“สาวน้อย ดูเหมือนคุณชายจะแคร์คุณมากเลยนะ คุณคุยกันดีๆ ล่ะอย่าทำให้เรื่องมันใหญ่แบบนี้อีกเลย”
“เอาล่ะ สามีภรรยาเค้าดีกันแล้วก็เลิกเข้ามายุ่งเรื่องชาวบ้านกันได้แล้ว แยกย้ายกันเถอะ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
……
เมื่อเหล่าป้าแก่เห็นว่าฉินวี่เฟยให้หลี่ฝางเข้าไปแล้ว ก็รู้จักแยกย้ายเลิกดูด้วยตัวเอง หยอกล้อฉินวี่เฟยพลางกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
เมื่อทุกคนไปแล้ว ฉินวี่เฟยถึงได้หันตัวกลับเข้ามาในห้องอย่างหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะมองหลี่ฝางที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ
“ใครให้คุณนั่งลง?ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
หลี่ฝางที่กำลังมีความสุขนั้น เมื่อได้ยินเสียงของฉินวี่เฟยก็รีบลุกขึ้นมา แถมยังตะเบ๊ะอย่างเกินปกติ ตัวตรงเป็นอย่างมาก
ฉินวี่เฟยเห็นแล้วก็อมยิ้ม จนเกือบจะหลุดยิ้มออกมาแล้ว
“ฉันจะบอกคุณให้นะ ถ้าไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเสียหน้า ฉันคงไม่ให้คุณเข้ามาหรอก!แล้วก็ คำพูดของคุณเมื่อวานน่ะจำได้ดี อย่าคิดว่าพูดจาหวานๆ แล้วมันจะผ่านไปได้นะ!”
มองออกเลย ว่าครั้งนี้ฉินวี่เฟยโกรธจริงๆ พูดไป ดวงตาก็มีเหมือนหมอกหนามาบังตา
หลี่ฝางเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็รีบเข้าไป พูดด้วยความอบอุ่น
“ที่รัก ฉันรู้ว่าฉันพูดทำร้ายจิตใจคุณ แต่ว่าคุณเองก็รู้ว่าตอนนั้นฉันเหมือนคนบ้า คำพูดของคนบ้า คุณจะมาสนใจทำไม?”
“ไม่ต้องโกรธแล้วล่ะ คุณบอกมาว่าทำอย่างไรถึงจะให้อภัยฉัน?แค่คุณบอกมา ถึงจะต้องใช้ด้วยชีวิตฉันก็จะทำ”
เมื่อเห็นท่าทีพูดอย่างมั่นใจของหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยก็มองด้วยความไม่สบอารมณ์
“ฉันจะเอาชีวิตคุณไปทำอะไร?เอาล่ะ ได้เจอกันแล้ว คุณไปเถอะ ฉันไม่อยากเสียเวลาคุยกับคุณ”
เมื่อฉินวี่เฟยพูดจบก็หันไปจนทำให้เขาหวั่น กว่าฉินวี่เฟยจะให้ตัวเองเข้ามาได้ หลี่ฝางจะปล่อยให้ถูกไล่ออกไปได้อย่างไร?
เขาเลยนอนฟุบบนโซฟา ไม่ว่าอย่างไรฉินวี่เฟยก็ดึงไม่ออก
“หลี่ฝาง!อย่าทำตัวปัญญาอ่อนเหมือนเด็กได้ไหม!คุณคิดว่าหน้าด้านแบบนี้แล้วฉันจะให้อภัยคุณงั้นเหรอ?คุณรู้ไหมว่คำพูดเหมือนสาดน้ำออกไป ไม่ว่าอย่างไรก็เอากลับมาไม่ได้”
“ทำไมคุณคิดว่าทำอย่างไรก็ได้?อยากจะมีภรรยาสองคนก็ได้ อยากให้ฉันให้อภัยคุณฉันก็ต้องให้อภัยคุณงั้นเหรอ?ฉันทนมามากพอแล้ว!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินวี่เฟยโกรธหลี่ฝางขนาดนี้ แล้วก็ร้องไห้พลางด่าหลี่ฝางเสียงดัง
หลี่ฝางที่ยิ้มแย้มอยู่นั้นตอนนี้กลับร้อนใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากโซฟา พลางรีบปลอบ
“ที่รักอย่าร้องไห้เลย!ถ้าคุณไม่อยากเห็นฉัน ฉันจะไปตอนนี้เลย โอเคไหม?ฉันไม่อยากเห็นคุณร้องไห้ พอคุณร้องไห้แล้วฉันใจสลาย”
หลี่ฝางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับฉินวี่เฟยแล้ว น้ำตาไหลเป็นสายไม่หยุด เช็ดอย่างไรก็ไม่หยุดสักที
มันไม่มีวิธีอะไรแล้วจริงๆ เขาเลยคุกเข่าลงต่อหน้าฉินวี่เฟยข้างหนึ่ง จากนั้นก็จับมือของฉินวี่เฟยมาตบตัวเอง
“ตีให้ตายเลย!เอาให้ตายเลย!แกมันหลายใจ แกมันปากเปราะ แกมันทำให้ที่รักฉันโกรธ!ฉันจะตบแกแรงๆ แทนที่รักของฉันถึงจะพอใจ!”
หลี่ฝางตบตัวเองพลางพูด
“คุณทำอะไรน่ะ!ปล่อยมือนะ!” ฉินวี่เฟยพยายามดึงมือตัวเองออกเต็มแรง ก่อนจะจ้องหลี่ฝางอย่างจริงจัง
ถึงแม้จะโกรธจัด แต่ในใจของฉินวี่เฟยก็ยังมีแต่หลี่ฝาง ร่างกายของหลี่ฝางนั้นอ่อนแรงอยู่แล้ว ถ้าตบจนตายแล้วจะทำอย่างไร?
“คุณลุกขึ้นเถอะ!เห็นแล้วโมโห!” เมื่อเห็นหลี่ฝางที่คุกเข่าขอโทษต่อหน้าตัวเอง ฉินวี่เฟยกูดอย่างไม่สบอารมณ์
นอกจากตอนที่คุกเข่าขอฉินวี่เฟยแต่งงานแล้ว ฉินวี่เฟยก็ไม่เคยเห็นหลี่ฝางคุกเข่าเลย
ที่จีน ว่ากันว่าที่เข่าของผู้ชายทั้งเหมือนมีทองอยู่ ผู้ชายอย่างหลี่ฝางนั้น คนที่จะทำให้เขาคุกเข่าลงได้ต้องเป็นคนที่ไม่สามารถมีใครมาแทนได้แน่นอน
อันที่จริง ฉินวี่เฟยหายโกรธไปมากหลังจากที่หลี่ฝางคุกเข่าลง แต่ว่าก็ยังไม่อยากเสียหน้า เลยไม่ได้ให้อภัยหลี่ฝางไปตรงๆ
“ถ้าคุณให้อภัยฉันฉันถึงจะลุกขึ้น คุณไม่ให้อภัย ฉันก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ล่ะ”
ตามที่หลี่ฝางเข้าใจฉินวี่เฟย เขาเดาออกแล้วว่าฉินวี่เฟยไม่ได้โกรธตัวเองแล้ว เลยไม่ได้ให้อภัยตัวเอง เพียงแค่หาทางลงก็เท่านั้นเอง
เป็นไปตามคาด เมื่อได้ยินหลี่ฝางพูดคำนี้ ฉินวี่เฟยก็อึดอัด ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกมา
“เอาล่ะๆ !ฉันให้อภัยคุณยังไม่พอเหรอ?รีบลุกขึ้นมาเร็ว”
หลังจากพูดไปแล้ว หลี่ฝางถึงได้ลุกขึ้นยิ้ม จากนั้นก็โอบกอดฉินวี่เฟยที่ยังโกรธอยู่อย่างหน้าไม่อาย ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน
“วี่เฟยที่รัก ฉันรู้แล้วว่าฉันผิดไป ฉันพูดเพราะความโกรธเท่านั้น แต่มันไม่ได้ผ่านสมองมาก่อน คุณอย่าใส่ใจมันเลยนะ”
“หึ ถ้าฉันฝังใจกับคุณมากน่ะ คงจะโกรธคุณจนตายไปนานแล้ว” ฉินวี่เฟยใช้แขนกระทุ้งท้องของหลี่ฝางเข้าอย่างจัง จากนั้นก็เชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง
ครั้งนี้ใครแรงไปไม่น้อยเลย หลี่ฝางนั้นส่งเสียงจุกเล็กน้อย ก่อนจะขดตัวลง ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังยิ้มอยู่ดี โดยที่ไม่กล้าสะบัดหน้าหนีฉินวี่เฟยเลย
กว่าจะง้อได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เลยไม่กล้าทำให้เธอโกรธอีก
“พี่วี่เฟย พี่หลี่ฝาง ฉันขอเข้าไปได้ไหม?” ในตอนนั้นเอง เสียงของหยางฉงนั้นลอดมาจากประตู
หลังจากที่ฉินวี่เฟยได้ยิน ก็เอามือของหลี่ฝางออกจากเอวของตัวเอง จากนั้นก็ไปเปิดประตูให้หยางฉง
“พี่วี่เฟย คุณไม่โกรธแล้วใช่ไหม?” หยางฉงมองฉินวี่เฟยที่รอบตาแดงๆ จากนั้นก็ลองถามดู
“ทำไมฉันต้องโกรธด้วย ร่างกายนี้เป็นของตัวเอง ถ้ามีคนอื่นมาทำให้โกรธจนตัวเองแย่ไป ฉันจะย่อยยับขนาดไหนกัน”
ฉินวี่เฟยพูดพลางปรายตามองหลี่ฝาง คำที่พูดนั้นก็เสียดแทง เมื่อหยางฉงได้ยิน ก็ปิดปากหัวเราะออกมา
“ผู้หญิงคนนี้นี่ ยังกล้ามาหัวเราะฉันอีก ดูเถอะว่าฉันจะจัดการกับคุณอย่างไร” หลี่ฝางเห็นหยางฉงแอบหัวเราะแบบนั้น ก็คิดว่าอายไม่ไหว หน้าเลยแดงขึ้นมา ก่อนจะยื่นมือออกมาเพื่อไปจับหยางฉง
“นี่!พี่วี่เฟย พี่หลี่ฝางเขาแกล้งฉัน!” หยางฉงเห็นว่าหลี่ฝางจะเข้ามาจับตัวเอง เลยวิ่งไปอยู่ด้านหลังของฉินวี่เฟย ก่อนจะให้เธอเป็นที่กำบัง
“คุณจะทำอะไร?” ฉินวี่เฟยเอามือกอดอกพลางมองหลี่ฝางอย่างเย็นชา น้ำเสียงก็ท้าทายเล็กน้อย
เมื่อหลี่ฝางเห็นแบบนั้นก็ขี้ขลาดขึ้นมา ไม่กล้าทำอะไรอีก
“แหะๆ ไม่ทำไมหรอก ฉันแค่หยอกเสี่ยวฉงเล่นไม่ใช่เหรอ” หลี่ฝางส่ายหัว ก่อนจะมองหยางฉงที่อยู่ด้านหลังฉินวี่เฟยเล็กน้อย
เขาพบว่าหลังจากที่หยางฉงกับฉินวี่เฟยกลายเป็นพี่น้องสนิทกันแล้ว หยางฉงก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนสาวน้อยที่มีแต่ตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้ สิ่งที่พูดในทุกวันตอนนี้มีแต่พี่วี่เฟยๆ
ถ้าไม่รู้ว่าพวกเธอชอบชายคนเดียวกัน หลี่ฝางคงจะสงสัยแล้วว่าทั้งสองเป็นมีความสัมพันธ์แบบนั้นหรือเปล่า
“แหะๆ พี่วี่เฟย หมอบอกว่าพวกเราไปเยี่ยมผิงอันได้แล้วนะ ไป พวกเราไปกันเถอะ”
เมื่อมีฉินวี่เฟยมาสนับสนุน หยางฉงนั้นไม่กลัวหลี่ฝางเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเลยคล้องแขนกับฉินวี่เฟยก่อนจะไปเจอผิงอัน แต่หลี่ฝางกลับถูกพวกเธอทิ้งไว้ด้านหลัง