A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1887 รบกับมารทั้งสามอย่างดุเดือด (ตอนต้น)

“เป็นเช่นนั้นดังคาด เผ่ามารที่ข้าสังหารก่อนหน้านี้มีคนที่มีความสัมพันธ์กับนายท่านไม่น้อยสินะ และมีเพียงเคล็ดวิชาลับชีพจรโลหิตถึงทำให้ข้าถูกลงผนึกสัญลักษณ์ไว้อย่างไม่รู้ตัว ทว่าเมื่อครู่นายท่านสภาพจิตใจไม่ค่อยมั่นคง คาดไม่ถึงว่าแม้แต่สัญลักษณ์ชีพจรโลหิตก็ยังถูกดึงออกมาใช้ มิเช่นนั้นผู้แซ่หานจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของสหายได้อย่างไร” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา แขนเสื้อมีไอสีเขียวโบกสะบัดดวงเพลิงสีเงินพุ่งออกมาทำให้ไอสีเขียวสลายหายไป

“จากพลังยุทธ์ของนายท่านคิดดูแล้วก็คงจะเป็นอาวุโสที่มีชื่อเสียงในเผ่ามาร บอกชื่อเสียงเรียงนามของท่านมาก่อนเถิด” แววตาคู่งามของเซียนหยินกวงเผยจิตสังหารออกมาขณะเอ่ย

“หึ ตาเฒ่าคือท่านลี่ผู้ใต้บังคับบัญชาของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวง มนุษย์เจ้าสังหารหลานรักของข้า วันนี้ข้าต้องสับเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วกระชากวิญญาณของเจ้าออกมาให้ได้” แม้ว่าชายชราเขาเดียวจะเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์สองคน คาดไม่ถึงว่าจะไม่เผยสีหน้าหวาดกลัวอันใดออกมา ดวงตาทั้งสองกลับลุกเป็นไฟพลางจ้องเขม็งไปที่หานลี่ขณะเอ่ย

“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ต้องดูว่านายท่านมีฝีมือหรือไม่” หานลี่หัวเราะร่าท่าทางไม่ใส่ใจเลยสักนิด

นั่นก็ไม่แปลก! จากความสามารถของเขา เผ่ามารระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นตนหนึ่งจะอยู่ในสายตาได้อย่างไร

“แต่แค่เจ้าคนเดียวอยากสู้กับพวกเราสองคน พี่หานไม่ต้องพูดพร่ำไร้สาระกับพวกเขาหรอก การที่มารตนนี้ปรากฏตัวเพียงลำพังย่อมเป็นโอกาสดีในการสังหาร”

เซียนหยินกวงเอ่ยคำพูดเสียดแทงจิตใจออกมา ตะขอสีเงินสองอันตรงหน้าเคลื่อนไหว ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นเงาตะขอสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนหมายจะกดลงไปที่ฝั่งตรงข้ามอย่างมืดฟ้ามัวดิน

หานลี่เห็นเช่นนี้มุมปากก็เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา คำพูดของเซียนหยินกวงย่อมตรงกับความคิดของเขา ทันใดนั้นจึงสะบัดแขนเสื้อโบกไม้บรรทัดสีเงินในมืออีกครั้ง

ภายใต้ลำแสงสีเงินเจิดจ้าเงาไม้บรรทัดยาวยี่สิบถึงสามสิบจั้งพุ่งออกมาอีกครั้งเปล่งแสงสว่างวาบก็มาอยู่ตรงหน้าชายชราเขาเดียวแล้วสับลงมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด

ท่านลี่เห็นเช่นนี้ก็ร้องคำรามเสียงต่ำ มือหนึ่งที่ถือกระบองยาวสีดำเอาไว้พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะสร้างกำแพงกระบองสีดำที่หนาแน่นขึ้นมาปกป้องร่างของตนเอาไว้อย่างไร้ช่องโหว่

เงาไม้บรรทัดสีเงินสับลงมาที่เงากระบอง คาดไม่ถึงว่าจะสั่นเทาแล้วดีดออกมาพลางแหลกสลายเป็นชิ้นๆ ไม่อาจทลายการป้องกันของเงากระบองได้เลยสักนิด

ยามนี้เงาตะขอจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทยอยกันพุ่งมาถึง แต่ผิวของเงากระบอกที่ไร้เทียมทานกลับเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบอย่างรุนแรง แต่กลับทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายไป

สุดท้ายหลังจากที่เสียงไพเราะดังขึ้นสองครา ตะขอสีเงินสองอันก็ดีดตัวออกแล้วกลับคืนร่างเดิม

เซียนหยินกวงเห็นเช่นนั้น ใบหน้างดงามก็เคร่งขรึม มือที่ร่ายอาคมเปลี่ยนไป

หลังจากที่ตะขอสีเงินสองอันหมุนวนรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นลำแสงสีเงินสองสายพุ่งแหวกอากาศไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป จมหายเข้าไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมากลางอากาศก็บิดเบี้ยวไอวิญญาณฟ้าดินรัศมีวงกลมยี่สิบถึงสามสิบลี้เกิดความผิดปกติขึ้น พริบตานั้นอักขระยันต์สีขาวแดงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากกลางอากาศหมุนเคว้ง แล้วรวมตัวกันกลายเป็นลำแสงสีมัวหม่นขนาดสองสามหมู่สองดวง

ดวงหนึ่งเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ดวงหนึ่งมีหมอกสีแดงหมุนวนกลับเกิดเสียงดังสนั่นและกดลงมาที่ด้านล่างพร้อมกัน

ชายชราเขาเดียวเห็นอานุภาพของหมอกลำแสงสองดวงก็ตกตะลึงสะบัดมือทั้งสองเงากระบองในมือกลายเป็นพายุหมุนสีดำม้วนไปทางหมอกลำแสงสองกลุ่ม คาดไม่ถึงว่าเขาจะคิดฝืนโจมตีให้ทลายไปตรงๆ

แต่ในยามนั้นหานลี่ที่อยู่ไกลออกไปกลับร่ายรำด้วยสีหน้าราบเรียบไม้บรรทัดสั้นสีเงินในมือเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

ครู่ต่อมาแผ่นหลังของชายชราเขาเดียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ไม้บรรทัดสั้นสีเงินยื่นออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

ไม่ทันได้ตั้งตัวชายชราเขาเดียวถูกลำแสงสีเงินห่อหุ้มเอาไว้ข้างในและถูกรัดสองสามชั้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

ชายชราเขาเดียวร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวผิวเปล่งแสงสีดำออกมาราวกับคิดจะทลายลำแสงสีเงินออกแต่ยามนั้นเห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องที่เพ้อฝัน

ยามนี้เงากระบองที่กลายเป็นพายุหมุนสีดำกลับโจมตีกับหมอกลำแสงกลางอากาศ

หลังจากเสียงฟ้าถล่มดังขึ้นบรรยากาศโดยรอบก็บิดเบี้ยว

พายุหมุนสีดำกลายเป็นเสายักษ์ค้ำฟ้าสองต้นโจมตีเข้าไปในหมอกลำแสงสองกลุ่มอย่างรุนแรงแล้วจมหายเข้าไปเกือบครึ่ง

และหลังจากที่หมอกลำแสงสองกลุ่มหมุนวนแล้วสลายหายไปกลับมีจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีขาวและดวงอาทิตย์สีแดงสดปรากฏออกมา

ทั้งสองแผ่ลำแสงเจิดจ้าออกมาปกคลุมเสายักษ์สองต้นเอาไว้กักพวกมันไว้ข้างใน

แม้ว่าชายชราเขาเดียวจะร้องคำรามไม่หยุดแขนทั้งสองมีพลังมหาศาลทะลักออกมา แต่กลับไม่อาจดึงกระบองยักษ์สีดำสองด้ามออกมาได้เลยสักนิดราวกับว่าสมบัติชิ้นนี้คือรากของจันทร์ครึ่งเสี้ยวและดวงอาทิตย์สีแดงก็ไม่ปราณ

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้มุมปากก็เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมาและในเวลาเดียวกันก็ชี้ไปยังชายชราที่อยู่กลางอากาศ

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเงินที่เดิมห่อหุ้มร่างของชายชราอยู่กลับส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ผิวมีอักขระยันต์สีเงินขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้นและเกิดเป็นพลังมหาศาลบีบอัดท่านลี่ ชั่วพริบตาลำแสงคุ้มกันสีดำของเขาก็สลายหายไปกว่าครึ่ง

ชายชราเขาเดียวเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แม้ว่าจะเสียดายสมบัติในมือแต่ก็ทำได้เพียงปล่อยกระบองยักษ์ออกไปอย่างจนปัญญา แต่จากนั้นก็ฉายแววตาโหดเหี้ยมสองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็วและยิ่งไปกว่านั้นยังร้องคำรามเสียงเหี้ยมออกมา

ฉากที่น่าตกตะลึงปรากฏขึ้น

ต่อให้เดิมท่านลี่ผู้นี้จะมีร่างกายใหญ่ยักษ์อยู่แล้ว ครานี้กลับขยายใหญ่ขึ้นอีก หัวไหล่ทั้งสองข้างมีกล้ามเนื้อปูดโปนออกมาและเปล่งเสียงที่น่าตกตะลึงออกมา ชั่วครู่ก็กลายเป็นศีรษะจำนวนสองศีรษะที่เหมือนกับศีรษะตรงกลางอย่างไรอย่างนั้น

แผ่นหลังของเขามีกล้ามเนื้อสี่มัดปูดออกมาเช่นกัน และท่ามกลางลำแสงสีดำที่เปล่งแสงสว่างวาบก็กลายเป็นแขนมารสีดำสนิทอีกสองแขน

ชั่วพริบตาชายชราเขาเดียวกลายเป็นเทวรูปมารสามเศียรหกกร และยิ่งไปกว่านั้นไอมารสีดำที่ทะลักออกมาจากเรือนร่างก็แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าสองเท่า พลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นพัฒนาเป็นระดับขั้นกลาง

และเมื่อมารตนนี้พลังยุทธ์เพิ่มขึ้นมันก็เผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา กรทั้งหกร่ายรำ กระบี่มารสีดำหกเล่มปรากฏขึ้น กระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับตาข่ายขนาดใหญ่ระเบิดออก

เดิมที่ห่อหุ้มลำแสงสีเงินเอาไว้ส่งเสียงแหวกอากาศดัง “ฟิ้วๆ” ออกมาถูกสับออกเป็นชิ้นๆ

หานลี่เห็นฉากนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี มือหนึ่งตะปบออกไปอย่างไม่ต้องขบคิด

ลำแสงสีเงินที่เดิมแหลกละเอียดเปล่งแสงสว่างวาบ รวมตัวกันดังเดิมอีกครั้ง

แต่ในชั่วเวลาที่ล่าช้าไป ท่านลี่ที่มีสามเศียรหกกรก็พลิ้วกายหลุดพ้นจากพันธนาการแล้วหายวับไปจากที่เดิม

ครู่ต่อมาระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้นห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง เงาร่างสีดำปรากฏขึ้น

มารตนนี้ร้องคำรามเสียงดังสนั่นไอมารหมุนวนทั่วผิวกายอักขระมารสีดำปรากฏขึ้น จากนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ คาดไม่ถึงว่าจะขยายใหญ่ขึ้นร้อยจั้งเศษ จากนั้นกรทั้งหกก็โบกสะบัดลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ยักษ์หกเล่มหายวับไปฝ่ามือยักษ์สองสามมือกลับยื่นมาราวกับภูเขาขนาดย่อมก็ไม่ปาน

มือสองข้างตะปบไปทางพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและพระอาทิตย์สีแดง มือสองข้างกดไปหาหานลี่และเซียนหยินกวง

มาพร้อมกับพายุมารท่าทางน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!

ฝ่ามืออีกสองข้างสุดท้ายกลับร่ายนิ้วทั้งสิบ ร่ายอาคมไปมาไม่หยุด

ในเวลาเดียวกันศีรษะทั้งซ้ายและขวาของมารตนนี้ก็หลับตาทั้งสี่ข้างลง อ้าปากออก พ่นอักขระยันต์สีดำและร่ายคาถาออกมา

ตะขอสีเงินสองอันที่กลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวและดวงอาทิตย์สีแดงไม่อาจทำอันใดได้ เมื่อมารที่มีพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นตะปบลงมาก็ไม่อาจกักกระบองยักษ์สีดำสองด้ามได้อีก พวกมันสั่นเทากลายเป็นเงาลวงตาสองสายพุ่งออกไป แค่เปล่งแสงสว่างวาบก็ร่อนลงมาในมือทั้งสองของมาร

ทั้งสองประกบเข้าหากันกลายเป็นกระบองยักษ์สีดำดังเดิม

แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่พลันรู้สึกว่าเบื้องหน้ามืดมน ฝ่ามือยักษ์สีดำข้างหนึ่งมาอยู่ตรงหน้าพร้อมกับกลิ่นคาวคละคลุ้งที่โชยเข้ามา

หานลี่ไม่มีสีหน้าประหลาดใจ ร่างเปล่งแสงสีทองหมุนวนสะบัดแขนเสื้อฝ่ามือข้างหนึ่งยื่นออกมาและกลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีทองข้างหนึ่งพุ่งไปกลางอากาศ

ยังไม่ทันสัมผัสกัน ฝ่ามือยักษ์สีทองก็มีสายฟ้าปรากฏขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวออกมา นิ้วทั้งห้ากำฝ่ามือยักษ์สีดำที่เข้ามาโจมตีเอาไว้

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น เส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบแล้วดีดตัวออกมา มือมารถูกการโจมตีที่รวดเร็วราวกับดาวตกทำให้สลายหายไป!

เซียนหยินกวงที่อยู่อีกด้านกลับไม่กล้ารับการโจมตีของชายชราที่มีพลังยุทธ์เพิ่มขึ้น ชั่วพริบตาที่มือมารเข้ามาประชิดร่างก็กลายเป็นพายุหมุนสลายหายไป

ฝ่ามือมารโจมตีกับความว่างเปล่า ไอสีดำหมุนวนอย่างรุนแรง

ชายชราเขาเดียวที่กลายร่างเป็นสามเศียรหกกรเห็นการโจมตีไร้ผลใบหน้ายิ่งเผยความโหดเหี้ยมออกมา ศีรษะอีกสองศีรษะร่ายคาถาไม่หยุด ฝ่ามือสองฝ่ามือที่กำลังร่ายอาคมชี้ไปที่หานลี่และเซียนหยินกวง

เสียงแหลมเสียดแก้วหูดังออกมาจากปลายนิ้วเส้นไหมโลหิตสองสายพุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่ที่เดิมมีสีหน้าไร้ความรู้สึกพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งโบกสะบัดไปเบื้องหน้าภูเขาขนาดย่อมสีดำปรากฏขึ้น ความสูงเจ็ดแปดจั้งต้านทานร่างของเขาเอาไว้

นั่นก็คือภูเขาเทวะดูดปราณ!

ครู่ต่อมาเส้นไหมโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นห่างออกไปสองสามจั้ง แค่ขยับก็ทะลวงเข้าไปในภูเขาขนาดย่อมสีดำอย่างแรง

เสียง “สวบ” ดังขึ้น เส้นไหมสีโลหิตโจมตีไปที่ยอดเขาลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไป คาดไม่ถึงว่าจะลึกลงไปสองสามฉื่อแล้วถึงได้สลายหายไป

หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

ความแข็งแกร่งของพลังป้องกันของภูเขาเทวะดูดปราณย่อมไม่มีใครรู้ดียิ่งกว่าเขา สมบัติชิ้นนี้ผ่านการหลอมด้วยวัตถุดิบล้ำค่ามาสองสามครั้งแม้กระทั่งสมบัติสะท้านฟ้าก็ยังไม่อาจทำอันตรายใดๆ ได้

ครานี้กลับเกือบจะโดนทะลวงผ่าน เห็นได้ชัดถึงความน่ากลัวของเส้นไหมโลหิต มิน่าล่ะแม้แต่มารเฒ่าที่แปลงกลายแล้วยังเตรียมตัวด้วยความเคร่งขรึมถึงจะสำแดงออกมาได้

ทว่าแม้ว่าการโจมตีนี้จะไม่ได้มีค่าอันใดสำหรับเขาแต่พลังยุทธ์ของเซียนหยินกวงเกรงว่าคงไม่อาจรับการโจมตีได้สินะ

หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็วแล้วได้ยินเสียงหึดังขึ้นอีกด้าน กวาดสายตาออกไปอย่างร้อนใจเห็นเซียนหยินกวงใช้มือหนึ่งกดหัวไหล่เอาไว้ร่างกายซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว

เบื้องหน้าของนางมีโล่สีแดง ธงด้ามหนึ่งและแผ่นป้ายหยกแผ่นหนึ่งกลายเป็นหมอกลำแสงสามกลุ่มต้านทานเอาไว้ แต่ทุกดวงล้วนหม่นแสงลงดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บหนัก

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset