วันที่ปล่อยให้เดินเล่นตามอัธยาศัย บวกกับวันนี้อากาศดีเป็นพิเศษ แม้จะเป็นฤดูหนาวแล้ว แต่ท้องฟ้าวันนี้ยังคงสีครามเข้ม บรรยากาศท่ามกลางลมหนาว แต่ทว่าก็ไม่ส่งผลกระทบกับอารมณ์ของทุกคนที่กำลังเดินเล่นอยู่ มองดูดวงอาทิตย์อย่างสบายอกสบายใจ ตากลมธรรมชาติ พูดคุยกันเป็นกลุ่มๆกระจัดกระจายไป
พี่กิ๊กจูงมือมุกดาเดินออกมา สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปลึกๆ รู้สึกว่าในอากาศมีกลิ่นที่สดชื่นปลอดโปร่ง
“อร๊าย ดีจังเลย ความรู้สึกที่ได้ปล่อยตัวมันดีจริงๆ มุก ฉันรู้สึกว่าเธอควรจะอยู่ในโลกอย่างนี้ ไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มืดมนหม่นหมองอย่างพวกฉัน” พี่กิ๊กพูดออกมาจากใจจริง
“เธอควรจะอยู่ในสถานที่แบบไหนล่ะ? ผู้หญิงอย่างเธอควรจะอยู่ที่นี่แหละ ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเมียน้อย แย่งสามีของคนอื่น แล้วยังทำร้ายพี่ชายของสามีตนเองจนถึงแก่ความตาย หน้าด้านขนาดไหนถึงยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อีก?” ตอนที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน เสียงเย็นยะเยือกก็ลอยมาจากด้านหลัง
ปวีณาผู้หญิงผอมแห้งคนนั้นยืนแผ่รังสีความชั่วร้ายอยู่ที่ด้านหลังของมุกดา
“ฉันคิดว่าเธอมีความเข้าใจผิดๆอยู่อย่างหนึ่งนะ อันดับแรกคนที่เข้ามาในความสัมพันธ์ของคนสองคนหลังจากแต่งงานกันแล้ว ถึงโดนเรียกว่าเมียน้อย ส่วนอีกอย่างก็คือ เธอรู้อะไรเหรอ? พวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันไม่คิดว่าฉันจะมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดที่ ทำให้คนที่ใช้ชีวิตในคุกมานานมากอย่างเธอรู้จักฉัน” มุกดาหันกลับไป มองปวีณา โดยสังเกตที่มือของเธอเป็นพิเศษ
“ฮ่าๆๆ บนโลกนี้ยังมีอีกประโยคหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าเธอเคยได้ยินไหม นั่นก็คือเรื่องฉาวโฉ่มักจะแพร่ไปไกล ไม่ใช่แค่คนที่มีชื่อเสียงหรอกถึงจะมีคนรู้จักมากมาย นางลำยองก็มีคนรู้จักมากมายเช่นกัน แต่เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงแพศยาคนหนึ่งเท่านั้น!” ปวีณามองมุกดาด้วยสายตาเหยียดหยาม
“พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเธอเป็นผู้หญิงแพศยา นั่นเป็นเพราะอิจฉาน่ะสิ ตัวเธอเองมีหน้าตาอย่างนางลำยองไหม? เธอมีรูปร่างอย่างนางลำยองไหม? เธอมีสมองอย่างนางลำยองไหม?” มุกดาก็พูดกับปวีณาอย่างดูถูก ทำให้อารมณ์เดือดดาลของปวีณาปะทุขึ้นมาทันที
“ฉันจะบอกให้นะ มุกดา เธออย่าคิดว่าครอบครัวของเธอมีเงินสกปรกพวกนั้นก็จะสุดยอดแล้วนะ พวกเราอยู่ที่นี่กันแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว!” ปวีณาพูดๆแล้วก็ใช้มือผลักมุกดา เธอคิดว่ามุกดาต้องตอบโต้เหมือนคราวก่อนแน่ๆ เธอก็จะถือโอกาสล้มลงไปบนพื้น อีกเดี๋ยวผู้คุมมา มุกดาก็จะโดนคุมขัง
แต่ตอนที่เธอผลักมุกดา มุกดาก็ราวกับใบไม้ใบหนึ่ง ร่วงลงไปบนพื้นทันที หมดสติไป
ปวีณาตะลึงงัน ควรจะเป็นตนเองที่ล้มลงไปบนพื้นไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมเรื่องราวถึงไม่เหมือนที่ตนเองคิดเอาไว้ ตอนที่เธอยังไม่ได้ตอบสนองกลับมา พี่กิ๊กก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแล้ว ผู้คุ้มนรรัตน์จึงรีบเข้ามา เธอได้ยินว่าตรงนี้เกิดการทะเลาะกัน บอกว่ามีคนกำลังตบตีคนอยู่ เธอจึงรีบเข้ามาทันที
ตอนที่ผู้คุ้มนรรัตน์มาถึง ก็เห็นมุกดาล้มอยู่บนพื้น ปวีณายังยืนอยู่ที่ด้านข้าง ด้วยสีหน้าแปลกๆ ส่วนพี่กิ๊กที่อยู่ข้างๆเห็นผู้คุ้มนรรัตน์เดินมาแล้ว จึงชี้ไปที่ปวีณาบอกว่าเธอเป็นคนลงมือทันที
“ปวีณา ฉันบอกเธอไปกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปรังแกคนอื่น แต่เธอก็ไม่เชื่อฟัง วันนี้ตบตีคนอีกแล้วสินะ ไปห้องคุมขังกับฉัน! ขังสามวันค่อยออกมา” ผู้คุ้มนรรัตน์รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอจึงเข้มงวดกับปวีณามาก
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ตบตีเธอนะ เธอล้มไปเองต่างหาก จริงๆนะ ผู้คุ้มนรรัตน์ ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉันจริงๆ” แค่ปวีณาได้ยินก็หวาดผวาแล้ว ถ้าอยู่ในห้องคุมขังสามวัน เธอคงตายแน่ๆ ถ้าไม่มียาให้เสพ เธอคงทนไม่ไหว
“ไม่ใช่เธอ งั้นฉันทำเหรอ? ผู้คุ้มนรรัตน์ ดูกล้องวงจรปิดก็ได้ เธอผลักมุกดา ทำให้มุกดาล้มลงไปอย่างน่าสงสาร คุณดู คุณดูสิ ตำแหน่งพวกนี้ได้รับบาดเจ็บทั้งนั้นเลย” พี่กิ๊กเปิดรอยแผลคราวก่อนของมุกดาให้ผู้คุ้มนรรัตน์ดู
บนตัวของมุกดายังมีร่องรอยบาดแผลอีกมากจริงๆ คราวก่อนที่ทะเลาะกันในโรงอาบน้ำทิ้งรอยเอาไว้ แม้จะใส่ยาจนไม่เจ็บแล้ว แต่ยังมีรอยแผลอยู่
“ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ไปกับฉันเดี๋ยวนี้!” ผู้คุ้มนรรัตน์ลากปวีณาเดินไป
ตอนปวีณาเดินไปยังหันกลับมามองมุกดาอีกครั้ง ตอนนี้มุกดาลืมตาขึ้น ลุกขึ้นมาแล้ว ปัดๆฝุ่นตามร่างกาย
“เมื่อกี้ผู้คุ้มนรรัตน์ไม่สงสัยอะไรใช่ไหม?” มุกดาถามพี่กิ๊ก
“น่าจะไม่นะ เธอคว้าตัวปวีณาเดินไปทันที เยี่ยมเลย ถ้าปวีณาเข้าห้องขังไปสามวัน ชีวิตของเธอคงหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะในห้องคุมขังเธอคงหมดหนทางที่จะเสพของพวกนั้นแน่ๆ” พี่กิ๊กจูงมือมุกดาเดินไปในที่ลับตาคน พี่อุ่นนอนอาบแดดอยู่ตรงนั้น
“เมื่อกี้พวกเธอฉลาดจริงๆ ฉันเห็นแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องเข้าไป ฉันจึงไม่ได้เดินไป แต่ฉันรู้สึกว่าอย่างนี้ดีกว่าทะเลาะกันตามปกติซะอีก อย่างน้อยที่สุดตนเองก็ไม่บาดเจ็บ” พี่อุ่นได้ยินเสียงฝีเท้า เธอจึงลุกขึ้นมานั่ง
เห็นใบหน้าของมุกดากับพี่กิ๊กมีความรู้สึกของชัยชนะอยู่ เธอก็ยิ้มอย่างสบายใจ อยู่ที่นี่เรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ดังนั้นทุกคนต้องเพิ่มความระมัดระวัง เตรียมป้องกันตัวไว้ก่อน
แต่ทั้งสามคนก็ยังสุขใจจนเกินไป ตอนกินข้าว มีผู้หญิงหลายคนประชิดเข้ามา แย่งเนื้อสัตว์ของมุกดาไป
ตอนที่มุกดาเพิ่งยกข้าวมากำลังจะกิน จู่ๆก็มีคนคนหนึ่งจากฝั่งตรงข้ามหยิบเนื้อของเธอไป เดิมทีก็ยากมากที่จะได้กินเนื้อสักครั้ง แต่เธอยังมาแย่งไปอีก ชามของมุกดายังไม่ทันจะวางลง ก็แย่งเนื้อจากในชามของผู้หญิงคนนั้นกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเอาเข้าปากไปในคำเดียว
ผู้หญิงคนนั้นแค่เห็นว่าตนเองทำไม่สำเร็จ จึงคิดจะทำให้ข้าวของมุกดาหก เธอจึงใช้มือปัดมือของมุกดาที่ถือชามข้าวอยู่ แต่มุกดาหลบอย่างคล่องแคล่ว ในทางกลับกันจึงแย่งเนื้อในชามของเธอแล้วใส่เข้าไปในปากของพี่กิ๊ก
“เห้ย แม่งอยากตายหรือไง!” ผู้หญิงคนนั้นโมโหแล้ว เธอใช้ชามข้าวทุบไปที่มุกดา
มุกดารับชามข้าวไว้ได้ จึงเทข้าวลงในชามของตนเอง วันนี้ถือว่ามีคนมาส่งข้าว ให้ตนเองได้กินอิ่มแล้ว
จากนั้นมุกดาก็กินข้าวอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนั้นโจมตีมุกดาทั้งซ้ายทั้งขวา แต่ก็ตีไม่โดนมุกดาเลย ในทางกลับกันเธอจึงกินข้าวอย่างเร็วที่สุด
ตอนกินข้าวผู้คุมตระเวนสังเกตการณ์ไปๆมาๆอยู่บ่อยๆ ดังนั้นพวกลูกสมุนของปวีณาจึงไม่กล้ารุมโจมตีมุกดาหลายคนเกินไป ส่งมาแค่คนเดียว แต่ก็พ่ายแพ้ยับเยิน
เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้กินข้าว แต่ยังยกข้าวให้มุกดาอีก ทำให้มุกดากินอิ่มไปหนึ่งมื้อ
“ขอบคุณนะ วันนี้ฉันกินอิ่มมากเลย ตอนอ่านหนังสือช่วงบ่าย เธออยากส่งอะไรมาอีกไหม ฉันรับได้ทั้งนั้นแหละ” กินข้าวเสร็จ มุกดาจึงประชิดเข้าไปพูดที่ข้างหูของผู้หญิงคนนั้น เรอออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด แล้วจึงเดินไป
หลังจากเธอกับพี่กิ๊ก และพี่อุ่นเดินไปแล้ว ณดาก็เข้าไปที่ด้านหน้าของผู้หญิงพวกนั้น เริ่มวางแผนอะไรบางอย่าง