หยางฉงไม่ยอมหยุดเมื่อไม่ได้ตามเป้าหมาย คิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ฉินวี่เฟยมีลูก
หยูหลิงฮุ่ยที่อยู่หน้าประตูได้ยินบทสนทนาของสองสาว พลันเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
“น้องหยางฉง ในเมื่อเธอชอบเด็กขนาดนั้น ถ้างั้นก็รอลูกของบ้านฉันเกิดแล้วช่วยเลี้ยงด้วยกันเลยเป็นไง”
ผ่านการอาศัยด้วยกันในช่วงนี้ หยูหลิงฮุ่ยและหยางฉงกับฉินวี่เฟยก็ค่อยๆ คุ้นเคยกัน เมื่ออยู่ว่างไม่มีงานก็มักจะมาร่วมแจมด้วย ช่วยหยางฉงดูแลผิงอัน
เมื่อได้ยินคำของหยูหลิงฮุ่ย ฉินวี่เฟยรีบลุกขึ้นประคองให้เธอนั่งลงที่ข้างๆ หยางฉง
“ร่างกายของเธอไม่สะดวก ต้องพักผ่อนให้มาก ทำไมถึงได้วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่เรื่อย ถ้าเธออยากเจอเรา เราพาผิงอันไปหาเธอได้”
เมื่อจ้องมองท้องที่กลมดิ๊กของหยูหลิงฮุ่ย ฉินวี่เฟยอดเอ็ดไม่ได้
รู้ว่าฉินวี่เฟยเป็นห่วงเธอ หยูหลิงฮุ่ยเผยรอยยิ้ม ดึงมือของฉินวี่เฟยมาไว้
“ฉันไม่เป็นไร หมอบอกแล้วว่าให้ฉันออกกำลังกายเยอะๆ จะเป็นผลดีต่อการคลอด อีกอย่าง ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น เดินแค่ไม่กี่ก้าวจะเหนื่อยตายหรือไง?”
อันที่จริงจะโทษฉินวี่เฟยระวังตัวเกินเหตุก็ไม่ได้ เป็นเพราะตอนที่หยางฉงอุ้มท้องผิงอัน ร่างกายเธออ่อนแอ สี่ห้าเดือนแรกแทบจะใช้ชีวิตบนเตียงเลย เพียงแค่อารมณ์ไม่คงที่นิดหน่อย ก็จะส่งผลต่อครรภ์
เมื่อได้ยินคำของหยูหลิงฮุ่ย ฉินวี่เฟยทำตาขวางใส่เธออย่างถือโทษ “เธอนี่นะ ระวังหน่อยก็ดี”
“พี่วี่เฟย ฉันว่าพี่คอยดูแลฉันจนเกิดเป็นอาการป่วยไปแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่อุ้มทองแล้วจะต้องระมัดระวังแบบฉัน พี่หลิงฮุ่ยเธอร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องห่วงเกินไปนักหรอก”
เมื่อเห็นฉินวี่เฟยบ่นหยูหลิงฮุ่ยราวกับมารดา หยางฉงอดขัดขึ้นไม่ได้
“เหอะ ฉันคนเดียวเถียงพวกเธอไม่ได้อยู่แล้ว พวกเธอจะทำอะไรก็ตามใจ ฉันไม่สนใจแล้ว”
ฉินวี่เฟยไม่พอใจ ก่อนที่จะะหมุนตัวหนี แสร้งไม่สนใจหยางฉงและหยูหลิงฮุ่ย
หยางฉงและหยูหลิงฮุ่ยมองหน้ากัน ลอบหัวเราะออกมา ก่อนที่ทั้งคู่จะโอบแขนของฉินวี่เฟยคนละข้าง ออดอ้อนฉินวี่เฟย
“พี่สาวที่ดี ฉันรู้ว่าเธอหวังดีต่อฉัน อย่าเลิกสนใจฉันเลย พี่เป็นแม่บุญธรรมของลูกฉันนะ”
“นั่นสิๆ พี่วี่เฟย เด็กในท้องของพี่หลิงฮุ่ยเป็นผู้หญิง พี่จะใจแข็งไม่สนใจเธอได้งั้นหรือ?”
……
ฉินวี่เฟยที่แสร้งโกรธสู้การออดอ้อนของทั้งคู่ไม่ไหว สีหน้าที่บูดบึ้งเผยรอยยิ้ม
“พอได้แล้วๆ ทำอะไรพวกเธอไม่ได้จริงๆ เห็นแก่ลูกสาวบุญธรรมของฉัน และลูกชายบุญธรรม ฉันไม่โกรธพวกเธอก็ได้”
ฉินวี่เฟยดีดหน้าผากของหยางฉงอย่างถือโทษ ทำทีท่าใจกว้างพร้อมกล่าว
“แหะๆ พี่วี่เฟยดีที่สุดเลย” หยางฉงกอดคอฉินวี่เฟย พลันหอมแก้มของเธอจนเป็นรอยลิปสติก
“โอ๊ย สกปรกจะแย่” แม้ปากของฉินวี่เฟยจะบอกรังเกียจ แต่สายตาที่ยิ้มตาหยีกลบความดีใจของเธอไม่อยู่
หยางฉงที่แอบแต๊ะอั๋งจนสำเร็จหัวเราะจนตัวงอ ฉินวี่เฟยเช็ดรอยลิปสติกบนใบหน้า พลันโพล่งไปที่หยางฉง ไม่นานทั้งสามก็หยอกล้อเล่นกัน
หลังจากที่ทั้งสามเหนื่อยแล้ว หยางฉงถึงได้นึกขึ้นได้เรื่องที่หลี่ฝางจะกลับมา พลันดูนาฬิกาที่ข้อมือ พบว่าอีกเพียงหนึ่งชั่วโมงหลี่ฝางก็จะลงเครื่อง เธอเกิดลนลานขึ้นมา
“ทำยังไงดี อีกเดี๋ยวพี่หลี่ฝางก็จะกลับมาแล้ว ฉันยังไม่ได้แต่งตัวเลย”
หยางฉงดูผมที่ยุ่งเหยิงในกระจก ใส่ชุดนอนที่ดูธรรมดาใจร้อนอย่างมาก
หยูหลิงฮุ่ยจ้องมองทีท่าเหมือนเด็กสาวของหยางฉง พลันรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
เมื่อไหร่กันที่จะได้เหมือนกับหยางฉง แต่งตัวให้สวยงามเพื่อรอคนที่ตนเองรักกลับบ้าน?
“พอได้แล้ว แบบไหนของเธอกันที่หลี่ฝางไม่เคยเห็น? ต่อให้ไม่แต่งตัว หลี่ฝางก็ไม่กล้ารังเกียจเธอหรอก”
ฉินวี่เฟยจ้องมองหยางฉงที่ร้อนรน พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยางฉงหยิบชุดกระโปรงชุดหนึ่งเปรียบเทียบกันที่กระจก กล่าวโดยไม่หันกลับไปมอง “ให้ความกล้าเขาเป็นร้อยเขาก็ไม่กล้าหรอก แต่ฉันก็แค่อยากจะให้พี่หลี่ฝางเห็นมุมที่สวยที่สุด”
เป็นถึงคุณแม่แล้ว แต่การกระทำยังเป็นเหมือนกับเด็กสาว ฉินวี่เฟยหัวเราะพร้อมส่ายหน้า เดินไปยังหยางฉง หยิบหวีงาช้างขึ้นหวีผมให้กับเธออย่างประณีต
“ฉันว่าชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนเหมาะกับเธอมาก การออกแบบที่รัดกุมสามารถทำให้เห็นสัดส่วนของรูปร่างของเธอเป็นอย่างดี”
แม้ฉินวี่เฟยจะพูดความจริง แต่สำหรับหยางฉงกลับเป็นความหมายอีกอย่าง
หลังจากที่คลอดลูก รูปร่างที่ถือว่าอยู่ในระดับกลางของหยางฉง กลายเป็นมีส่วนโค้งส่วนว้าวขึ้นมาในทันที รูปเอวsของผู้หญิง ทำให้เธอที่ดูใสซื่อเป็นเซ็กซี่ขึ้นมาในพริบตา
เมื่อจ้องมองรูปร่างที่มีน้ำมีนวลของตนเอง หยางฉงหน้าแดงอย่างอดไม่ได้
“พี่วี่เฟย ทำไมพี่ถึงได้ร้ายกาจแบบนี้”
ฉินวี่เฟยที่ได้ยินอย่างงั้นนิ่งไป ไม่ทันได้ไหวตัวถึงความหมายของหยางฉง หลังจากนั้นหยางฉงที่แก้มแดงเรื่อในกระจก ถึงได้เข้าใจขึ้นมา
“แค่กๆ ฉันแค่ชมเธอรูปร่างดีเท่านั้น เธอเองต่างหากที่คิดมากไปเอง”