มุกดาถามคำถามธีร์ธวัชอยู่หลายคำถาม ธีร์ธวัชกลับตอบไม่ได้ เขาก็แค่ต้องการจะจับฝ่ายการเงินที่เป็นจุดสำคัญของบริษัทฮอนดากรุ๊ปเอาไว้ ไม่คิดเลยว่าจะต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากมากมายขนาดนี้
“พี่รองคะ ความจริงแล้วการที่คุณอยากจะบริหารฝ่ายการเงินภายในบริษัทใช่ว่าจะทำไม่ได้นะคะ คุณไปสอบใบอนุญาตต่างๆ จนฉันสามารถวางใจจนยกฝ่ายการเงินทั้งภายในและภายนอกของบริษัทฮอนดากรุ๊ปให้คุณจัดการทั้งหมด พอแบบนี้ฉันจะได้วางใจได้หน่อย คนกันเอง ฉันต้องวางใจได้เยอะเลยค่ะ” มุกดาพูดอ้อมค้อมได้อย่างสุภาพมาก
ธีร์ธวัชเหมือนตนเองถูกกำปั้นติดไม้นวมต่อยมายังศีรษะ ไม่มีความรู้สึกท้อแท้เลยสักนิด ในทางกลับกันยังมาโดนมุกดาพูดตอกกลับมาอีกยก เขายิ่งหงุดหงิดอยู่ในใจหนักกว่าเดิม
“ความหมายของคุณคือผมไม่สามารถเข้าไปบริหารงานฝ่ายการเงินได้ใช่ไหม?” ในเวลานี้ธีร์ธวัชก็ไม่อยากเสแสร้งต่ออีกแล้ว
“พี่รองคะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ คุณเองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นหัวหน้าของบริษัทเป็นครั้งแรก การจะเป็นคนที่รับผิดชอบฝ่ายการเงินของบริษัทแห่งหนึ่งนั้นควรจะมีคุณสมบัติเช่นไร คุณควรชัดเจนมากที่สุดแล้ว” มุกดาแสดงสีหน้าเป็นผู้บริสุทธิ์
คำพูดของเธอนี้ถือว่าประสบความสำเร็จจนทำให้ธีร์ธวัชหมดคำพูด เวลานั้นเขาแค่คิดอยากจะเห็นว่าตกลงแล้วในบริษัทฮอนดากรุ๊ปมีทรัพย์สินอยู่จำนวนมากน้อยก็เท่านั้นเอง ดังนั้นเลยอยากจะไปที่ฝ่ายการเงิน ทว่าไม่คิดเลยว่าตนเองนั้นไม่มีคุณสมบัติเลยจริงๆ มุกดาให้ตนเองไปวุ่นอยู่กับเรื่องภายนอกบริษัทก็ถือว่าเป็นการที่ไม่ทำให้ตัวเองเสียหน้าเท่านั้นเอง
ไม่ได้การแล้ว ตนเองต้องรู้ให้ได้ว่าทรัพย์สินของบริษัทฮอนดากรุ๊ปตกลงว่ามันมีอยู่เท่าไหร่ ตอนนี้ก็ก่อเรื่องขึ้นแล้ว มุกดาต้องกันท่าป้องกันตัวเองไว้แน่ งั้นก็ต้องเอางานเรื่องนี้ไปดำเนินการแบบลับๆ แล้ว
“งั้นก็ช่างเถอะ ไหนๆ ผมก็กลับมาที่บริษัทแล้ว ต้องทำงานให้ดีๆ และต้องทุ่มเทกับบริษัทฮอนดากรุ๊ป ส่วนเรื่องอื่นผมจะไม่สนใจทั้งนั้น หวังแค่เงินเดือนเท่านั้นพอ ผมยังไม่ได้พูดกับคุณใช่ไหม คุณว่างั้นใช่ไหมมุก?” ธีร์ธวัชเห็นว่าตนเองเหตุผลไม่เพียงพอแล้ว เขาเลยไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก และพูดเรื่องอื่นแทน
“เรื่องนี้ฉันรู้ดีค่ะ พี่รองคะ ความช่วยเหลือเช่นนี้ของคุณ ฉันก็รู้สึกว่าผ่อนคลายไปเยอะเลยค่ะ คุณควรจะมาช่วยชลเขาตั้งนานแล้วค่ะ” มุกดาพูดกับธีร์ธวัชอย่างเกรงอกเกรงใจมาก ไม่ว่าจะพูดจาอย่างไร ธีร์ธวัชก็เป็นคนในตระกูลสุวรรณเลิศ อิทธิพลของเขาก็ยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นมุกไม่มีความจำเป็นต้องหักหน้าเขาด้วย เขาอยากจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาไป ขอแค่ไม่ส่งผลกระทบภาพลักษณ์เรื่องใหญ่เป็นพอแล้ว
ธีร์ธวัชกลับไปยังห้องทำงานของตนเอง เขาต้องการหารือกับธีรเมทสักหน่อย ว่าตนเองจะต้องทำยังไงถึงจะรู้สถานการณ์ฝ่ายการเงินในบริษัทฮอนดากรุ๊ปในเวลานี้ได้ สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ถ้าบริษัทฮอนดากรุ๊ปปิดแย่แล้ว เขาสามารถได้รับส่วนแบ่งเท่าไหร่
หลังจากที่มุกดาจัดการเรื่องของธีร์ธวัชเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เตรียมตัวกลับทันที วันนี้เธอจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านให้สบายใจ
“อักลี่ หนูอย่าวิ่งเลย น้าจับไม่ทันแล้ว” พอเข้าประตูมา รวินท์ก็เอาแต่วิ่งจับอักลี่ ส่วนอักลี่ก็ไม่ได้สนใจรวินท์สักนิดเลยด้วยซ้ำ ขอแค่ตัวเองวิ่งเข้าไปในห้องแล้ว แต่รวินท์ยังมัวแต่วิ่งไล่ตามอยู่ข้างหลังอยู่ตลอด พอมาถึงหน้าประตู เธอก็เอาแต่เคาะประตู
“อักลี่ หนูเปิดประตูหน่อย น้าของมีของดีอยู่นะ หนูจะดูหน่อยไหม?” รวินท์พูดกับอักลี่ตรงหน้าประตู แต่อักลี่ก็ไม่เปิดประตู
“รวินท์เทน้ำให้ฉันแก้วหนึ่งสิ” มุกดาเรียกรวินท์ จู่ๆ เธอก็พูดขึ้นมา จนทำให้รวินท์ตกใจทันที มันไม่ง่ายเลยเพราะเธอเพิ่งจะผละตัวออกจากนีรชา ทว่ามุกดาทำไมถึงกลับมาอีกนะ เธอจะไม่กลับทุกวันไม่ใช่เหรอไง?
“คุณนาย คุณกลับมาแล้วเหรอ? ดีเลยดีจริง ฉันจะไปรินน้ำให้คุณเดี๋ยวนี้เลย” รวินท์เห็นมุกดากลับมาแล้ว เธอก็ต้องลงมาเพื่อรินน้ำให้กับมุกดา
“รวินท์นี่คุณกำลังเล่นเกมอยู่กับอักลี่ใช่ไหม?” มุกดาดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง ก็พูดกับรวินท์ทันที
“ใช่ค่ะ คุณนาย อักลี่เขาค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว ฉันเลยอยากให้เขาอารมณ์ดี ดังนั้นเลยเล่นเกมอยู่กับเขาเรื่อยๆ ค่ะ” รวินท์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง พูดออกมาด้วยสีหน้าปกติแต่หัวใจเต้นโครมคราม ไหวพริบของเธอนั้นดีมาก
“อ้อ แบบนี้นี่เอง แต่คุณแม่ของฉันและคนอื่นไปไหนหมดแล้วล่ะ? ฉันกลับมาแล้วทำไมไม่เห็นหน้าใครสักคน?” มุกดาสำรวจรอบๆ แต่ไม่เห็นนีรชา จนรู้สึกงุนงงอยู่ในใจเล็กน้อย
“อ้อ สวนในบ้านมีงู พวกเขาเลยไปดูกัน แถมยังพูดว่าต้องการจะปิดรูงูด้วย ดังนั้นฉันเลยออกมาเล่นกับอักลี่อยู่ที่นี่คนเดียวเลย” แววตาของรวินท์ทอประกายออกมาแวบหนึ่ง
“มีงูเหรอ?” มุกดาตกใจ เธออยู่ที่วิลล่าของชลธีก็นานขนาดนี้แล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นงูแม้แต่เงาด้วยซ้ำ อีกอย่าง ในสวนนั้นก็มีคนสวนคอยตรวจสอบอยู่ตลอด ทำไมจู่ๆ ถึงมีงูได้นะ? แถมยังมีรังงูอีก ปัญหานี้ถือว่าร้ายแรงอยู่
“ใช่ค่ะ มีรังงูอยู่ในสวนเลยค่ะ น่ากลัวชะมัดเลย ฉันกลัวงูที่สุดแล้วค่ะ เห็นงูขาถึงกลับอ่อนทันที” รวินท์พูดจนหน้าเปลี่ยนสีทันที
มุกดาเหลือบมองรวินท์ เหมือนว่าเธอก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ แต่ว่าในใจมุกดาย่อมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งดี
“รวินท์ คุณเริ่มเป็นพี่เลี้ยงเด็กตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ฉันเห็นอายุคุณก็ไม่ได้แก่มาก น่าจะแต่งงานมีลูกแล้วใช่ไหม? ทำไมถึงไม่เห็นคนรักของคุณเลยล่ะ?” มุกดาเอาเรื่องงูพักไว้ก่อน อย่างไรเสียนีรชาก็ไปดูแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องไปดูซ้ำอีกรอบ
“คุณนาย ฉันยังไม่ได้แต่งงาน อาจจะเป็นเพราะว่าฉันหน้าตาไม่ดีมั้ง พอมีคนแนะนำอีกฝ่ายให้ คนเขาก็ไม่ถูกใจฉัน ดังนั้นฉันเลยไม่มีวิธีอื่นแล้ว” รวินท์พูดจบแถมยังมีการถอนหายใจตามมาด้วย
“อ้อ งั้นคุณอยากแต่งงานไหมล่ะ? ถ้าคุณอยากแต่งงาน ฉันจะแนะนำคนให้ คนคนนั้นคุณน่าพอใจมากเลยแหละ” มุกดาพูดกับรวินท์
“ก็อยากแต่งงานอยู่แล้วค่ะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากหาผู้ชายที่ไม่รักตนเองหรอก แต่พอนานวันเข้าก็ไม่ได้เป็นตามที่ใจปรารถนาขนาดนั้น” เรื่องที่มุกดาเสนอตัวว่าจะแนะนำผู้ชายให้รวินท์รู้จัก รวินท์ก็ไม่ได้ตกปากรับคำหรือปฏิเสธทันควันแต่อย่างใด
“ก็ต้องงั้นสิ ที่ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักเขาก็คือธีรเมทที่เป็นประธานของว่องประเสริฐการกรุ๊ปไง” มุกดาพูดกับรวินท์
พอรวินท์ได้ยินชื่อธีรเมท สีหน้าเสแสร้งของเธอจะเสแสร้งต่อไปก็ทำไม่ได้แล้ว แววตาปรารถนาของเธอ ความหวังอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอก็คือแต่งงานกับธีรเมทนั่นเอง
“คุณนายก็พูดติดตลกไปได้ ฉันเป็นแค่พี่เลี้ยงเด็กเองนะ จะไปถูกใจท่านประธานของว่องประเสริฐการกรุ๊ปได้ยังไงกัน” รวินท์ก้มศีรษะลง เธอเค้นชายเสื้อของตนเอง
“เรื่องของพรหมลิขิตมันพูดกันยากอยู่นะ ฉันเห็นคุณเป็นคนดีมาก หน้าตาก็สวยมาก แถมคุณยังเป็นคนฉลาดเฉลียวอีก ต้องทำให้ท่านประธานของว่องประเสริฐการรู้สึกชอบได้แน่ๆ อีกทั้งตอนนี้ธีรเมทยังได้สืบทอดมรดกกองโต บริษัทของเขาสูสีกับบริษัทฮอนดากรุ๊ปของพวกเราเลย ถ้าคุณได้แต่งงานกับเขา งั้นก็ต้องเพลิดเพลินกับความมั่งคั่งและอำนาจมหาศาลอย่างไม่จบไม่สิ้นเลยทีเดียว” เมื่อมุกดาพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าก็แสดงความจริงใจออกมา
“คุณนาย ความหมายของคุณคือท่านประธานของว่องประเสริฐการจะชอบฉันใช่ไหมคะ? ถ้าได้แต่งงานกับเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องบุญใหญ่หล่นทับฉันเลยนะสิ” สีหน้าของรวินท์ทอประกายออกมา