ธีรเมทในตอนที่เห็นรูปลักษณ์ของรวินท์ก็ได้ทำให้เขานึกถึงรูปลักษณ์ตอนที่ตนได้เจอกับมุกดาเมื่อตอนนั้นขึ้นมา บวกกับที่รวินท์มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับมุกดาด้วยแล้ว จึงทำให้เขามองอย่างตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์
“คุณปล่อยนะ ฉันยังต้องออกเดินทางอีกนะ!” ถ้าไม่เพราะรวินท์ส่งเสียงพูดออกมา ธีรเมทก็ไม่รู้ว่าตนจะต้องมองอีกนานแค่ไหน
เมื่อตอนนั้นมีการตามจีบมุกดาเป็นจุดมุ่งหมาย แต่ว่ามุกดาหน้าตาสวยและยังรักตัวเองมากอีก เขาไม่เคยจะประสบผลสำเร็จเลย ดังนั้นแล้วนั่นจึงเป็นความเจ็บปวดอยู่ภายในใจของเขา
“เดินไปขึ้นรถกับฉัน!” ธีรเมทลากรวินท์ขึ้นรถไป
“คุณปล่อยฉันนะ คุณปล่อยฉันไปนะ!” รวินท์ดิ้นขัดขืนออกมา แต่ว่าเรี่ยวแรงของเธอก็สู้แรงของธีรเมทไม่ได้ เขาได้อุ้มรวินท์ขึ้นมาทันที แล้วยัดเข้าไปในที่นั่งเบาะหลังของรถ
ธีรเมทล็อกประตูรถ แล้วเขาเดินอ้อมทางข้างหน้ารถไปอีกที แล้วก็ได้ขับรถออกไป
บนใบหน้าของรวินท์เผยความพึงพอใจออกมาแวบหนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว เธอยังคงขยับตัวไปมาไม่หยุดอยู่ที่ข้างหลัง
“ถ้าเธออยู่ไม่นิ่งอีกฉันจะจัดการเธอบนรถเนี่ยแหละ!” ธีรเมทขู่เธอออกไป
และก็เป็นอย่างที่คิดรวินท์ไม่ได้ก่อกวนขึ้นมาอีก เธอนั่งอยู่ที่หลังรถไปอย่างว่านอนสอนง่าย
หลังจากที่มาถึงจุดหมาย ธีรเมทก็ได้พบว่ารวินท์กำลังร้องไห้อยู่ ยังเป็นการร้องไห้ออกมาเสียงเบามาก มิน่าเมื่อกี้ขึ้นรถมาถึงได้เงียบขนาดนั้น
“ลงจากรถเถอะ” ธีรเมทพูดกับรวินท์
รวินท์เงยใบหน้าเล็กสวยนั้นขึ้นไป บนใบหน้าได้มีหยาดน้ำตาที่เหมือนเม็ดไข่มุกออกมา คนที่มองอยู่ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา
“คุณต้องการจะพาฉันไปที่ไหน ฉันอยากกลับบ้าน วันนี้ฉันพักฉันอยากกลับไปเยี่ยมคนในครอบครัวของฉัน” รวินท์เอ่ยพูดออกมาอย่างขลาดกลัว
“ฉันก็แค่จะเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อหนึ่งเอง กินเสร็จฉันจะไปส่งเธอกลับไปเอง เป็นไง? เธอก็ไม่ต้องร้องไห้แล้ว” ธีรเมทเห็นสภาพเธอร้องไห้ออกมามันสวยมาก ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็มีเงาความเป็นมุกดาอยู่
“คุณจะไม่ล่วงเกินฉันไหม? ฉันนั้นเป็นเด็กบ้านนอก สำหรับเรื่องพวกนี้มันสำคัญมาก” รวินท์ปาดเช็ดน้ำตาของตัวเอง
“แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว เธอเห็นฉันเป็นคนยังไงเล่า” ถึงแม้ว่าเมื่อกี้นี้ธีรเมทจะมีความคิดชั่ววูบที่จะจัดการกับรวินท์ไปจริงๆ แต่ในตอนนี้ เขาเหมือนกับว่าจะลงมือไม่ได้เลยสักนิด
“อ้อ” รวินท์ตอบออกมาคำหนึ่ง แล้วเธอก็ได้ออกมาจากในรถ
ผู้หญิงที่ยอมให้ผู้ชายได้ไปง่ายๆ ไม่มีทางจะทำให้ผู้ชายหวงแหนรู้คุณค่าได้หรอก ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างนั้น ก็ยังต้องมีความลึกลับน่าค้นหาสักหน่อยถึงจะดี
ธีรเมทไปลากรวินท์เอาไว้ รวินท์จึงได้หดมือกลับไปทันที แต่ว่าธีรเมทก็พยายามที่จะดึงมือของเธอให้อยู่ในมือใหญ่ของเขาเสียให้ได้ แต่ทว่าผู้หญิงคนนี้ถึงแม้ว่าปากจะบอกว่าตัวเองมาจากชนบท แต่มือนั้นกลับนุ่มลื่นอย่างมาก
“เมื่อกี้นายตามเธอไปพบอะไรบ้าง?” มุกดาถามรณรัต
“วันนี้รวินท์แปลกมาก อากาศหนาวขนาดนี้ แต่เธอสวมเสื้อผ้าเสียบางมากเลย แต่ว่าออกจากบ้านไปได้ไม่นานก็เจอกับธีรเมท ธีรเมทได้ลากเธอขึ้นรถไป” รณรัตพูดกับมุกดา แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าเสื้อผ้าที่รวินท์สวมเป็นอะไร
“วันนั้นฉันพบว่าเธอเหมือนจะตั้งใจจะเข้าไปยั่วยวนธีรเมท วันนี้มันก็เป็นอย่างที่คิด ถนนสายนั้นเป็นสายที่ธีรเมทจะต้องเดินทางผ่านทุกวันอยู่แล้ว เธอยังมีแผนการอยู่จริงๆ แต่ว่าทำไมเธอถึงได้สนใจธีรเมท?” มุกดาพูดพึมพำกับตัวเอง เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมรวินท์ถึงได้สนใจธีรเมทขึ้นมา
“งั้นคุณนาย ผมจะไปสืบดูแล้วกันครับ” รณรัตพูดกับมุกดาออกไป
“ไม่ต้องแล้ว เรื่องนี้นายเองก็สืบได้ยากด้วยเหมือนกัน จริงสิรณรัต นายไปตามที่อยู่นี้ ลองดูว่าคนในครอบครัวนี้มีลูกสาวอย่างนี้หรือเปล่า แล้วถือโอกาสดูไปด้วยเลยว่าบ้านนี้มีสถานการณ์เป็นยังไงไปด้วยเลย” มุกดาบอกที่อยู่ที่หนึ่งออกไป ให้รณรัตไปลองตรวจสอบดู
“ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” รณรัตเอากระดาษโน๊ตออกไป
เมื่อตอนนั้นมุกดาเลือกผู้ช่วยมาสามคน ยศัสวินก็ให้มุกดาสั่งการโดยตรง มีเรื่องอะไรก็สามารถบอกให้คนพวกนี้ไปทำได้เลย ตอนนี้ธีรนัยน์กำลังพักฟื้นอาการบาดเจ็บอยู่ อีกสองคนก็แสดงฝีมือได้ไม่เลวเลยทีเดียว
มุกดาคิดอยู่นานก็ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนแม่ของตัวเองแล้ว เธอได้โทรไปหาธาราวดี
ตอนที่รับสายของลูกสาวนั้น ธาราวดีก็มีความสุขมาก ลูกสาวหลังจากที่ออกจากคุกมา เธอยังกลัวอยู่เลยว่าลูกสาวจะมีความคิดอะไร แต่ว่าตอนนี้ดูท่าแล้วสภาพจิตใจของลูกสาวยังดีอยู่
สองแม่ลูกนัดกันว่าช่วงบ่ายจะไปช็อปปิ้งกัน มุกดาออดอ้อนให้แม่ของตัวเองเพิ่มเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเอง ทำเอาธาราวดีมีความสุขอย่างมาก
ตั้งแต่เด็กๆมุกดาก็ยอมโอนอ่อนให้ณิชพนตลอด ธาราวดีมักจะคิดว่าตัวเองติดค้างลูกสาวอยู่เสมอ ตอนนี้สามารถอยู่กับลูกสาวได้แล้ว แต่ว่าลูกสาวก็ไม่ได้ขาดอะไรด้วยอีก อยากจะชดเชยไปสักนิดก็ทำไม่ได้เลย วันนี้นึกไม่ถึงว่าลูกสาวจะเป็นฝ่ายบอกให้ตนซื้อเสื้อผ้าให้เธอเอง คุณว่าธาราวดีจะไม่ดีใจได้เหรอ?
เมื่อถึงเวลา มุกดาก็ออกจากบ้านไป เธอเปลี่ยนเสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อน ด้านในก็ยังสวมชุดสีดำตลอดทั้งตัว แต่ว่าเมื่อเทียบกับตอนที่เพิ่งจะกลับมาจากฝรั่งเศสแล้ว เธอนั้นได้ค่อยๆชอบสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสขึ้นมาช้าๆ
ตอนที่เห็นธาราวดี นึกไม่ถึงเลยว่าความคล้ายคลึงกันเรื่องการแต่งตัวของสองแม่ลูกจะคล้ายกันจนน่าตกใจเลยทีเดียว ธาราวดีเองก็สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อนด้วยเหมือนกันเพียงแต่ว่าสีเข้มกว่านิดนึงเท่านั้น
“ไปแบรนด์ที่แกชอบแบรนด์นั้นกันดีกว่ามั้ย?” ธาราวดีพูดกับลูกสาว
“ตามใจเลย แม่อยากซื้ออะไรให้ฉัน ฉันก็จะสวมอันนั้น” หลังจากที่กลับมาจากบ้านของธีรนัยน์ มุกดาคิดว่าเป็นแม่คนมันไม่ง่ายเลย ดังนั้นแล้ววันนี้เธอจึงทำตัวเป็นลูกสาวที่ดีคนหนึ่ง
“ได้ งั้นก็ไปดูสักหน่อยแม่จะเลือกให้แกเอง” ธาราวดีเองก็เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะหัวรั้นเอาแต่ใจเลยคนหนึ่ง แต่ว่าเธอก็เคารพลูกสาวของตัวเองมาก วันนี้ลูกสาวให้ตนมาช่วยเลือก เป็นโอกาสที่เธออยากได้มาใจจะขาดแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เป็นจริงเลยพอดี
ธาราวดีจึงได้พามุกดามายังแบรนด์ที่ตนชอบแบรนด์หนึ่ง พามุกดาไปเลือกเสื้อผ้า
“ธาราวดี!” ในตอนที่สองแม่ลูกกำลังเดินช็อปกันอย่างมีความสุขอยู่นั้นเอง มีคนตะโกนเรียกธาราวดีออกมา
ธาราวดีหันหน้าไปก็เห็นบุณยอรกำลังยืนอยู่ที่ข้างหลังของตัวเอง เธอผันร่างออกไปทันที แล้วเข้าไปกอดกับบุณยอร
“เพื่อนเก่า ไม่เจอกันนานเลย เธอยังสบายดีอยู่หรือเปล่า?” ทั้งสองคนแทบจะพูดคำพูดอย่างนี้ออกมาพร้อมกันเลยทีเดียว
“สบายดี สบายดี แต่ว่าเวลานี่มันไม่ค่อยจะยุติธรรมกันเท่าไหร่เลย ทำไมเธอถึงยังสวยเหมือนตอนสาวๆอยู่เลย?” ทั้งสองคนเห็นอีกฝ่ายยังคงสวยอยู่ ต่างก็มีความสุขมากกันออกมา
“คนนี้คือ?” บุณยอรชี้ไปที่มุกดาแล้วถามธาราวดีออกไป
“ลูกสาวของฉัน!” ธาราวดีเอ่ยออกไปอย่างภาคภูมิใจ
“เธอเป็นลูกสาวของเธอ? พระเจ้า!” โลกนี้มันช่างเล็กมากเกินไปจริงๆเลยใช่มั้ยเนี่ย? บุณยอรอยากพูดออกไป
“ใช่แล้ว มีอะไร? ระหว่างพวกเธอคงไม่ได้มีความขัดแย้งกันหรอกนะมั้ย?” ธาราวดีดึงมือของบุณยอรเอาไว้ ทั้งสองคนเป็นถึงดาวของมหาวิทยาลัยพระนครของเมื่อตอนนั้นเลย แต่ว่าในภายหลังมาหลังจากที่ธาราวดีออกจากประเทศไปทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอหน้ากันมานานมากแล้ว
“นั่นก็ไม่ได้มีหรอก จะว่าไปแล้ว ลูกสาวของเธอฉลาดอย่างนี้ อยากให้เธอมาผิดใจกับฉันมันคงไม่ง่ายนักหรอกนะ ฮ่าๆๆ” บุณยอรมองมุกดาแล้วหัวเราะขึ้นมา
ที่แท้เด็กคนนี้ก็เป็นลูกสาวเพื่อนเก่านี่เอง ช่างน่าสนใจจริงๆเลย
ได้ยินบุณยอรชมลูกสาวของตัวเองแล้ว ธาราวดีก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอยู่บ้าง ลูกสาวของตนเยี่ยมยอดมากจริงๆอยู่แล้ว แต่ว่าเมื่อออกมาจากปากของคนอื่นแล้วมันให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว
“อร ลูกของเธอเป็นยังไงบ้าง?” ธาราวดีถามบุณยอร