เมื่อเห็นพวกหยู่เหวินเห้าปรากฏ อ๋องอานแทบอยากร้องไห้ ภายใต้ความสิ้นหวัง ใครจะไปคิดว่าคนที่มาช่วยจะเป็นเขา?
มองตากับหยู่เหวินเห้สักพัก ต่างคนต่างพยักหัวเข้าใจกัน ปล่อยให้แม่นมฉินเล่าสถานการณ์ให้ฟัง พร้อมทั้งพาพวกเขามาหาขบวนใหญ่
องค์ชายรัชทายาทปรากฏตัวเหมือนดั่งเทพ เป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกทหารขึ้นมาในทันใด ท่านชายหงเย่เห็นคนของพวกเขามากมาย ตกอยู่ในอาการสาหัส จึงเอาใบไม้สีเขียวในมือของตนส่งต่อให้กับแต่ละคน
จิ่นหนิงถามขึ้นว่า “ที่นี่ก็มีใบไม้สีเขียว ทำไมไม่สามารถเด็ดที่นี่ดู?”
“สิ่งที่เจ้าเห็นทุกอย่างที่นี่ ล้วนอาจจะไม่ใช่ความจริง เถาวัลย์ใบเขียวอาจเป็นงู หรือสิ่งของอันตรายอื่นๆ ก็เป็นได้ ดีที่พวกเขาไม่ได้แตะต้อง” ท่านชายหงเย่พูดขึ้น
แม่นมฉินพูดขึ้นว่า “ไม่แตะต้องสิ่งของทุกอย่าง เป็นคำสั่งที่ข้าห้ามทุกคนก่อนที่จะเข้ามาในหุบเขา”
จิ่นหนิงถามขึ้นว่า “ทำไมเมื่อมองดูใบไม้สีเขียวแล้วแล้วสามารถลดอาการประสาทหลอนได้?”
แม่นมฉินพูดอธิบายขึ้นว่า “สีเขียวเป็นสีแห่งความชอบธรรม ใบไม้เป็นสิ่งของในโลกแห่งความจริง แค่มองก็สามารถบรรเทาอาการประสาทหลอนได้ บรรเทาอาการหายใจลำบากที่เกิดจากอาการประสาทหลอน”
รู้หลักการเหตุผลนี้ แต่หลังจากที่รู้ว่าเข้ามาในแดนหลงหายแล้ว ก็ไม่สามารถหาใบไม้สีเขียวที่แท้จริงได้แล้ว
คนที่อยู่ในสถานการณ์หายใจลำบากมากมาย หยวนชิงหลิงนำกล่องยา นำสเปรย์ขยายหลอดลมออกมา พ่นให้กับทุกคน พูดตรงๆก็คือ ภาพลวงตานี้เกิดจากผลกระทบทางจิตใจ แต่ที่จริงแล้วจากจิตวิทยาส่งผลกระทบต่อสรีระวิทยา ดังนั้นการฉีดพ่นจึงสามารถบรรเทาอาการหายใจลำบากได้อย่างรวดเร็ว
ทหารที่ฆ่าตัวตายคนนั้น ตอนนั้นหลังจากพี่ห้ามเลือดไว้ได้แล้ว ก็ไม่มีวิธีอย่างอื่นรักษา เดิมทุกคนคิดว่าเขาตายแล้ว ไม่มีใครกล้าไปดูเขา เพียงแค่เฝ้าอยู่ด้านข้าง ไม่กล้ายื่นมือไปดูลมหายใจที่จมูกของเขา ไม่อยากประกาศถึงการตายของเขา กลัวจะเป็นการส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของทหาร
หลังจากผ่านการตรวจแล้ว ยังมีลมหายใจอยู่ หยวนชิงหลิงรีบช่วยชีวิตเขา เป็นบาดแผลตรงท้อง ลำไส้ทะลุ ทำการผ่าตัดให้กับเขาภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ที่จริงก็เป็นการรอความตายอย่างหนึ่ง
โชคดีที่เขายังมีสติสัมปชัญญะ รู้ว่ามีคนมาช่วยแล้ว จิตแห่งการต่อสู้ก็แข็งแกร่งขึ้นมาในทันใด สามารถรอดชีวิตมาได้ การติดเชื้อหลังจากการผ่าตัดยังต้องเฝ้าระวังรอดู แต่ตอนนี้ถือว่าสามารถรักษาชีวิตไว้ได้แล้ว
คนที่ทุกคนคิดว่าตายแล้ว กลับมีชีวิตฟื้นขึ้นมา สภาพจิตใจของพวกทหารก็มั่นคงขึ้นมา
แต่การหาทางออกยังคงเป็นเรื่องที่ยาก หยู่เหวินเห้าส่งคนออกไปหลายกลุ่ม สุดท้ายสามารถทำได้เพียงกลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย กลับหาทางออกไม่เจอ
พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้มีคนมาช่วยแล้ว ก็ไม่สามารถออกจากสถานที่นี้ได้ อาหารก็เริ่มขาดแคลนแล้ว น้ำก็ขาดแล้ว ตอนนี้ยังต้องหาแหล่งน้ำถึงจะสามารถอยู่ต่อไปได้
แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ดีกว่าก่อนหน้านี้อย่างมากแล้ว อย่างน้อยก็สามารถบรรเทาอาการหายใจลำบากนี้ได้แล้ว
หยวนชิงหลิงพาแม่นมฉินไปอีกด้าน บอกกับแม่นมฉินอย่างมั่นใจว่า หมันเอ๋อถูกเลือดอาถรรพ์ และหยู่เหวิยเทียนอยู่กับนาง อันตรายอย่างมาก จะต้องรีบออกจากแดนหลงหายไปตามหาพวกเขา
แม่นมฉินได้ยินว่านางเอายาที่สามารถถอนเลือดอาถรรพ์มาด้วย จึงพูดขึ้นว่า “หากคาดเดาไม่ผิด ตอนนี้พวกเขาน่าจะมุ่งหน้าไปยังวงแหวนสวรรค์ น่าจะถึงสำนักหมอผีแล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเราต้องทำตอนนี้ ก็คือจะต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ คนเจียงเป่ยเกลียดชังคนของราชวงศ์อย่างมาก อ๋องชุนตกอยู่ในมือของพวกเขา ไม่สามารถมีชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน แม้แต่จะตายดีก็กลัวว่าจะเป็นไปไม่ได้”
หยู่เหวินเห้ากับอ๋องเว่ยอ๋องอาน ยืนอยู่ห่างจากทั้งสองคนไม่ไกล แล้วฟังพวกนางคุยกัน คำพูดประโยคสุดท้ายของแม่นมฉิน ทำให้สีหน้าของทั้งสามคนพี่น้อง ต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก
ออกจากแดนหลงหาย ตอนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ก็อยู่ในหุบเขานี้หนึ่งวันแล้ว ก็ยังไม่มีหนทางที่จะสามารถออกไปได้ กำลังใจก่อนหน้านี้ ค่อยๆจมลงไปอีกครั้ง ทุกคนเริ่มมืดมนและสิ้นหวังอย่างมาก
หยวนชิงหลิงสงบจิตใจลง พวกเขาบอกถึงเส้นทางทั้งหมดที่พวกเขาเคยเดินผ่านให้นางฟัง เลี้ยวคดเคี้ยวยังไง แล้ววนกลับมายังไง ไม่ว่าพวกเขาจะเดินไปเส้นทางไหน ล้วนจะวนกลับมายังที่นี่
หยวนชิงหลิงเอากิ่งไม้มาวาดรูปแผนที่ในพื้นที่โล่ง ถนนทุกเส้นที่เคยเดินผ่านล้วนทำเครื่องหมายไว้ สุดท้ายพบว่าเป็นรูปแบบของเขาวงกต จะหาทางออก ก็ต้องคลายปริศนาเขาวงกต
ท่านชายหงเย่กับแม่นมฉินต่างเห็นว่า คำนวณอยู่แบบนี้สู้ออกไปเดินต่อก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็สามารถรู้ถึงสถานการณ์ เดินไปเดินมา บางทีก็จะสามารถเดินออกไปได้
อะโฉ่วสาวใช้ของท่านชายหงเย่ เกลียดหยวนชิงหลิงอย่างมาก เดินไปลบภาพแผนที่ของนางด้วยเท้า พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เจ้าเป็นคนที่เรื่องมากจริงๆ บอกให้เจ้าไม่ต้องเข้ามาเจ้าก็ยังจะเข้ามา ครั้งนี้ทำให้ท่านชายของข้าต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”
รูปที่หยวนชิงหลิงวาดอยู่ตั้งนาน ถูกนางใช้เท้าลบไปแล้ว นางยังไม่ทันได้พูดอะไร หยู่เหวินเห้าโมโห เดินมาห้ามพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ท่านชายของเจ้ามาเอง พวกเราไม่ได้บังคับให้มา เจ้าเป็นบ้าอะไร?”
อะโฉ่วโกรธจัด ชักดาบออกจากฝักแล้วก็จะต่อสู้ขึ้นมา ท่านชายหงเย่พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “อะโฉ่ว ถอย”
ถึงอะโฉ่วจะไม่พอใจ แต่ก็ฟังคำสั่งท่านชายหงเย่ เก็บดาบอย่างโกรธเคือง พร้อมถอยออกมา
หยู่เหวินเห้าคุกเข่าถามหยวนชิงหลิงว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หยวนชิงหลิงกลับเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จ้องมองภาพแผนที่ที่ถูกลบไปแล้วนั่น แม้แต่หยู่เหวินเห้าถามนางก็ไม่มีการตอบสนอง
หยู่เหวินเห้ากำลังจะพูดอีก นางกลับเอากิ่งไม้แล้วก็วาดรูปแผนที่เมื่อกี้ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นใช้เลขฐานสิบหกของรูปหกเหลี่ยมเพื่อลบช่องว่างในเส้นทาง เปลี่ยนแปลงในจำนวนหยางห้า เส้นขาดตรงกลางเป็นไฟ เต็มเส้นล่าง เส้นล่างเป็นหิมะ ไฟหิมะพุ้งทะยานฟ้า กิ่งไม้ของนางเลื่อนขึ้นไปบนช่องว่าง ภายใต้ความคดเคี้ยว พบทางออกหนึ่งทาง
นางลุกกระโดดขึ้นมา พร้อมตะโกนขึ้นว่า “ข้าหาเจอแล้ว ข้ารู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร”
ประโยคที่ตะโกนขึ้นมานี้ สร้างความหวังใหม่ให้กับทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย อ๋องอานกับพวกอ๋องเว่ยเดินมาดูรูปวาดของนาง และก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แม่นมฉินกับท่านชายหงเย่มีความรู้ มองเห็นตรงกลางหลีกว้ามีอักษรคำว่าคน แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร
หยวนชิงหลิงโยนกิ่งไม้ทิ้ง พูดกับหยู่เหวินเห้าที่ประหลาดใจอย่างอธิบายไม่ถูกว่า “ตามข้าไป ตามข้าไป ข้ารู้ว่าออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร”
“จริงหรือ? อาศัยรูปพวกนี้? เจ้าก็รู้แล้ว?” หยู่เหวินเห้าค่อนข้างไม่อยากเชื่อภรรยาตนเอง
หยวนชิงหลิงเก็บของ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่อาศัยรูปภาพนี้ แต่เป็นผลจากที่ข้าคำนวณ แดนหลงหายก็คือค่ายกลอย่างหนึ่ง แต่ค่ายกลเขาวงกตทั้งหมด ที่จริงล้วนสามารถคำนวณได้ เร็วเข้า พวกเราจะต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่ฟ้าจะมืด”
เห็นนางตื่นเต้นดีใจขนาดนี้ และดูมีความเชื่อมั่น ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น ทุกคนจึงทำได้เพียงเลือกที่จะเชื่อนาง
หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าเดินไปข้างหน้า เดินมุ่งหน้าไปบนเขา เดินไปกว่าร้อยเมตร อ๋องอานก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ที่นี่ข้าเคยเดินมาแต่แรกแล้ว สุดท้ายยังคงเดินวนกลับมา”
ในหัวสมองของหยวนชิงหลิง เต็มไปด้วยเส้นทางที่สลับซับซ้อน ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบอ๋องอาน มุ่งหน้าเดินต่อไป แต่เดินหน้าไปได้ประมาณสามร้อยกว่าเมตร นางหยุดแล้วเดินไปทางซ้าย
ทางซ้ายไม่ใช่ถนน แต่เป็นหลุม เป็นหลุมที่ใหญ่มาก หยวนชิงหลิงเดินลงไป หยิบหินก้อนเล็กๆ โยนลงกลางหลุม จากผ่านหลุมแล้วก็ปีนขึ้นเนินเขาเล็กๆ ตรงหน้าปรากฏถนนเส้นหนึ่ง เดินตามถนนเส้นนี้ไปข้างหน้าอีก เดินไปประมาณห้าร้อยเมตร ก็เจอหลุมใหญ่อีก เหมือนกับหลุมเมื่อกี้ นางหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกสองก้อน โยนลงไปกลางหลุม แล้วก็ปีนขึ้นเนินเขาเล็กต่อไป
เดินเช่นนี้อยู่ห้าหกรอบ อะโฉ่วก็พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “นี่ยังคงเดินกลับไปมา หลุมกับเนินเขาพวกนี้เดินผ่านมาหลายรอบแล้ว ล้วนเหมือนกันทุกครั้ง เจ้านำทางเป็นหรือเปล่า? ทรมานทุกคนหรือ”