เมื่อเลือกพี่เลี้ยงเรียบร้อย มุกดาเตรียมจะออกไป แต่จู่ๆ พี่เลี้ยงก็พูดออกมา
“คุณนาย ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” น้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ เหมือนคนที่ยังผ่านอะไรมาไม่เยอะ
แต่มุกดารู้สึกคุ้นกับเสียงนั้นเล็กน้อย เธอหันไปมองพี่เลี้ยง เพื่อที่จะยืนยันว่าไม่ใช่คนรู้จัก ถึงพี่เลี้ยงกำลังพูด แต่เธอดูหวาดกลัวมาก อีกทั้งยังไม่ได้มองมุกดาด้วย
“ว่ามาสิ มีเรื่องอะไร” มุกดานั่งลงอีกครั้ง
“ฉันขอถามหน่อย เงินเดือนเท่าไรเหรอคะ ฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น แม่ฉันป่วยอยู่ที่บ้าน ฉันต้องทำงาน พาแม่ไปหาหมอ ฉันทำได้ทุกอย่างฉันหวังว่าจะได้เงินเยอะสักหน่อย” ผู้หญิงคนนั้นพูดและกัดริมฝีปาก ท่าทางของเธอน่าสงสารมาก
“เรื่องนี้เธอถามฉันก็ได้ เธอไปถามเงินเดือนของตระกูลสุวรรณเลิศกับคนอื่นก็ได้ ในพระนครไม่ค่อยมีใครเทียบได้หรอก ก่อนหน้านี้ เพราะครอบครัวมีเรื่องนิดหน่อย ไม่งั้นเธอคงไม่ได้โอกาสดีๆ แบบนี้หรอก” นัทธ์อธิบายให้พี่เลี้ยงฟัง
“อ๋อ โอเคค่ะๆ” เมื่อพี่เลี้ยงคนใหม่บอกว่าเงินเดือนดีมาก เธอก็สบายใจ
“เธอชื่ออะไร” มุกดาเห็นเธอไม่เงยหน้าตั้งแต่มา จนถึงตอนนี้ จึงเดินไปถาม
“ฉันชื่อรวินท์” พี่เลี้ยงเงยหน้าลอบมองมุกดาแวบหนึ่ง
“อ๋อ รวินท์ ชื่อนี้เพราะมาก พ่อแม่เธอรู้จักตั้งชื่อจริงๆ” มุกดามองรวินท์ ผู้หญิงคนนี้ตาโต จมูกโด่งตามแบบทั่วไป ริมฝีปากก็ดูธรรมดา หน้าตาของเธอไม่ได้มีส่วนใดโดดเด่น แต่ทว่าน้ำเสียงของเธอ ทำให้มุกดารู้สึกคุ้นเคย
“เราเคยเจอกันไหม” มุกดาถามรวินท์ตรงๆ
“อันนี้ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันอยู่ในบริษัท มีคนมาพบเรามากมาย คนเยอะแยะมาเจอฉัน แถมคนยังให้เราพูดภาษากลาง เพื่อที่จะเลี้ยงลูกของพวกเขาได้ดี ปกติฉันก็พูดภาษากลางได้นิดหน่อย” รวินท์พูดสมเหตุสมผล เธอพูดภาษากลางได้ชัดเจนมาก น่าจะเป็นพี่เลี้ยงที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี
“โอเค นัทธ์ นายพาเธอไปจัดหาที่พักเถอะ เธอเพิ่งมา ยังต้องทำความรู้จักกับอักลี่ เดี๋ยวถ้าคุ้นเคยกันแล้ว ค่อยให้นอนกับอักลี่” เมื่อมุกดาจัดแจงเรียบร้อย เธอก็หันหลังเดินออกไป
เธอเดินไปได้หลายก้าว รู้สึกว่ามีใครมองอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อหันไปมอง กลับไม่พบอะไร นัทธ์พารวินท์ ลงไปแล้ว
อาจจะเพราะเธอเพิ่งออกจากคุก อยู่ในนั้นเธอมักจะหวาดระแวง ออกมาเลยยังรู้สึกหวาดระแวง มุกดาค่อยโล่งใจ เมื่อคิดได้เช่นนี้
รวินท์มาถึงตระกูลสุวรรณเลิศ เธอขยันขันแข็ง ชอบช่วยพวกลูกน้องทำงาน ถึงงานที่เธอทำจะไม่ใช่งานอะไรมากมาย แต่ความมีน้ำใจของเธอ แสดงถึงความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาก
สำหรับการเลี้ยงเด็ก เธอก็มีความอดทน ไม่ว่าอักลี่จะทำอะไร เธอจะมองอักลี่ด้วยรอยยิ้ม แถมยังช่วยอักลี่หลายๆ เรื่อง อักลี่ก็ชอบเธอมากเช่นกัน
แต่กลับมีคนในบ้าน ไม่ชอบเธอ
“คุณเป็นคนเลือกพี่เลี้ยงคนใหม่เหรอ” ชลธีถามมุกดา
“ใช่ ทำไมเหรอ ไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวหรอก ลูกชายนายก็เลือกด้วย เขาคิดว่าโอเค บอกว่าหน้าตาคล้ายฉัน” มุกดากำลังมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอเตรียมจะแปลบทความให้อักลี่อ่าน
“คล้ายคุณนิดหน่อย แต่ผมรู้สึกว่าพี่เลี้ยงคนนี้ มีอะไรแปลกๆ หรือผมจะระแวงเกินไปก็ไม่รู้” ชลธีบอกไม่ถูก ว่ามีอะไรผิดปกติ
“ฉันก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ แต่ฉันก็กลับมาคิดว่า เราผ่านอะไรพวกนั้นมา เราเลยรู้สึกสงสัยอะไรไปเรื่อยหรือเปล่า” มุกดาพูดความคิดของตัวเองออกมา
“อืม พี่เลี้ยงของอักลี่กลับไปทำธุระที่บ้าน รอเธอจัดการธุระเสร็จ ค่อยเรียกใช้เธอเหมือนเดิม ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับพี่เลี้ยงคนนี้” ชลธีไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
“โอเค ลูกชายนายชอบเธอมาก เธอเลี้ยงเด็กอย่างมีแบบแผนมาก” มุกดาแปลบทความเสร็จเรียบร้อย รอปริ้นท์ออกมาให้อักลี่อ่าน
“ผมก็ชอบแม่ของลูกชายผมมาก ทำยังไงดีล่ะ” ชลธีดึงมุกดาเข้ามาในอ้อมอก และกอดเธอแน่น ไม่ยอมปล่อยมือ
“ทำยังไงเหรอ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่านายจะทำยังไง” มุกดาพูดหยอกเขา ชลธีจับมือของมุกดา มาทาบไว้ที่อกของเขา
“คุณฟังสิ มันตื่นเต้นมากเลยใช่ไหม พอมันเห็นคุณ ก็เต้นแรงมาก” หัวใจของชลธีเต้นแรงมาก
“คุณภรรยา ผมทนไม่ไหวแล้ว เรามาเริ่มกันเถอะ” ชลธีอุ้มมุกดาขึ้นเตียง
มุกดาเพิ่งออกจากคุกได้ไม่นาน ก็ใกล้จะถึงวันเกิดชลธีพอดี ชลธีก็อยากจัดงานเลี้ยงค็อกเทล เพื่อขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยเขากับมุกดา ให้ทุกคนมาสนุกกันที่บ้าน
“นี่เป็นงานเลี้ยงค็อกเทล ที่คุณชายจัดขึ้นที่บ้านเป็นครั้งแรก พวกนายต้องตั้งใจ อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ต้องทำตามระเบียบ เชื่อฟังคำสั่ง” นัทธ์กำลังอบรมทุกคน
ส่วนนางก้นครัวที่เป็นสายลับอย่างธินิดา โดนนัทธ์ใช้ข้ออ้างไล่ออกไปแล้ว ตอนนี้ในบ้านยังไม่มีสมาชิกคนอื่นชั่วคราว
ดังนั้นทุกคนจึงทำอะไรได้อย่างผ่อนคลาย นัทธ์มอบหมายงานให้พี่เลี้ยงคนใหม่ อย่างรวินท์ เหมือนคนอื่น แววตาของรวินท์เป็นประกาย แต่เธอก็รับงานเอาไว้ทั้งหมด
ทุกคนในบ้านตระกูลสุวรรณเลิศต่างวุ่นวาย มุกดากลายเป็นผู้วางแผน งานเลี้ยงค็อกเทลครั้งนี้ เธอยุ่งที่สุด ชลธีไม่อยากให้เธอมีเวลาไปคิดโน่นคิดนี่ เขาจึงให้เธองานยุ่งตลอดเวลา
นีรชาเป็นผู้ช่วยให้มุกดา ทั้งสองทำงานอย่างตั้งใจ ยังดีที่แม่ยายและลูกสะใภ้ มีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นหลายๆ เรื่องจึงเข้ากันได้ดี และไม่ต้องเสียเวลามาก
มีเวลาเตรียมงานเพียงสองอาทิตย์ ดังนั้นเวลาจึงกระชั้นชิดมาก ชลธีเชิญแขกที่เกี่ยวข้องเป็นหุ้นส่วนกับตัวเอง กับพวกเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ
ยังมีอีกคนที่เขาไม่ได้เชิญ เพราะคนนี้ยังต้องซ่อนเอาไว้ ไม่สามารถเปิดเผยตัว ถึงธินิดาจะโดนจับเข้าคุกแล้ว แต่อุไรภัสร์หนีไปแล้ว คนของคุณฟิลลิปก็ยังเคลื่อนไหวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นคนคนนั้นคงทำได้เพียงลำบากใจ
“หยุดนะ เธอห้ามไปตรงนั้น!” รวินท์กำลังจะเดินลึกเข้าในสวนดอกไม้ แต่โดนนัทธ์เรียกเอาไว้ก่อน
รวินท์ตกใจ เธอตั้งสติและหันกลับมา
“มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณพ่อบ้าน ฉันแค่จะเด็ดดอกไม้ ไปวางไว้ในห้องคุณชายน้อย”
ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ดอกบ๊วยและดอกเหมยกำลังบานสวย
“ไม่ต้อง คุณชายน้อยอายุยังน้อย เขาไม่รู้อะไรพวกนี้หรอก!”