เธอเหมือนโดนกดจุด ค่อยๆหันมาแล้วยิ้มแห้งๆ “ชู่จี้……” เธอเห็นชู่จี้ เหมือนหนูเห็นแมวอย่างนั้น
ชู่จี้เลิกคิ้ว “ช่วงนี้คุณหนูหลิงไม่มาทำงานที่บริษัทเลยใช่ไหมครับ?”
เธอตกใจแล้วตากระตุก สีหน้าก็เริ่มซีดขาว “ผู้บริหารชู่……ฉัน……” กว่าเธอจะได้เข้ามาในฮวาเจิง ถึงจะโดนคนอื่นกลั่นแกล้ง แต่ก็ทนมาได้ ตอนนี้ตัวเองไม่ได้ไปทำงานหลายวัน ตามกฎระเบียบบริษัท ต้องโดนไล่ออก
“ดูเหมือนจะใช่ คุณโดนไล่ออกแล้ว อีกหน่อยอย่าคิดทำตัวว่าฉลาด” ชู่จี้ไม่มองหลิงเยว่ด้วยซ้ำ เขารู้เรื่องทั้งหมด บัญชีนี้ เขาจะคิดดีๆกับตระกูลหลิง
“ชู่จี้!” เธอเดินก้าวไป รวบรวมความกล้าแล้วยืนอยู่ต่อหน้าเขา พร้อมพูดเสียงดังว่า “นายรู้หรือเปล่าว่าฉันชอบนายมากแค่ไหน? นายจะเป็นศัตรูกับฉันเพราะผู้หญิงคนเดียวได้ยังไง มันมีอะไรดี? สิ่งที่มันทำได้ฉันก็ทำได้ แล้วไม่แย่ไปกว่ามันด้วย!”
“ฉันทำเพื่อนายมาตั้งเยอะนายไม่เห็นเหรอ? มีแค่ฉันที่จริงใจกับนาย ผู้หญิงคนนั้นก็แค่ต้องการเงินของนาย!” หลิงเยว่รู้สึกว่าตัวเองคงไม่มีทางได้ชู่จี้ เลยเหยียบซ้ำซังอี๋ด้วย
เธอไม่เคยเห็นชู่จี้เสียใจขนาดนี้เพราะผู้หญิงคนไหนมาก่อน เธอเลยอิจฉา แล้วโยนความเกลียดทุกอย่างไปที่ซังอี๋
ถ้าไม่ใช่เธอ เธอได้เป็นคุณหญิงน้อยตระกูลชู่ตั้งนานแล้ว
เธอคิดแบบนี้ รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ พูดไปด้วยน้ำตาไหลไปด้วย ดูน่าสงสารมาก “มันมีจุดประสงค์อื่น นายเชื่อฉันนะ มันไปมีอะไรกับผู้ชาย……”
หลิงเยว่โดนตบหน้าเสียงดัง ใบหน้าของเธอมีรอยมือห้านิ้ว เธอโดนตบจนหันไปอีกข้าง เธอมองไปที่ชู่จี้อย่างไม่อยากเชื่อ “นาย!”
ในสายตาชู่จี้มีแต่ความมืดมน เหมือนสัตว์ร้ายที่เป็นบ้า “คำพูดพวกนี้ ถ้าพูดอีกรอบ คงไม่ใช่แค่ตบหน้าแค่นี้” เขาเตือน หน้าผากเห็นเส้นเลือดชัดเจน เหมือนซาตานที่เพิ่งออกจากคุก
บรรยากาศเงียบกริบทันที
ชู่จี้ไม่โมโหง่ายๆ ถ้าผลของการโมโหร้ายแรงมาก ความเกรงขามบนตัวของเขา ทำให้รอบข้างต้องสยบ
หลิงเยว่จับหน้าไว้ ตกใจกับท่าทางชู่จี้มาก ตั้งแต่เด็กจนโต ตัวเองถูดโอบอุ้มไว้ในมือตลอด มีแค่ชู่จี้ ที่เหยียบตัวเองจมดินแบบนี้
ซังอี๋เดินไปตรงหน้าเธอ “คุณหลิง คุณมีอะไรก็ทำต่อหน้าเถอะค่ะ อยากเอาแต่คิดแผนสกปรกแบบนั้น”
เธอโมโหอยากแขวะกลับ แต่ตอนที่เห็นสายตาชู่จี้ เธอไม่กล้าพูดอะไรเลย
พอเกาเหมยเหวินเห็นแบบนี้ จึงรีบให้คนใช้ไปเตรียมน้ำแข็ง “เด็กคนนี้ ลงมือหนักไปหรือเปล่า” เธอไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่เธอลงเรือลำเดียวกับหลิงเยว่ ยังไงก็ต้องแสร้งพูดอยู่แล้ว
ชู่จินซันขมวดคิ้วแน่น “อะไรกัน แกทำแบบนี้จะให้ฉันบอกลุงหลิงแกยังไง?”
ตระกูลหลิงไม่เป็นศัตรูกับพวกเขาก็ดีแค่ไหนแล้ว จะให้ลูกสาวแต่งเข้ามาอีกได้ยังไง?
ชู่จี้พูดเรียบนิ่ง “ผมก่อเรื่องเอง ผมจัดการเองได้ ไม่รบกวนคุณหรอกครับ”
หลิงเยว่รู้สึกหวาดกลัว ชู่จี้ไร้ความรู้สึก เด็ดขาดมาก เขาพูดแบบนี้ไม่มีทางปล่อยตัวเองไปแน่นอน
ถึงตระกูลหลิงมีอำนาจไม่แพ้กัน แต่วิธีการของชู่จี้……เจอไม่ได้เห็นมานานแล้ว
ถึงชู่จินซันจะโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วเกาเหมยเหวินก็เอาแต่บอกให้เขาอย่างอารมณ์เสีย เธอเป็นคุณหญิงตระกูลชู่มาตั้งนาน แต่กลับไม่ได้หุ้นเลยสักหุ้น ถึงชู่จินซันจะดีกับตัวเอง เงินก็ไม่เคยขาดมือ แต่ไม่เคยให้เธอยุ่งเรื่องบริษัทเลย
ถึงเธอจะหงุดหงิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เธอรู้ว่าชู่จิ้นซันจะยกทุกอย่างให้ลูกชาย ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองจะไม่ค่อยดีก็ตาม
ลูกสาวของนางสำส่อนนั่น ทำไมถึงได้ทุกอย่างง่ายๆแบบนี้?
เกาเหมยเหวินเห็นทั้งสองคนเดินออกไป โมโหจนต้องกระทืบเท้า ในสายตามีแต่ความโกรธเคือง
ชู่จี้จับมือซังอี๋ไว้ เดินออกไปแล้วขึ้นรถพร้อมกัน
“ชู่จี้” เธอก้มหน้า ขนตาของเธอปิดบังแววตาเธอไว้ “ฉันไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควร……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนชู่จี้ปิดปากไว้ก่อน “เธอจะพูดเรื่องพ่อแม่ฉัน?”
เธอเบิกตากว้างอย่างตกใจ รู้สึกว่าชู่จี้รู้ทุกอย่างที่เธอคิด
สีหน้าชู่จี้เริ่มเศร้า “เหอะ ฉันไม่ให้ชู่จินซันตายไปพร้อมแม่ฉันก็ดีแค่ไหนแล้ว ฉันยังกลัวด้วยซ้ำว่าเขาจะแย่งแม่ฉันเกิด”
ซังอี๋นิ่งอยู่กับที่ ไม่คิดเลยว่าทั้งสองพ่อลูกจะโกรธเกลียดกันขนาดนี้ แต่ว่า……อาจจะมีความเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?
แต่เธอไม่รู้เรื่องพวกนี้ ตอนนั้นเกิดอะไรกับตระกูลชู่ เธอไม่รู้ แล้วไม่รู้จะยุ่งยังไงด้วย
“แม่ของนาย……ต้องใจดีมากแน่ๆ ต้องดีมากแน่นอน” เธอรู้สึกได้จากตัวชู่จี้ว่าแม่ของเขาต้องเป็นคนดี แล้วเป็นคนใจเย็นด้วย
ผ่านไปครู่หนึ่งชู่จี้ค่อยพยักหน้า “ในความทรงจำของฉัน แม่เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมาก จนวันหนึ่ง……” เขาก้มหน้าลงไป สีหน้าเศร้ามาก “แม่ล้มลงไปกลางกองเลือด ถึงจะส่งไปโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ช่วยอะไร” เสียงของเขาเศร้าหมอง ดวงตาน่ากลัวเหมือนเลือดอาบ
เธอมีความสุขตั้งแต่เด็กจนโต ได้ยินชู่จี้เล่าแบบนี้ ในใจก็เสียใจมาก “เพราะพ่อของนาย?”
ชู่จี้พยายามปิดบังความเสียใจ “อื้อ ฉันเกลียดเขามาโดยตลอด ถึงเขาจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม”
เขาไม่มีทางให้อภัยเขา แล้วหลังจากชู่จินซันแต่งเกาเหม่ยเหวินเข้ามา ตำแหน่งในบ้านของตัวเองก็ลดลง เขาพึ่งพาสองมือของตัวเอง เพราะอยากให้ชู่จินซันรู้ว่า ไม่มีเขา ตัวเองก็ยังอยู่ได้สบาย
ตอนนี้ได้พูดสิ่งที่อัดอั้นในใจมานานออกมา กลับรู้สึกโล่งขึ้น ตอนนี้รู้สึกตัวเบามาก
“ฉันสนับสนุนนาย ไม่ว่านายจะทำอะไรก็ตาม” ซังอี๋ไม่พูดห้ามอะไรอีก เธอรู้ ตอนนี้ชู่จี้ต้องการความเชื่อใจกับอยู่ข้างๆเขา
ชู่จี้ยิ้มอ่อน “ที่รัก เราจะจดทะเบียนสมรสกันวันไหนดี?”