ทศพรมองซุปที่เข้มข้นทั้งสองถังนั้น เขาก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดไปหมด นี่ให้เขากินคนเดียว กินให้จุกตายก็กินไม่หมดหรอก
“คุณแม่…” ตอนที่ทศพรอยากจะพูดอะไรกับแม่ทั้งสองคนไปสักนิดนั้นเอง แม่ทั้งสองคนก็ได้พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดื่มเลยสิ พวกเราเคี่ยวกันมาตั้งหลายชั่วโมง จะทิ้งมันก็น่าเสียดาย”
ทศพรทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เพียงเข้าไปนั่งลงข้างๆแล้วค่อยๆดื่มซุปไปช้าๆ ดีที่เขารอมานานขนาดนี้ จึงหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
“งั้นวันนี้พวกเราก็กลับกันก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาเยี่ยมจันทร์กันอีกที” มุกดากับธีรนัยน์ดูจนแม่ลูกปลอดภัยดีแล้ว ก็ได้สบายใจกันไป ออกมานานมากแล้ว ก็ควรจะกลับไปได้แล้ว ทั้งสองคนต่างก็หิวกันขึ้นมาบ้างนิดหน่อยแล้ว
“ฉันพาพวกเธอไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยไปกันเถอะ วันนี้ต้องรบกวนพวกเธอแล้วจริงๆ” ทศพรวางกระติกเก็บความร้อนลง เขายุ่งจนลืมไปเลยว่าทั้งสองคนยังไม่ได้กินข้าวกัน
“ไม่ต้องหรอก พวกเรากลับไปกินเอาก็ได้แล้ว นายเองก็ยุ่ง คุณป้า น้าเพลง พวกเราขอตัวก่อนนะคะ จันทร์ เธอพักรักษาตัวให้ดี พรุ่งนี้พวกเราจะมาเยี่ยมเธออีกที” มุกดาไม่ให้ทศพรเลี้ยงข้าวพวกเธอ บอกลากับผู้ใหญ่ทั้งสองคนแล้วก็กลับไป
“เป็นอะไรไป? เธอมีความคิดอะไรขึ้นมาหรือเปล่า?” มุกดาถามธีรนัยน์ออกไป เห็นธีรนัยน์ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เธอจึงรู้ว่าเธอมีความคิดอะไรอยู่
“ฉันเองก็อยากได้ลูกสักคนเหมือนกัน เด็กคนนั้นน่ารักมากเลย” ถึงแม้ว่าธีรนัยน์จะทำตัวเองเป็นผู้ชายอยู่ตลอด แต่ในตอนสำคัญ หลังจากที่เห็นเด็กแล้ว ก็จะกระตุ้นความรักของแม่ของเธอขึ้นมา “เธอเองก็สามารถมีลูกสักคนหนึ่งได้เหมือนกันนะ หาคนที่เหมาะสมสักคนแต่งงานไปก็มีได้แล้ว” มุกดาเย้าแหย่ธีรนัยน์ออกไป
“เฮ้ ใครจะมาชอบผู้หญิงที่ไม่ใช่ทั้งชายไม่ใช่ทั้งหญิงอย่างฉันกัน!” ธีรนัยน์โอดครวญความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมา ก่อนที่เธอจะเห็นลูกของจันวิภา ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสักวันหนึ่งตนจะคิดที่จะแต่งงานขึ้นมาเลยจริงๆ เธอเตรียมที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตแล้ว
“ธีรนัยน์ เธอ…” คำพูดของมุกดายังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ รถของพวกเธอก็รู้สึกได้ถึงการถูกชนเข้ามาอย่างแรง
“มุก นั่งให้ดี” ธีรนัยน์ได้ค้นพบแล้วว่าด้านหลังมีรถจี๊ปสีดันหนึ่งจงใจเข้ามาชนรถของเธอ
เธอเหยียบคันเร่งไป เว้นระยะห่างของรถทั้งสอง คนที่นั่งอยูในรถจี๊ปสีดำคันนั้นเป็นคนที่สวมเสื้อผ้าสีดำ สวมหมวกและแว่นกันแดดคนหนึ่ง การแต่งตัวนั้นแค่มองก็รู้ว่ากำลังอำพรางตัวเองอยู่
ความเร็วของธีรนัยน์นั้นเร็วแล้ว ความเร็วของรถคันที่อยู่ข้างหลังก็ได้เพิ่มเร็วขึ้นมาเหมือนกัน รถทั้งสองคันเริ่มซิ่งกันขึ้นมา
ทักษะการขับรถของธีรนัยน์ก็ไม่เลวมากเลย เธอถูกรถคันนั้นบีบให้ขึ้นทางด่วนรอบเมืองไป รถทั้งสองคันขับออกไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ทำให้รถมากมายต่างพากันหลบเลี่ยงกันไปแทบไม่ทัน
“เป็นใครกัน?” มุกดาถามออกมา ในตอนหลังมาเธอก็ได้พบอีกว่าคำถามที่เธอได้ถามออกไปมันน่าตลกไปหน่อย จึงได้ควักเอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาชลธี บอกว่าตัวเองกำลังซิ่งรถอยู่บนทางด่วน ด้านหลังมีรถจี๊ปคันหนึ่งไล่ตามตนอยู่
ชลธีหลังจากที่แน่ใจในตำแหน่งของมุกดาแล้ว จึงได้ออกเดินทางไปทันที
รถจี๊ปคันนั้นตัวรถได้มีกำลังการแข่งขันของตัวเองที่แข็งแกร่งมาก ให้ความรู้สึกแบบต้องการจะตามรถของมุกดาไปเสียให้ตายไปด้วยกันมากเลย ความเร็วของรถคันนั้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นว่ากำลังจะตามรถของมุกดามาทันแล้ว
แต่ธีรนัยน์กลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิดเดียว แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นมาแทน ตอนที่อยู่ที่ต่างประเทศ เธอชอบไปแข่งรถมากเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้รางวัลอะไรมา แต่ก็รู้สึกว่ามันสนุกมากเหมือนกัน
รถที่เธอขับวันนี้เป็นรถแลนด์โรเวอร์ของมุกดา มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ารถจี๊ปเลยด้วย แต่เธอก็ไม่อยากถูกคนคนนั้นไล่ตามทัน และก็ไม่อยากถูกชนด้วยเหมือนกัน
ความเร็วได้มาถึงสองร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง มุกดาเพียงคิดว่าภาพวิวด้านนอกหน้าต่างถอยไปทางข้างหลังเหมือนกับบินผ่านไปเพียงเท่านั้น
“เมื่อกี้นี้คันที่ขับผ่านไปเป็นรถของมุกดา?” รถของอนุชิตก็ได้อยู่บนทางด่วนด้วยพอดี จู่ๆเขาก็เห็นรถแลนด์โรเวอร์คันหนึ่งขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มีรถจี๊ปคันหนึ่งขับผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยอีกคัน เนื่องจากเร็วเกินไป เขาจึงมองป้ายทะเบียนรถของแลนด์โรเวอร์ได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก เพียงแต่คิดว่าด้วยสีนั้นคงจะเป็นรถของมุกดา
“ใช่ครับ เป็นรถของคุณมุกดา” ดวงตาของคนขับรถแหลมคมอย่างมาก เพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็มองเห็นป้ายทะเบียนรถมาได้
“เด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมชอบขี่รถเร็วกับคนอื่นเขาแล้วด้วยเหรอ? ตามไปดูหน่อยสิ” อนุชิตบอกให้คนขับรถขับตามไปทันที
“ได้ครับ” คนขับรถตอบรับออกมาคำหนึ่ง แล้วขับรถคาเยนน์ไล่ตามไป!
“มันผิดปกติ รถจี๊ปคันนั้นมันต้องการจะชนรถของมุก ตามรถจี๊ปคันนั้นไป บีบให้เขาหยุด ถ้าไม่ได้ก็ชนให้เขาออกไปอยู่อีกด้านหนึ่งไปเสีย!” ในใจของอนุชิตมีความรู้สึกที่พิเศษอย่างหนึ่งต่อมุกดา นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมีคนกล้ามารังแกคนของเขาอนุชิตผู้นี้ งั้นมันก็ได้มองผิดไปแล้ว
ความสนใจของรถจี๊ปล้วนอยู่ที่แลนด์โรเวอร์ที่อยู่ข้างหน้าไปหมด ไม่ง่ายเลยที่จะให้เขาได้มีโอกาสอย่างนี้ได้ เขาจะต้องชนแลนด์โรเวอร์คันนั้นให้ยับไม่เหลือซาก แล้วยังต้องชนให้คนที่อยู่ข้างในนั้นให้ตายไปด้วย!
รอจนตอนที่เขาค้นพบว่าด้านหลังของตนมีรถคาเยนน์คันหนึ่งกำลังตามอยู่นั้น รถคาเยนน์ก็ได้ชนรถของเขามาเรียบร้อยแล้ว ความเร็วประหนึ่งบินนั้นได้ชนเอารถจี๊ปคันนั้นเบี่ยงไปทางข้างๆเล็กน้อย แต่ฝีมือของเขาก็ไม่เลวเลยทีเดียว เพียงแค่หยุดชะงักไปชั่วคราว แล้วก็ได้เริ่มไล่ตามรถคันข้างหน้าต่อไปอีกครั้ง
“เชี่ยเอ๊ย ยังจะดื้อด้านอีกนะ ไล่ชนต่อไป!” ถึงแม้ว่ารถคาเยนน์จะชนรถจี๊ปไปมันก็เป็นเพียงแค่ไข่ไก่ชนเข้ากับก้อนหินเท่านั้น แต่เพื่อคนที่ตัวเองชอบแล้วอนุชิตนั้นสู้ตาย
ในตอนที่รถของอนุชิตยังไล่ตามรถจี๊ปไม่ทันอยู่นั้น ก็ได้มีรถเบนท์ลีย์คันหนึ่งพุ่งออกมาจากในมุมเฉียง
เห็นรถจี๊ปคันนั้นไล่ตามรถแลนด์โรเวอร์ทันแล้ว รถเบนท์ลีย์คันนั้นก็ได้ชนเข้าไปที่รถจี๊ปไปอย่างแรงเช่นกัน รถจี๊ปจึงได้หยุดรถลงไปในที่สุด ได้ถูกรถเบนท์ลีย์ที่ใช้ความเร็วสามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงชนจากช่วงเอวของตัวรถขาดออกไป รถเบนท์ลีย์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันทั้งหัวรถทั้งหมดก็ได้ชนไปจนบุบเข้าไปหมด
สถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุย่ำแย่อย่างมาก อนุชิตรีบแจ้งความไปทันที แล้วจอดรถอยู่ที่ข้างหลังรถทั้งสองคันนั้น
ทั้งทางด่วนแห่งนั้นก็เกิดรถติดขึ้นมา รถทั้งสองคันทำเอาถนนของทางด่วนรถติดไปแล้ว
ธีรนัยน์กับมุกดาได้ค้นพบว่ารถจี๊ปที่อยู่ข้างหลังไม่ได้ตามมาแล้ว ตอนที่ขับไปที่จุดพักรถแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนจึงได้หยุดจอดลง ความเร็วเมื่อกี้นี้มันเร็วเกินไป พวกเธอไม่ได้สังเกตเลยว่าข้างหลังเกิดอะไรขึ้น
โทรศัพท์ของมุกดาได้ดังขึ้นมา พอเธอเห็นว่าเป็นสายของอนุชิตที่โทรเข้ามา ก็รีบรับสายไปทันที
“มุก มุก เธอไปที่ไหนแล้ว? เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?” อนุชิตถามมุกดาออกไป
“เปรม พวกเรามาถึงจุดพักรถที่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว ฉันกับธีรนัยน์ไม่เป็นไร อนุชิตนายเป็นอะไรไป?” มุกดาไม่รู้เหมือนกันว่าอนุชิตเห็นตนมาตั้งนานแล้ว
อนุชิตพอได้ยินว่ามุกดากับธีรนัยน์ไม่เป็นอะไรแล้ว เขาจึงสบายใจ และเขาก็ไม่ได้บอกกับมุกดาไปว่าข้างหลังเกิดอุบัติเหตุทางรถที่รุนแรงขึ้น กลัวว่าเธอจะมีเงาในใจ
“รถคันนั้นได้หายไปแล้ว ได้พลิกคว่ำไปเองแล้วหรือเปล่า? ตอนนี้พวกเราคงจะค่อนข้างที่จะปลอดภัยอยู่พอสมควรแล้วล่ะมั้ง? ฉันโทรหาชล ให้เขาไม่ต้องมาแล้ว” มุกคิดว่าชลธีคงจะอยู่ระหว่างทางที่กำลังจะตามมา เธอเองก็เป็นห่วงด้วยเหมือนกันว่าเขาขับเร็วเกินไปแล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา
แต่ว่าโทรศัพท์ของมุกดาโทรออกไปหลายครั้งแล้ว ก็ไม่มีใครรับสายเลย ในตอนสุดท้ายโทรศัพท์ยังได้ปิดเครื่องไปเลยด้วย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ชลไม่รับสายของฉัน” มุกดามองโทรศัพท์ของตัวเอง พลางเอ่ยพูดออกมาอย่างจนใจ
“อาจจะไม่ได้ยินละมั้ง และก็เป็นไปได้ว่าจะมีเรื่องอะไรขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้พวกเราไม่เป็นไรแล้ว พักผ่อนสักพักหนึ่งแล้วค่อยกลับไปกันเถอะ!” ขาของธีรนัยน์เนื่องจากว่าเมื่อกี้นี้ขับรถไปอย่างดุเดือดเกินไป จึงเริ่มมีเลือดไหลออกมาแล้ว