ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1563 วิธีการ

ฉินสือโอวไม่สนใจหรอกว่าในน้ำมีปลาเท่าไร ฟาร์มปลาต้าฉินในตอนแรกมีปลาน้อยกว่านี้อีก แถมนั่นยังเป็นถึงแผ่นดินทองของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์อีกต่างหาก แต่เขาก็ได้สร้างจนกลายเป็นฟาร์มปลาระดับต้นๆ แล้วไม่ใช่เหรอไง? ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ในแต่ละวันมีถึงหลักพันตันแหนะ
เขาไม่สนใจด้วยว่าคุณภาพน้ำจะเป็นอย่างไร ปลูกพืชน้ำลงไปแค่ล็อตเดียว ไม่ว่าคุณภาพน้ำจะเป็นอย่างไรก็สามารถทำให้ดีขึ้นได้อยู่แล้ว
แต่ว่าขยะใต้อ่างเก็บน้ำนั้นเป็นปัญหาจริงๆ!
ขยะอยู่ใต้น้ำมากมายขนาดนั้น แถมของที่ทำมาจากกระจกยังมีมากอีกด้วย ถ้าไม่จัดการเสียหน่อย ต่อไปหากปล่อยแหไปใต้น้ำแล้วล่ะก็จะถูกทำให้ขาดได้ง่าย
หลังจากคิดคำนวณในใจสักพักแล้ว สุดท้ายฉินสือโอวก็ส่ายหัว ถามว่า “พี่ครับ ยังมีอ่างเก็บน้ำที่ดีกว่านี้ไหมครับ?”
พี่ของฉินสือโอวพูดอย่างลำบากใจว่า “อ่างเก็บน้ำน่ะมี แต่ที่ดีกว่านี้น่ะไม่มีแล้ว อ่างเก็บน้ำพวกนั้นมีพื้นที่เล็กเกินไป แค่ไม่กี่ร้อยหมู่เท่านั้น แถมยังอยู่ใกล้หมู่บ้านอีก คนในหมู่บ้านพากันไปเทขยะในนั้น แล้วก็มีคนมาขโมยปลาตอนกลางคืนด้วย ถ้าเทียบกันแล้วก็เทียบที่นี่ไม่ได้เลย”
ฉินเผิงถามแทรกมาว่า “ที่นี่เป็นอะไร ตรงไหนที่นายว่าไม่ดี? บอกมาสิ เดี๋ยวฉันช่วยนายวิเคราะห์เอง”
ฉินสือโอวหัวเราะบอกไม่เป็นไรแล้วพูดว่า “ฉันแค่อยากดูหลายๆ ที่เอาไว้เปรียบเทียบกัน จะให้ดูแค่ที่เดียวแล้วตัดสินใจเลยก็ไม่ได้หรือเปล่า?”
พี่สาวของฉินสือโอวพยักหน้าว่า “ถ้าเปรียบเทียบน่ะไม่มีปัญหา งั้นไปดูหน่อยก็แล้วกัน”
กลุ่มของเขากำลังเดินลงจากอ่างเก็บน้ำเท่านั้น ก็มีชายวัยกลางคนที่น่าจะพุงโตเพราะเบียร์หนีบกระเป๋าเอกสารไว้แล้วเดินมาหาอย่างร้อนรน ทั้งสองฝ่ายเห็นหน้ากันแล้ว ชายคนนั้นก็รีบโบกมืออย่างกระตือรือร้นแล้วพูดว่า “น้องสาว มาตอนไหนเนี่ย? ฉันได้ยินเสี่ยวซุนที่อยู่สำนักงานในเมืองบอกว่าเห็นรถของเธอมา จึงรู้ว่าเธอมาที่นี่ พี่ชายดูแลไม่ทั่วถึงเสียแล้ว”
พี่สาวฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “หัวหน้าซุนเกรงใจเกินไปแล้ว ดูแลไม่ทั่วถึงที่ไหนกันคะ? เป็นคุณต่างหากที่ต้อนรับขับสู้อย่างดี ทำเอาฉันเกรงใจเลย”
หัวหน้าซุนท้องโตปัดมือรัวๆ จากนั้นก็มองไปที่ฉินสือโอว แล้วถามว่า “คนนี้คือ?”
เพราะดูออกว่าน้องชายไม่ชอบอ่างเก็บน้ำนี้ พี่สาวของฉินสือโอวจึงไม่คิดจะแนะนำฉินสือโอวให้หัวหน้าซุนรู้จัก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายถามมาแล้ว เธอจึงไม่อยากปิดบังต่อ จึงแนะนำว่า “นี่คือน้องชายฉันเอง ชื่อฉินสือโอว เสี่ยวโอว นี่คือหัวหน้าซุนที่เป็นคนดูแลระบบน้ำของเกษตรและปศุสัตว์ของเมืองเสียวหย่งจวง”
เธอยังพูดไม่จบ หัวหน้าซุนก็ตบมือออกมาอย่างแรง พูดว่า “ไอ้หยา ฉันก็ว่าสิ ดูแล้วหน้าคุ้นๆ ดูแล้วหน้าคุ้นๆ น่ะ! นี่คือเสี่ยวโอว? ดูสิตอนนี้กลายเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว ฉันแทบไม่กล้าทักเลย”
ระหว่างพูดอยู่ เขาก็ดึงมือฉินสือโอวมาอย่างกระตือรือร้น แล้วเริ่มพูดถึงความหลังของเขาสองคน
หัวหน้าซุนคือคนพื้นที่ของหมู่บ้านเสียวหย่งจวง เริ่มจากการเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน จากนั้นก็ถูกย้ายไปรับผิดชอบงานด้านระบบน้ำของการเกษตรในหมู่บ้าน บางทีฉินสือโอวอาจจะเคยรู้จักมาก่อนจริงๆ เพราะทั้งสองเมืองอยู่ติดกัน ขับรถแค่สิบกว่านาทีเท่านั้น ตอนเด็กเขามักจะมาเล่นที่อ่างเก็บน้ำประจำ หากเคยเห็นกันมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
สำหรับคนอย่างฉินสือโอว หมู่บ้านรอบๆ ล้วนรู้จักเขา ถึงแม้จะไม่รู้จักก็ต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง รู้ว่าในหมู่บ้านเล็กๆ ของพวกเขานี้มีคนหนุ่มที่เก่งมากคนหนึ่ง โอนสัญชาติไปแคนาดา แล้วก็ไปเป็นเศรษฐีที่แคนาดาอะไรเทือกนี้
เมื่อสานสัมพันธ์กันแล้ว หัวหน้าซุนก็ทำเป็นพูดเข้าเรื่องอย่างแนบเนียน โดยการพูดถึงเรื่องสัมปทานอ่างเก็บน้ำขึ้นมา พี่สาวของฉินสือโอวเคยไปถามเรื่องนี้กับเขามาก่อนแล้ว อ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ ค่าสัมปทานไม่น้อยเลย สำหรับเมืองเล็กในชนบทที่ไม่มีอุตสาหกรรมอะไรแล้วถือว่าเป็นรายรับที่สำคัญมากเลย ดังนั้นหัวหน้าซุนคนนี้ถึงได้ตามเรื่องได้จริงจังแบบนี้
ฉินสือโอวหลายปีมานี้ ไม่ได้เรียนรู้อะไรมาก แต่การพูดหลบหลีกกับนอกประเด็นนั้นคือเรียกได้ว่าชำนาญเป็นอย่างมาก เขาถามหัวหน้าซุนเรื่องเงินสัมปทานอ่างเก็บน้ำ ปีละหนึ่งล้าน แพงเกินไป เขาไม่ได้พูดออกมาทันที บอกเพียงว่าวันนี้แค่มาดูลาดเลาเท่านั้น กลับไปจะไปหารือกับเพื่อนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
หัวหน้าซุนพูดต่ออีกมากมาย ฉินสือโอวก็ทำเป็นฟังไม่เข้าใจ ทำให้สามารถหลุดจากเขาได้ในที่สุด แล้วก็ไปไล่ดูอ่างเก็บน้ำที่อื่นต่อ
เวลาหนึ่งวัน แทบจะหมดไปกับอ่างเก็บน้ำ ทั้งหมดดูไปหกที่ เป็นจริงอย่างที่พี่ของฉินสือโอวบอก อ่างเก็บน้ำเสียวหย่งจวงเหมาะสมที่สุด
อ่างเก็บน้ำอันอื่นมีปลาอยู่ มีสองที่ที่จำนวนไม่น้อยด้วย แต่ว่าฉินสือโอวไม่ได้สนใจปริมาณผลิตภัณฑ์น้ำ อย่างไรเสียต่อไปก็ต้องทำการเลี้ยงใหม่อยู่แล้ว
ฟาร์มปลาพวกนี้ไม่เพียงแต่พื้นที่น้อยเท่านั้น แถมใต้น้ำยังมีขยะอีก จุดนี้เหมือนกับอ่างเก็บน้ำเสียวหย่งจวง
เหมือนกัน หรือจะบอกว่ามากกว่าก็ได้ ตอนที่ไปดูอ่างเก็บน้ำที่อยู่รอบๆ หมู่บ้าน ฉินสือโอวเห็นรถสามล้อขับผ่านมาหลายคัน แล้วเอาขยะหลากหลายประเภทเทลงไปในอ่างเก็บน้ำ
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางนิดหน่อย วิธีการจัดการขยะของหมู่บ้านชนบทนั้นต่ำทรามมากไปแล้ว แต่ก็นะ ขยะมากขนาดนี้ จะขุดหลุมเพื่อกำจัดก็ไม่ได้ ใครจะรู้ว่าเมื่อไรแบคทีเรียในดินจะสลายได้หมด?
การเทขยะง่ายกว่ามาก เทลงไปในน้ำ ไม่มีใครรู้ใครเห็น เป็นวิธีที่ดีแค่ไหน?
พี่สาวฉินสือโอวถามความเห็นฉินสือโอว เขาบอกว่า “เป็นอ่างเก็บน้ำเสียวหย่งจวงละกัน พี่ไปคุยราคาเลย ไปคุยที่ราคาสามสี่แสนนั่นแหละ ถ้าคุยไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปเอง พี่แค่คุยราคาต่ำๆ ไว้ก่อนก็พอแล้ว”
หลังจากกลับไปแล้ว เขาก็โทรไปหาต้วนเหล่ยที่เป็นหุ้นส่วนทำโรงแรมอาหารทะเล ให้เขาช่วยซื้อชุดดำน้ำมาชุดหนึ่ง ของนี้จัดการได้ง่าย โรงแรมอาหารทะเลของพวกเขาไม่เพียงแต่ใช้การขนส่งอากาศในการส่งของจากต้าฉินซีฟู้ดกับบ่อปลาไป๋หลงเจียงเท่านั้น ยังมีการกว้านซื้อผลิตภัณฑ์ทะเลจากอ่างเก็บน้ำ เมืองไหเต่าและเมืองอื่นๆ ที่อยู่ติดทะเลอีกด้วย จะต้องสามารถหาชุดดำน้ำได้อย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินว่าฉินสือโอวกลับมาแล้ว ต้วนเหล่ยดีใจมาก บอกว่าเรื่องนี้ไว้ใจเขาได้ แล้วก็เชิญให้เขาถ้ามีเวลาว่างให้เข้าไปดูในโรงแรมก็ได้
หลังโทรศัพท์เสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในอ่างเก็บน้ำเสียวหย่งจวง จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งแปดสายได้ค่อยๆ ทำการสร้างคลื่นน้ำใต้ทะเลขึ้นมา เพื่อเอาพวกขยะและของเสียที่ซ่อนอยู่ใต้โคลนออกมา
สองวันต่อไป ชุดดำน้ำส่งมาถึง ฉินสือโอวถามพี่สาวว่าไปคุยเรื่องราคาได้เรื่องอย่างไรบ้าง พี่สาวฉินสือโอวบอกคุยได้ที่เก้าแสน ลงอีกไม่ได้แล้ว
เท่านี้ก็ถึงตาฉินสือโอวออกโรงแล้ว เขาตรงไปที่อ่างเก็บน้ำเสียวหย่งจวง แต่พอไปถึงเขื่อนแล้วกลับพบกับหัวหน้าซุนที่หน้าบูดเบี้ยวอยู่
เหมือนหัวหน้าซุนจะไม่สังเกตเห็นเขา ได้แต่นั่งยองๆ แล้วมองเหม่อไปที่ผิวน้ำที่ดำสนิท ข้างๆ เขามีคนหลายคนมารวมตัวซุบซิบกัน ซึ่งน่าจะเป็นลูกน้องเขา
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้พลุ่งพล่านอยู่ใต้ทะเลอยู่สองวัน ทำให้อ่างเก็บน้ำไม่ได้ใสสะอาดเหมือนสองวันแรกแล้ว ถุงขยะพลาสติกบางส่วนได้ลอยขึ้นมาบนน้ำ ชายฝั่งก็มีเศษแก้วและขยะจากการก่อสร้างวางไว้ แถมยังมีกลิ่นสาบจางๆ ปกคลุมอยู่บนผิวน้ำอีกต่างหาก
ฉินสือโอวยิ้มในใจ พูดว่า “เอ๋ อ่างเก็บน้ำนี่ทำไมสกปรกขนาดนี้ครับ?”
หัวหน้าซุนไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเขา จึงเริ่มถอนหายใจแล้วพูดอย่างไร้สติว่า “ให้ตายเถอะ สองวันมานี้ใครมาเทขยะพวกนี้ในน้ำเนี่ย? ไม่เห็นมีใครไปยื่นเรื่องในเมืองเลยนี่นา…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล พอหันหลังไปเห็นฉินสือโอวและพี่สาวเท่านั้น ก็รีบกระโดดขึ้นมา แล้วยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร พูดว่า “อั้ยยะ เสี่ยวฉินกับเสี่ยวโอวนี่นา? เมื่อกี้ฉันพูดไปเรื่อยน่ะ ฮ่าๆๆ ความจริงฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอ่างเก็บน้ำ”
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” ฉินสือโอวถามด้วยเสียงหยอกล้อ
หัวหน้าซุนพูดอย่างโกรธเคืองว่า “จะต้องเป็นพวกเด็กเหลือขอของเมืองเซี่ยเหอแน่ที่มาแกล้งเรา เขาคงมาเทขยะกันตอนกลางคืน! เจ้าพวกเลวพวกนี้ พวกเขาทำเพราะอยากให้พวกนายไปเช่าอ่างเก็บน้ำของพวกเขา ช่างไม่เลือกวิธีการเลยเสียจริง ฉันจะต้องไปแจ้งความ ลงโทษเจ้าพวกเหลือขอนี่ให้สาหัสเลย!”
………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset