ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1577 เทศกาลปลาบรีม

อาร์ติโชคอร่อยแต่ว่าขุดไม่ง่ายเลย เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะมันเปราะบางและแตกง่าย และอาร์ติโชคก็เป็นพืชที่สกปรกได้ง่าย พวกมันสามารถดูดซับเครื่องปรุงรสและดึงรสชาติออกมาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มันยังสามารถดูดซับดินได้ง่ายด้วย ซึ่งไม่สามารถทานได้ทั้งแบบนั้น
อีกทั้ง อาร์ติโชคพวกนี้มักจะอาศัยอยู่ตามแนวเนินเขา ที่ด้านล่างมีหินแตกละเอียด ดังนั้นการขุดด้วยพลั่วหรือมีดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางครั้งเวลาที่ขุดลงไปก็จะโดนกรวด ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเอากรวดออกก่อนถึงจะขุดหัวมันขึ้นมาได้
พวกเขาขุดขึ้นมาได้สิบหัวแต่กลับทำแตกไปแล้วสี่หัว ฉินสือโอวเริ่มจะหมดความอดทน เขาพูดออกมาว่า “ช่างมันเถอะ ไม่ขุดแล้ว”
อีวิลสันค่อนข้างมีความอดทน เขาหัวเราะหึหึออกมาพลางพูดว่า “ผมขุดเอง คุณไปเล่นเถอะ”
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเป็นคนสอนให้เขามาขุดหัวอาร์ติโชคแล้วบอกกับเขาว่า หัวนี้อร่อยมาก ตราบใดที่งานเกี่ยวกับอาหารการกิน อีวิลสันก็จะฮึกเหิมเป็นพิเศษ
การขุดของเบิร์ดเป็นไปอย่างราบรื่น เขาเป็นปรมาจารย์ด้านการใช้มีด มีดที่อยู่ในมือของเขาสะบัดไปมาราวกับงูที่มีชีวิต หลังจากที่ฝึกฝนมาหลายรอบเขาก็สามารถทำลายหินกรวดที่อยู่รอบๆ อาร์ติโชคได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ตัดหัวมันออกมาก็ใช้ได้แล้ว
ฉินสือโอวยังคงขุดต่อไป เขาจำได้ว่าสองข้างของแม่น้ำที่ฟาร์มปลามีพื้นที่ว่างอยู่ อันที่จริงแล้วเขาสามารถปลูกอาร์ติโชคได้ แบบนี้ต่อไปก็จะทานอาร์ติโชคได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้เครื่องจักรขุดได้ด้วย
อาร์ติโชคเป็นพืชชนิดหนึ่งที่เหมาะแก่การปลูกในแคนาดาเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่า เท่าที่ฉินสือโอวรู้ มันเป็นพืชที่เหมาะให้มนุษย์เพาะปลูกที่สุด
อันดับแรก มันสามารถทำประโยชน์ได้หลากหลาย หัวของมันอุดมไปด้วยแป้ง สามารถนำมาเป็นอาหารของมนุษย์ได้ ส่วนต้นและใบของมันสามารถนำมาผสมรวมกันแล้วทำอาหารปลาได้
หัวมันอุดมไปด้วยสารอาหาร ไม่ว่าจะนึ่ง ตุ๋น ทอดหรือดองก็มีรสชาติไม่เลวเลยทีเดียว ที่บ้านเกิดของฉินสือโอว อาร์ติโชคเป็นผักดองที่มีรสชาติอร่อยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นอกจากนี้หัวอาร์ติโชคยังสามารถสกัดสารอินนูลินและแอลกอฮอล์ได้ อินนูลินเป็นยาดีที่สามารถรักษาโรคเบาหวานได้ และยังเป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมที่มีคุณค่าอีกด้วย
อีกประการหนึ่ง อาร์ติโชคอุดมไปด้วยโฟลีฟรุคโตสอินนูลิน หลังจากที่สกัดสารแยกออกมา และผ่านกระบวนทางเคมีที่ซับซ้อนแล้ว ก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นฟรุกโตลิโกแซ็กคาไรด์ได้ และในสารฟรุกโตลิโกแซ็กคาไรด์ก็มีฟรุกโตโอลิโกแซ็กคาไรด์สูง และเมื่อเพิ่มสารเอสเชอริเชียโคไลเข้าไปและผ่านกระบวนการลิต มันจะถูกเปลี่ยนเป็นไบโอดีเซล
นอกจากนี้ เจ้าสิ่งนี้ยังสามารถนำมาทำเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ออสเตรเลียไปจนถึงไต้หวันต่างก็ผลิตอาหารที่มีสารอินนูลินและโอลิโกฟรุคโตส อินนูลินที่สกัดจากอาร์ติโชค ถูกนำไปใช้ใยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับนม เครื่องดื่มแลคโตบาซิลลัส เครื่องดื่มแบบชง ลูกอม คุกกี้ เยลลี่และเครื่องดื่มอีกมากมายหลายชนิด
ฉินสือโอวต้องการทำอาหารเพื่อสุขภาพมาโดยตลอด อาร์ติโชคถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลัก มันเหมาะที่จะทำอาหารเพื่อสุขภาพและเพื่อผู้สูงวัยเป็นอย่างมาก
พอมาคิดดูแล้ว ฉินสือโอวจึงหันไปปรึกษากับเบิร์ด เบิร์ดก็รู้จักอาร์ติโชค แน่นอนว่าตอนที่อยู่อเมริกาเขาเรียกมันว่าแก่นตะวัน ในตอนที่อยู่ในกองทัพพวกเขาเรียนรู้วิธีการหาอาหารในป่า แก่นตะวันถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ในการเลือกอาหาร
เบิร์ดพูดว่า “แม้ว่าจะไม่ได้ใช้เพื่อพัฒนาอาหารสำหรับสุขภาพก็ตาม แต่พวกเราก็สามารถหาแก่นตะวันทานเองได้ นอกจากนี้ยังนำมาทำเครื่องดื่มอีกด้วย กิ่งก้านใบของมันจะไม่สูญเปล่า พวกมันนำมาทำอาหารสัตว์ได้ใช่ไหม? ใช่ไหมนะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า แล้วพูดว่า “นายจำไว้หน่อยนะ กลับไปพวกเราจะหาเวลาปลูกเจ้าพวกนี้”
เบิร์ดบอกว่าไม่มีปัญหา ถามพูดขึ้นมาอีกว่า “อันที่จริงแล้วฟาร์มปลาของพวกเราไม่ค่อยเหมาะที่จะปลูกพวกมันเท่าไร ไปที่ฟาร์มปลาต้าฉินแห่งที่สามน่าจะดีกว่า ที่นั่นอากาศอุ่นกว่ามาก และแสงแดดก็มีมากกว่า ใช่แล้ว เรายังมีแม่น้ำสายใหญ่อยู่หนึ่งสายไม่ใช่เหรอ? รากของแก่นตะวันได้รับการพัฒนามาโดยเฉพาะ หัวของแก่นตะวันจะมีรากจำนวนนับร้อยสายที่ยาวหนึ่งถึงสองเมตรฝังลึกลงไปในดิน ทำให้กักเก็บน้ำและดินไว้ได้”
แก่นตะวันมีการแพร่พันธุ์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มันใช้เวลาเพียงสองสามวันก็สามารถสร้างตาข่ายรากจากลำต้นแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณที่อยู่ ทำให้มันสามารถรักษาคุณภาพน้ำและดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฉินสือโอวพยักหน้า ฟาร์มปลาต้าฉินก็เหมาะที่จะปลูกเหมือนกัน แก่นตะวันทนต่อความหนาวเย็นและอากาศที่แห้ง หัวของพวกมันสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในดินภายใต้อากาศที่หนาวเย็นในระดับอุณหภูมิติดลบสามสิบองศาเซลเซียส ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ต้นกล้าของพวกมันจะสามารถทนต่อน้ำค้างแข็งได้ และในช่วงฤดูใบไม้ร่วง พวกมันก็สามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศาได้ในระยะหนึ่ง นอกจากนี้พวกมันยังทนต่อความแห้งแล้ง ความต้องการดินของมันไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไร นอกจากดินที่เป็นกรดอย่างหนองบึงและพื้นที่ที่มีความเค็มด่างไม่เหมาะสมแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็สามารถปลูกพวกมันได้
อาร์ติโชคไม่เคยถูกเจอบนเกาะแฟร์เวล แต่ในหลายๆ พื้นที่ในอเมริกาเหนือ สามารถเจออาร์ติโชคได้ง่ายมาก พวกมันโผล่อยู่ตามสองข้างทางของถนน
แม้ว่าในหลายๆ พื้นที่ อาร์ติโชคจะถูกมองว่าเป็นพืชที่ก่อให้เกิดภัยพิบัติ แต่คนอเมริกาและแคนาดาไม่ได้นำมารับประทานโดยตรง พวกเขานำมาใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร ดังนั้นสำหรับคนธรรมดา พวกมันจึงถือว่าเป็นพืชที่ไร้ประโยชน์
แต่เนื่องจากพวกมันมีความสามารถในการขยายพันธุ์ได้อย่างยอดเยี่ยม การปลูกเพียงครั้งเดียว พวกมันสามารถแพร่กระจายไปได้เรื่อยๆ ขอเพียงแค่มีพื้นที่ที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต พวกมันก็สามารถเจริญพันธุ์ไปได้เรื่อยๆ โดยที่สภาพอากาศไม่สามารถส่งผลกระทบต่อมันได้
ในสภาวะแห้งแล้ง ที่ขาดน้ำอย่างรุนแรง อากาศแบบนี้อาจทำให้ลำต้นและใบที่อยู่บนพื้นดินตายได้ แต่เมื่อมีน้ำ หัวที่อยู่ใต้ดินก็จะแตกหน่อออกมาอีกครั้ง และถ้าหัวแตกออกมา ทุกๆ ส่วนของหัวที่แตกก็จะสามารถงอกแก่นตะวันใหม่ออกมาได้ ทำให้อัตราการเจริญเติบโตต่อปีสูงถึงยี่สิบเท่า!
และพวกมันก็ไม่กลัวศัตรูพืช และไม่จำเป็นที่จะต้องให้สารอาหารมากนัก ในช่วงที่มันเจริญเติบโต หากหัวและรากของพวกมันติดกันก็ไม่ต้องสนใจ เพราะเป็นเรื่องยากมากที่มนุษย์และสัตว์และทำลายการสืบพันธุ์ของพวกมัน
เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงพวกมันก็จะผลิตเมล็ดแก่นตะวันออกมา ทำให้เกิดอัตราเติบโตในบริเวณนั้นถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ และถ้าไม่เก็บเกี่ยวพวกมัน เมล็ดแก่นตะวันพวกนี้ก็จะลอยไปตามลม ตราบใดที่สภาพแวดล้อมไม่รุนแรง พวกมันก็สามารถปักหลักและแตกหน่อออกมาได้
เมื่อพูดคุยเกี่ยวกับการปลูกอาร์ติโชคแล้ว ฉินสือโอวและคนทั้งสามก็ค่อยๆ เก็บแก่นตะวันขึ้นมาใส่ในกระเป๋าเป้
หู่จือและเป้าจือที่อยู่ด้านหลังไม่สนใจการล่าสัตว์อีกต่อไป พวกมันตามฉินสือโอวไปเก็บอาร์ติโชค อุ้งเท้าหน้าขุดดินลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่สิบวินาทีมันก็ขุดอาร์ติโชคออกมาได้หนึ่งหัว แบบนี้ฉินสือโอวแค่ตามไปเก็บขึ้นมาก็ได้แล้ว ประสิทธิภาพในการเก็บเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ตอนเที่ยงฉินสือโอวนำเอาอาร์ติโชคบางส่วนมาย่างกิน เขามัดมันด้วยกิ่งไม้แล้วนำไปแขวนไว้บนกองไฟหรือไม่ก็โยนเข้าไปในกองไฟได้เลย
แก่นตะวันป่ามีน้ำตาลสูงกว่า หลังจากที่ปอกผิวออกก็จะเห็นเนื้อสีทอง เมื่อเอาเข้าปากก็คล้ายกับการทานมันเทศคุณภาพสูง ทั้งหวานและหยาบ เด็กหญิงหยุดทานเนื้อทันทีที่ได้ทานอาร์ติโชคย่าง เถียนกวากินอาร์ติโชคอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากกลับมาในช่วงบ่าย เขาก็เข้าไปในครัวเพื่อทำความสะอาดและหั่นอาร์ติโชคเป็นชิ้นๆ เขาใส่ไข่เค็มเป็ดลงไปในโถ จากนั้นก็ใส่ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูลงไป ตามด้วยเครื่องปรุงต่างๆ จากนั้นก็นำผ้ามาปิดคลุมที่ฝาก็ใช้ได้แล้ว พรุ่งนี้ก็สามารถทานได้เลย เป็นการหมักที่รวดเร็วมาก
เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็เข้าไปในห้องเก็บเบียร์และรินเบียร์สดแก้วใหญ่ เขานั่งดื่มเบียร์อยู่ที่หน้าประตูและเล่นกับลูกสาว
ชาร์คที่เข้าไปในเมือง เมื่อกลับมาถึงก็พูดว่า “บอส ฮิวจ์คนน้องให้ผมมาบอกคุณว่า พบปลาบรีมฝูงใหญ่ที่ทะเลสาบเฉินเป่า วันมะรืนนี้เราจะมีการจัดการแข่งขันจับปลาบรีม หลังจากนั้นก็จะมีการจัดงานเลี้ยงปลาบรีม เขาเชิญคุณให้ไปร่วมงานน่ะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็รู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาทันที เมื่อเขานึกถึงปลาบรีมที่อยู่ในทะเลสาบเฉินเป่า ในทีแรกเขารู้สึกกังวลว่าคนของพิพิธภัณฑ์ฟอสซิสจะพบพวกมันในระหว่างการพัฒนา เขาตั้งใจส่งพวกมันไปที่ทะเลทางตอนเหนือของทะเลสาบเฉินเป่าโดยเฉพาะ ไม่คิดว่าพวกมันจะถูกพบเจอเช่นนี้
……………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset