมายความว่าอย่างไร?”
เย่อชิงยุนยิ้มและตอบกลับมาว่า “ไม่ต้องทำแกล้งเป็นไม่รู้เรื่องหรอก ฉันมารับตัวของฉินเฉิง อ่า ใช่แล้ว มันเป็นคำสั่งของสำนักงานความมั่นคงจิงตู”
สีหน้าของชางโจวน่าเกลียดอย่างมาก เมื่อเผชิญหน้ากับเย่อชิงยุน หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว แต่ถ้าต้องให้ตัวของฉินเฉิงไปแบบนี้ ชางโจวเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน
ดังนั้นชางโจวจึงพูดออกไปว่า “ผู้บัญชาการเย่อ ฉินเฉิงเป็นคนที่ชั่วร้ายต้องได้รับการลงโทษ ถ้าหากคุณต้องการตัวเขาไปจริงๆ อย่างน้อยๆก็ช่วยบอกเหตุผลกับผมสักหน่อย”
“บอกเหตุผลกับนาย?” เย่อชิงยุนหรี่ตาลง ออร่าไหลออกมาจากร่างกายของเขา
ร่างกายของชางโจวสั่นเทา หัวใจของเขาแทบจะระเบิด เหงื่อจำนวนมากไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
เย่อชิงยุนจ้องไปที่หน้าของชางโจวเพียงแค่ 3 วินาทีเท่านั้น แต่สำหรับชางโจว รู้สึกว่านี้ผ่านมาแล้วเป็นพันๆปี
“พูดตามตรงนายไม่มีสิทธิที่จะมาถามถึงเหตุผลกับฉัน” เย่อชิงยุนพูดออกมา “แต่วันนี้ฉันจะให้เหตุผลกับนายหนึ่งข้อ เขาคือคนของสำนักงานความมั่นคง ถ้าหากเขาต้องถูกพิจารณาคดีก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางสำนักงานความมั่นคงอย่างพวกเรา แล้วก็ข้อหาที่ฉินเฉิงได้รับนั้นยังไม่ชัดเจน หลักฐานที่นายเอาออกมายังมีช่องโหว่ ฉันคิดว่าจะต้องตรวจสอบให้รอบครอบอีกครั้ง”
“ผู้อำนวยการชาง นายคิดว่าเหตุผลแค่นี้พอไหม?” เย่อชิงยุนยิ้มและถามออกมา
ชางโจวถามออกไปด้วยความสงสัยว่า “ฉินเฉิงเป็นคนของสำนักงานความมั่นคงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ทำไม สำนักงานความมั่นคงจำเป็นต้องรายงานให้นายรู้ด้วยเหรอ?” เย่อชิงยุนขมวดคิ้วและถามออกมาด้วยความไม่พอใจ
ชางโจวรีบโบกมือและพูดออกมาว่า “ไม่…ไม่ครับ”
“งั้นก็ไปพาเขามาเดี๋ยวนี้!” เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ขาของชางโจวก็อ่อนลงทันที
เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมามากกว่านี้ เขารีบนำทางไปยังคุกของฉินเฉิง
ในคุก ปาฉิงถือแส้สีทองอยู่ในมือและถอนหายใจ “ฉินเฉิงเอ้ย นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ฟาดนายแล้วหละ พูดไปแล้วมันก็น่าเสียดาย”
ในตอนนั้นฉินเฉิงอ่อนแอเป็นอย่างมาก และเขาไม่ต้องการที่จะตอบคำพูดของปาฉิงเลย
“เห้อ ใครจะไปคิดว่าคนอย่างฉันปาฉิงจะได้มาเฆี่ยนจอมยุทธแบบนี้?” ปาฉิงกล่าวด้วยความพึงพอใจ
ในตอนนั้นชางโจวก็พาเย่อชิงยุนและคนอื่นๆเดินเข้ามา
ชางโจวมองมาที่ปาฉิงและพูดออกมาว่า “นายออกมาก่อน”
“ครับ ผู้อำนวยการชาง” ปาฉิงไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเดินออกมาด้านนอกทันที
“ช้าก่อน” ในตอนนั้นเสียงของเจ้าสำนักเจียงโม่เหลียนก็ดังขึ้นมา
ดวงตาของเธอมองไปที่ปาฉิง นิ้วของเธอชี้ไปที่ฉินเฉิง
“นายเป็นคนทำร้ายเขา?” เจียงโม่เหลียนถามออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
เห็นได้ชัดว่าปาฉิงอึดอัดใจ “ฉันเป็นคนทำร้ายเขาเอง แต่ว่า…”
“ตุบ!”
ปาฉิงยังไม่ทันพูดจบ เจียงโม่เหลียนก็ปล่อยฝ่ามือออกมากระทบไปที่หน้าอกของปาฉิงจนแหลก!
ทำให้บรรยากาศตึงเครียดอย่างมาก
ดวงตาของเจียงโม่เหลียนจ้องไปที่ชางโจว แม้ว่าเธอไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของเธอนั้นชัดเจนมาก
ชางโจวกัดฟัน ในใจของเขาเขาไม่ชอบเจียงโม่เหลียนตั้งแต่แรกแล้ว และเขาก็รู้สึกแค้นเจียงโม่เหลียนเป็นอย่างมาก
“โม่เหลียน พอแล้ว รีบพาเขาออกไปได้แล้ว” ในตอนนั้น เย่อชิงยุนพูดออกมาจึงทำให้ชางโจวไม่กล้าที่จะพูดอะไร
โม่เหลียน?
เย่อชิงยุนที่เย็นชามาโดยตลอด กลับเรียกเขาออกมาว่าโม่เหลียน?
ทั้งสองคนคุ้นเคยกันขนาดนี้เลยเหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชางโจวก็รู้สึกเสียวไปที่สันหลังของเขา!
ถึงว่าตำหนักเทพโอสถถึงได้อยู่มาเนิ่นนานขนาดนี้ ที่แท้ก็มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่เบื้องหลังนี่เอง!
“ปลดโซ่ออก” เจียงโม่เหลียนพูดออกมา
ชางโจวหันมา พยักหน้าและพูดว่า “ได้ ฉันจะปลดให้”
หลังจากนั้นชางโจวก็ตะโกนออกมา ชายหัวล้านคนหนึ่งก็เดินออกมาจากความมืด
เมื่อเขาปรากฎตัวออกมา เขาประสานมือและพูดออกมาว่า “ผู้บัญชาการเย่อ เจ้าสำนักเจียงสวัสดีครับ”
“อย่ามัวเสียเวลาเลย” เย่อชิงยุนพูดออกมา
“ครับ” ชายหัวโล้นโน้มตัวลง จากนั้นพึมพำสูตรอย่างเงียบๆโซ่ทั้ง 8 อันสั่นไหวในทันใดและแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นในคุก!
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีโซ่ก็หายไป
จากนั้นร่างของฉินเฉิงก็ค่อยๆตกลงมาจากอากาศ
เจียงโม่เหลียนยื่นมือออกไปรับเขาเอาไว้ด้วยพลังที่อ่อนโยน ร่างกายของฉินเฉิงค่อยๆหล่นลงมา
“ยังเดินได้อยู่ไหม” เจียงโม่เหลียนถามออกมา
ฉินเฉิงกัดฟันแล้วพูดว่า “ได้”
“อ่า งั้นฉันจะพานายออกไปก่อน” จากนั้นเจียงโม่เหลียนก็เดินออกมาจากคุก
ฉินเฉิงติดตามอย่างใกล้ชิด และเมื่อเขาเดินไปที่ประตู ฉินเฉิงก็ดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว และรีบวิ่งไปที่ส่วนที่ลึกที่สุดของคุก!
แต่เขายังเดินไปได้ถึงไม่ 2 ก้าว เขาก็ถูกคนจับเอาไว้!
ฉินเฉิงพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เขากัดฟันและคำรามออกมาว่า “ปล่อยฉัน! ”
“ฉินเฉิง!” เย่อชิงยุนพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “อย่าขยับ”
ฉินเฉิงถูกคนจับเอาไว้จะทำอย่างไรก็ขยับไม่ได้
เขาจ้องไปที่ชางโจวด้วยความแค้น พูดออกมาที่ละคำว่า “เจ้าสุนัขแก่ชางโจว ฉันจะต้องเอาศพของนายไปสับเป็นชิ้นๆ และสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูจะต้องล่มสลาย!”
เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่อชิงยุน ชางโจวเองก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
“มีอะไรไว้ค่อยกลับไปพูดกัน” เจียงโม่เหลียนยกมือขึ้นและพูดออกมา มือของเธอวางไปที่ศีรษะของฉินเฉิง
ออร่าที่อ่อนโยนปกคลุมไปทั่ว จากนั้นไม่นานฉินเฉิงก็รู้สึกง่วงและหลับไป
…..
ในตอนที่ฉินเฉิงตื่นขึ้นมาเขาก็ไปอยู่ที่ตำหนักเทพโอสถแล้ว
ข้างๆของเขามาฉูเป่ยชวนยืนอยู่ ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า หลินชิงชือและคนอื่นๆ
“ฟื้นแล้ว!” หลังจากที่เห็นฉินเฉิง ทุกคนต่างพูดออกมาด้วยความดีใจ
“อาจารย์ ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ใครมันทำให้ท่านเป็นแบบนี้?” ฉูเป่ยชวนถามออกมาด้วยความโกรธ
ฉินเฉิงมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “เจ้าสำหนักหละ? เย่อชิงยุนยังอยู่ไหม?”
ทุกคนมองหน้ากัน จากนั้นหลินชิงชือก็พูดออกมาว่า “พวกเขากำลังประชุมกันอยู่ นาย….”
“ฉันต้องการพบพวกเขา” ฉินเฉิงพูดออกมาทันที “อยากจะเจอพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
ทุกคนหมดหนทาง ทำได้แค่พยักหน้าและพูดออกมาว่า “นายรอแปปนึง ฉันจะไปบอกท่านเจ้าสำนักเดี๋ยวนี้เลย”
ไม่นานเจ้าสำนักกับเย่อชิงยุนก็เดินออกมาจากด้านนอก
ฉินเฉิงมองไปที่ฉูเป่ยชวนและคนอื่นๆแล้วพูดออกไปว่า “พวกนายออกไปก่อน”