ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1537 ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

วินนี่มองไปที่ฉินสือโอวด้วยความกังวล อีกฝ่ายกำลังสั่งการให้เหล่าชาวประมงขนของไปบนเรือกำปั่นทะเลใต้ ทั้งธนูรีเคิร์ฟ ธนูยาว ปืนไรเฟิล ลูกกระสุน อาวุธรุนแรงทั้งปวงถูกขนเข้าไปเก็บในคลังเก็บของบนเรือ
ในตอนท้ายฉินสือโอวได้ไปหยิบปืนเบรนออกมาจากห้องลับ พาดไว้บนไหล่หัวเราะฮี่ๆแล้วพูดว่า “ถ้าไม่พกอาวุธร้ายแรงขนาดนี้ไปด้วย ก็เท่ากับเป็นการเสียดายของน่ะสิใช่ไหม? ”
เมื่อเห็นเขาถึงขั้นขนปืนเบรนออกมาแล้ว วินนี่ก็ตกใจเสียจนหน้าเรียวสวยมีสีซีดขึ้นมา เธอดึงเขาไว้ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณอย่าทำอะไรบ้าๆได้ไหมคะ? ทำไมถึงขั้นเอาปืนกลไปด้วยแบบนี้ล่ะ? เก็บกลับไป! ”
ฉินสือโอวจูบเธอไปที หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดว่า “วางใจได้ ที่ผมเอาของพวกนี้ไปด้วยก็แค่เอาไปขู่คนเท่านั้น ถึงแม้จะให้ผมใช้งานมันจริงๆผมก็ไม่กล้าใช้หรอก ”
หลังจากได้รับสายขอความช่วยเหลือจากอารอนเจ้าของฟาร์มปลาแล้ว เขาก็เริ่มแสดงพลังของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ออกมา โดยการโทรศัพท์ไปหาเจ้าของฟาร์มปลาที่ค่อนข้างมีอำนาจทีละคน ซึ่งหลักๆแล้วจะเป็นเจ้าของฟาร์มปลาในรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์และรัฐโนวาสโกเชีย
ในฐานะผู้อำนวยการ ฉินสือโอวก็คือลูกพี่ใหญ่นำทีม แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ต้องไปด้วย ตอนแรกเขากะว่าจะนั่งเครื่องบินไปดูลาดเลา แต่อารอนที่ถือว่ายังพอมีสำนึกอยู่บ้าง ได้บอกกับเขาว่าที่นี่น่าจะอันตรายอยู่ เพราะว่ากลุ่มนักล่าแมวน้ำล้วนพกอาวุธมาทั้งนั้น ในนั้นมีทั้งปืนยาวและปืนสั้นเลย
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงได้นำอาวุธมากมายพวกนี้ติดตัวไปด้วย ก็เหมือนที่เขาพูด สิ่งที่สำคัญในการวางเชิงของทั้งสองฝ่ายก็คือภาพลักษณ์ หากว่าทางฝั่งเขาไม่มีอาวุธร้ายแรงอยู่ข้างกายแล้วล่ะก็ เห็นทีแค่พูดก็ยังไม่มีคนสนใจเลย
ชาร์คพาเหล่าชาวประมงแบกปืนธนูมาด้วยมากมาย นี่เป็นของที่เขาทำขึ้นมาเอง ปกติจะนำไปเช่าให้กับนักท่องเที่ยวไว้ใช้ยิงปลาเล่นกัน มีพลังรุนแรงมาก ในสถานการณ์ที่ไม่ใช้พวกอาวุธปืน เจ้านี่นี่แหละที่จะเป็นอาวุธร้ายแรงของพวกเขา
ฉินสือโอวนำเรือไปด้วยทั้งหมดสองลำ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง เรือสองลำก็คือเรือกำปั่นทะเลตะวันออกและตะวันตก เรือสองลำนี้ล้วนเป็นเรือยนต์ความเร็วสูงทั้งคู่ เรือตำรวจที่ตำรวจน้ำใช้กันก็เป็นรุ่นเดียวกับพวกมันนี่แหละ นอกเหนือจากนี้ บนเรือสองลำนี้มีปืนน้ำแรงดันสูงอยู่ด้วย แถมยังได้ติดตั้งปืนจรวดดับไฟ เป็นพลังที่แกร่งที่สุดในบรรดาเรือของฟาร์มปลาเลย
ทั้งหมดถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว พวกของแบล็คไนฟ์ห้าคน เบิร์ดให้เกิงจุนเจี๋ยพาคนอีกสิบคนขึ้นเรือ นีลเซ็นลงมาพยักหน้าให้กับฉินสือโอว เพื่อเป็นความหมายว่าพวกเขาสามารถออกเรือได้แล้ว
วินนี่อุ้มลูกสาวพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง พูดว่า “เรื่องแบบนี้ไม่ไปได้ไหมคะ? โทรศัพท์ให้ตำรวจน้ำจัดการก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอคะ? ”
ฉินสือโอวเข้าไปกอดเธอกับเสี่ยวเถียนกวาทีหนึ่ง อธิบายว่า “นี่ถือเป็นโอกาสๆหนึ่ง ที่รัก ผมจำเป็นต้องไป คุณดูนะ ระยะเวลาในการก่อตั้งพันธมิตรการประมงยังสั้นอยู่ จึงเป็นหน่วยงานที่ยังกระจัดกระจายไม่เป็นกลุ่ม นี่เป็นโอกาส ให้ทุกคนได้ร่วมกันต่อสู้กับศัตรู จะได้มีความสามัคคีกลมเกลียวกันมากขึ้น แน่นอนว่าคุณวางใจได้เลย จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน พวกเราก็แค่ไปวางมาดก็เท่านั้น ”
วินนี่ฟังเขาพูดแบบนี้แล้วก็ไม่รั้งเขาไว้อีก เป็นจริงอย่างที่ฉินสือโอวพูด เรื่องในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีในการเพิ่มความสามัคคีกลมเกลียวให้กับพันธมิตรการประมง
กลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลินับวันก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าไร้เมฆเป็นหมื่นลี้ แสงอาทิตย์เจิดจ้าไปทั่วฟ้า ลมทะเลเดือนเมษายนพัดผ่านไปบนผิวน้ำทะเล ฟองทะเลกระเซ็นขึ้นมา คลื่นทะเลม้วนตัวไปมา มีปลาค็อดและปลากระโทงสีน้ำเงินกระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำไม่ขาดสาย เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์เป็นที่สุด
น้ำทะเลสะอาดใส สภาพแวดล้อมของฟาร์มปลานับวันก็ยิ่งดีขึ้น แสงอาทิตย์ส่องทะเลผ่านลงไปในน้ำทะเล น้ำทะเลถูกแสงส่องจนมีสีเหลืองอ่อนๆที่อบอุ่น จากผิวน้ำทะเลมองลงไปสามารถมองเห็นปลาว่ายไปมากับสาหร่ายทะเลที่ขึ้นกันอยู่เรียงราย
วินนี่อุ้มยัยตัวเล็กยืนอยู่ตรงหัวเรือ พ่อกับแม่ของฉินสือโอวยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉินสือโอวไม่กล้าให้พวกท่านรู้ ไม่อย่างนั้นพวกท่านต้องไม่ปล่อยให้เขาออกไปแน่ ปกติแค่พวกเขาพกปืนขึ้นภูเขาแม่ของฉินสือโอวก็ตกใจกลัวไประยะหนึ่งแล้ว
ฉินสือโอวนั่งลงบนเฮลิคอปเตอร์แล้วโบกมืออย่างสง่างาม เสี่ยวเถียนกวาโบกมืออย่างดีใจ ตะโกนออกไปเสียงหวานว่า “ป่าป๊า ป่าป๊า เรือใหญ่ ป่าป๊านั่งเรือใหญ่! ”
หัวเราะฮ่าๆ ทีหนึ่ง ฉินสือโอวก็พูดกับเหล่าชาวประมงเสียงดังว่า “ออกเรือ ไปช่วยเรือฟาร์มปลาบอนญานี่อย่างเร่งด่วนกัน!”
เรือยนต์ความเร็วสูงทั้งสองลำพากันส่งเสียงแตรเป็นลำดับเพื่อส่งสัญญาณ ออกจากท่าเรือ จากนั้นก็ฝ่าคลื่นลมทะเลแล่นไปทางตอนเหนือ บนฟ้าเหนือเรือยนต์ เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์วนอยู่ ถือว่าเป็นภาพที่ดูแล้วมีพลังอำนาจพอสมควร เหมือนกับนาวิกโยธินของกองทัพเรือออกรบเลย
ฟาร์มปลาของโคเซตั้งอยู่ภาคกลางที่ค่อนไปทางใต้ของเกาะแลบาดอร์ อยู่ใกล้กับท่าเรืออินดีแอนา การที่ฉินสือโอวต้องรีบไป ทำให้เขาต้องแล่นเรือเลียบไปทางชายฝั่งของนิวฟันด์แลนด์ที่มีระยะทางเท่ากับการแล่นเลียบชายฝั่งของนิวฟันด์แลนด์ตะวันออกสองรอบเลย ดีที่เรือยนต์มีความเร็วสูง ทำให้สามารถไปถึงฟาร์มปลาบอนญานี่ได้ในเวลาแค่หนึ่งวัน
ฉินสือโอวนั่งเครื่องเฮลิคอปเตอร์ เจ้านี่มีความเร็วๆกว่ามาก ใช้เวลาไปแค่สี่ชั่วโมงกว่าๆก็บินไปถึงแล้ว
เฮลิคอปเตอร์บินอยู่บนฟ้า ฉินสือโอวมองลงไปข้างล่าง ในใจรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
อารอนเจ้าหมอนี่ก็ไม่ซื่อสัตย์นะ ไหนบอกว่าฟาร์มปลามีเกาะไม่กี่เกาะเอง แต่รอบๆบริเวณนี้กลับมีเกาะเต็มไปหมดเลย เขายังไม่แน่ใจว่าตำแหน่งของฟาร์มปลาของอารอนอยู่ที่ไหน แต่รู้ว่าฟาร์มปลานี้มีพื้นที่อยู่สองร้อยกว่าตารางกิโลเมตร เท่ากับว่าสามารถครอบคลุมเกาะไว้อย่างน้อยก็สิบถึงยี่สิบเกาะ
บนเกาะพวกนี้ล้วนมีแมวน้ำอยู่ ฉินสือโอวมองไม่ออกว่าเป็นแมวน้ำพันธุ์อะไร บนผืนน้ำแห่งหนึ่งได้มีเรือหลายลำจอดอยู่ เหมือนกับกำลังมองเชิงกันอยู่ นี่น่าจะเป็นจุดที่ตั้งของฟาร์มปลาอารอนแล้วล่ะ
เฮลิคอปเตอร์เคลื่อนตัวเข้าไป บนกราบเรือลำหนึ่งได้มีคนที่มีหัวใหญ่ราวกับลูกชิ้นยักษ์ยืนอยู่ หลังจากเห็นเฮลิคอปเตอร์แล้วเขาก็ตื่นเต้นดีใจแล้วโบกมือให้ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเรือสปีดโบ๊ทลำหนึ่งขับมุ่งหน้าไปทางชายฝั่ง
ฉินสือโอวตบไปที่บ่าของเบิร์ด เพื่อเป็นความหมายว่าให้ตามเรือสปีดโบ๊ทไป เบิร์ดพยักหน้า เฮลิคอปเตอร์หาตำแหน่งได้แล้ว จึงลงจอดตามลำดับ
เขาเพิ่งจะลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ อารอนก็พุ่งเข้ามา แม้จะห่างกันไกลแต่เขาก็ยื่นแขนขึ้นพร้อมตะโกนขึ้นมาว่า “ผู้อำนวยการ ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับครับ! ในที่สุดผมคุณก็มาแล้ว ผู้อำนวยการของผม ได้เห็นคุณแล้ว ใจที่ตื่นตระหนกของผมจะได้สบายใจได้สักที! ”
ฉินสือโอวยิ้ม จับมือกับเจ้าของฟาร์มปลาอย่างภาคภูมิใจ เขาครุ่นคิดในใจ คำพูดนี้ฟังดูคุ้นๆ ได้ยินมาจากไหนนะ? พอคิดสักพักแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ตอนเด็กๆที่ดูละครสงครามกับญี่ปุ่น หลังจากลิ่วล้อของญี่ปุ่นที่โดนกองทัพกลุ่มที่ 18 ซ้อมได้เจอกับคนญี่ปุ่นก็ล้วนพูดประโยคนี้กันไม่ใช่เหรอ?
สถานการณ์ของทางอารอนไม่สู้ดีนัก เขากับเหล่าชาวประมงล้วนถือพวกปืนล่าสัตว์อยู่ เมื่อกี้ตอนที่มองลงมาจากบนฟ้า เรือหาปลาที่ประจันหน้ากับพวกเขาบนทะเลก็เหมือนจะไม่ได้มีแค่ลำเดียว
นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉินสือโอวเห็นมีแมวน้ำทะเลหลายตัวนอนอยู่ตรงเนินผาริมทะเล ถึงขั้นว่ามีสิงโตทะเลและวอลลัสที่ตัวใหญ่มากอยู่ด้วย — ให้ตายสิ นี่มันเป็นฟาร์มปลาหรือว่าแหล่งเพาะสัตว์ทะเลกันแน่เนี่ย?
ที่นี่คือมีแมวน้ำทุกชนิด มีตัวที่เขารู้จักดีจำพวกแมวน้ำกรีนแลนด์ แมวน้ำสีเทาตัวอ้วน แมวน้ำลายจุดเงอะงะ แล้วก็ยังมีแมวน้ำมังค์ฮาวาย แมวน้ำพันธุ์ที่ฉินสือโอวไม่รู้จักก็มีอยู่ด้วยเช่นกัน
มองดูสีหน้าที่งงงวยของเขาแล้ว อารอนก็ยิ้มกว้างพร้อมอธิบายให้เขาฟังว่า “เอ่อคือ เหอๆ ผมค่อนข้างชอบเพาะเลี้ยงแมวน้ำทะเล สิงโตทะเลกับวอลลัสน่ะครับ แล้วผมก็ชอบเลี้ยงปลาโลมากับปลาวาฬด้วย…”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว จึงถามออกไปด้วยความตะลึงว่า “คุณเป็นนักอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรเหรอ? ”
อารอนพยักหน้า พูดว่า “ใช่ครับ ผมชอบเจ้าพวกนี้ ผมรู้สึกว่าพวกมันเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ มนุษย์ควรจะปกต้องพวกมัน ไม่ใช่ทำร้ายพวกมัน พูดตามจริงนะครับ ผู้อำนวยการ ที่ผมซื้อฟาร์มปลานี้ไม่ใช่เพื่อเอามาเลี้ยงปลาเพื่อหาเงินนะครับ แต่เพื่อจัดหาพื้นที่ให้เหล่าสัตว์ในมหาสมุทรได้มีที่พักพิงต่างหากครับ ”
……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset