ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 894 การตลาดและไวรัส

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลอกตาขณะฟังหลี่ว์ซู่พูด เธอรู้ว่าหลี่ว์ซู่ใช้เวลาอยู่นานในการวางแผนล้างสมองคนพวกนี้ ตอนแรกหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็คิดว่าเขาอยากจะทำการตลาดแบบหลายระดับชั้นหรือการทำธุรแบบเครือข่าย แต่เธอก็พบว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น  

 

 

หลี่ว์ซู่บอกว่าถ้าเครือข่ายของธุรกิจเขาเติบโตมากเกินไปก็จะดึงดูดความสนใจพวกขุนนางทั้งหลายและพวกเขาอาจจะโดนล้อมได้ และพวกเขาอาจจะตกอยู่ในอันตราย ที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังไม่แข็งแกร่งมากพอ พวกเขาจึงไม่สามารถเปิดเผยตัวเองมากเกินไป  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จึงมองดูหลี่ว์ซู่ล้างสมองเหล่านักธุรกิจ พวกนักธุรกิจพวกนี้เป็นชนชั้นสูง ตอนพวกเขาเริ่มพวกเขาก็เริ่มจากการทำธุรกิจเองเช่นกัน ใครจะมาเชื่อลูกไม้แบบนี้ พวกเขาก็มองแค่ผลกำไรที่อยู่ตรงหน้าและอดทนฟังไปเท่านั้น  

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่ได้อยากจะเล่นลูกไม้อะไรกับพวกเขาหรอก เขาแค่อยากให้คนพวกนี้ตื่นตัวในการขายสบู่ให้มากขึ้นต่างหาก  

 

 

เมื่อพวกนักธุรกิจรู้ว่านี่ไม่ใช่การหลอกลวง พวกเขาก็เริ่มฟังหลี่ว์ซู่พูดกันอย่างตั้งใจ  

 

 

เดิมทีหลี่ว์ซู่คิดว่าการเรื่องนี้จะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะลงมือทำด้วยตัวเอง  

 

 

ทำธุรกิจอย่างนี้ไม่มีคำว่าง่ายหรอก สองวันที่ผ่านมาหลี่ว์ซู่พยายามจำท่าทีของนักธุรกิจแต่ละคนให้ได้ และพยายามจำอารมณ์ที่แสดงออกในดวงตาของแต่ละคนเมื่อพวกเขาได้ยินอะไรบางอย่างด้วย…  

 

 

ตกดึกมาในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังนั่งจดบันทึกอยู่นั่นเอง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่อยู่ข้างๆ เขาก็มองเขาอย่างเงียบๆ บางทีเธอก็รู้สึกว่าอยู่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเมื่อไม่มีหลี่ว์ซู่อยู่ข้างกาย เธอก็จะรู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธและจิตสังหาร แต่ถ้าหลี่ว์ซู่อยู่ข้างๆ เขาก็จะทำให้เธออารมณ์เย็นลงได้  

 

 

เช่นเดียวกับคลื่นที่เชี่ยวกรากที่เข้ากระทบกับติ้งไห่เสินเจิน[1] ทะเลก็ยังเป็นทะเลเหมือนเดิม แต่อยู่ในอารมณ์ที่แตกต่างกัน  

 

 

วันต่อมาหลี่ว์ซู่ก็เริ่มจะสอนพวกเขาแล้ว “ปกติพวกคุณทำธุรกิจกันอย่างไร พวกคุณเปิดประตูอ้ารอให้ลูกค้าเข้ามาไหม คุณเชื่อกันไหมว่าสินค้าที่ดีนั้นไม่ต้องโฆษณาก็ได้ แต่ผมขอบอกพวกคุณเลยว่า สินค้าที่ดีนั้นยังต้องการการโฆษณาอยู่แน่นอน!”  

 

 

ในวันนั้นหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้พากลุ่มนักธุรกิจเดินลงจากภูเขาเข้าไปในเมือง เย่เสี่ยวหมิงประหลาดใจมากที่เห็นว่าพวกเขากล้าเข้ามาในเมืองด้วย แต่เมื่อเขานึกถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเขาก็ไม่กล้าที่จะทำผลีผลาม  

 

 

วันนี้ก็ยังเป็นวันที่จัดประชุมนักปราชญ์ในพระราชวังด้วย หลี่ว์ซู่ไม่ได้ทำตัวขี้เกียจแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้เขาไปเยี่ยมที่เมืองอวิ๋นอันอยู่บ่อยๆ เพื่อเอาสบู่ไปให้พวกนักปราชญ์ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเชิญหมู่บ้านมังกรฟ้าเข้าไปฟังการประชุมในวันนี้ด้วย  

 

 

ทุกคนรู้ว่าพวกหมู่บ้านมังกรฟ้าคงจะไม่มาหรอก เพราะฉะนั้นพวกเขาก็เลยไม่คาดคิดว่าคนของหมู่บ้านมังกรฟ้าจะเข้าร่วมประชุมด้วย  

 

 

แต่เมื่อพวกหมู่บ้านมังกรฟ้ามาถึง พวกนักปราชญ์ก็ตะลึงกันไปเลย… นั่นมันไม่ใช่ตัวแทนคนใหม่ของศาสตร์ราชาหรอกเหรอ!  

 

 

เมื่อนักธุรกิจที่ยืนอยู่หลังหลี่ว์ซู่ได้ยินเสียงชื่นชมไปทั่ว พวกเขาก็รู้สึกงุนงง แล้วท่านผู้นำคนใหม่ของหมู่บ้านมังกรฟ้าจะกลายเป็นตัวแทนคนใหม่ของศาสตร์ราชาได้อย่างไรกันล่ะ!  

 

 

มีคนถามขึ้นมาเบาๆ “คุณมีทฤษฎีใหม่อะไรมาเสนอไหม”  

 

 

พวกพ่อค้าก็ชอบทำตัวให้ดูมีอารยธรรมเช่นกัน มีบทกวีสุดจะคลาสสิกมากมายในศาสตร์ราชา และการอ่านบทกวีไปจิบไวน์ไปก็เป็นเทรนด์ในตอนนี้ด้วย!  

 

 

คนบางคนกระซิบถาม “เขาบอกว่า ‘อีซานจิ่น’ อาจจะเป็นชื่อคนก็ได้…”  

 

 

พวกพ่อค้าอ้าปากค้างด้วยความตกใจ นี่น่ะเหรอ!  

 

 

แล้วอยู่ๆ ก็มีนักปราชญ์คนหนึ่งยิ้มให้หลี่ว์ซู่ “วันนี้ท่านเข้าแสดงความคิดเห็นด้วยไหมครับ เรากำลังจะศึกษาบทกวีสามบทของราชาแห่งทวยเทพ”  

 

 

หลี่ว์ซู่มองหนังสือเย็บกี่มือของเขา เขาส่ายหน้าและยิ้มตอบ “คุณดูหมิ่นราชาแห่งทวยเทพมากเกินไปแล้ว ก่อนจะอ่านบทกวีของเขาพวกคุณจะต้องไปชำระล้างร่างกายก่อน ถ้าไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างน้อยก็ขอให้ล้างมือกันก่อน บทกวีจะแปดเปื้อนเอาได้ถ้าพวกคุณไม่ทำอย่างนั้น ใช่ไหมล่ะครับ”  

 

 

ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น หัวหน้าบาทหลวงก็เอาน้ำมาถังหนึ่ง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ส่งสบู่ก้อนใสให้หลี่ว์ซู่อย่างนอบน้อม พวกนักปราชญ์มองหลี่ว์ซู่ล้างมือให้สะอาดก่อนที่เขาจะใช้มือนั้นเปิดหน้าบทกวีขึ้นมา  

 

 

เมื่อนักปราชญ์เห็นหลี่ว์ซู่ทำท่าจริงจังอย่างนั้น พวกเขาก็ทำอะไรกันไม่ถูก พวกเขาไม่รู้ว่ามีพิธีอะไรแบบนี้ก่อนการอ่านบทกวีจากราชาแห่งทวยเทพด้วย  

 

 

ทุกคนมองนิ้วมือที่สะอาดของหลี่ว์ซู่ จากนั้นก็มองกลับมาที่สบู่ก้อนนั้น อย่างกับเป็นพิธีการอะไรบางอย่างเลย…  

 

 

พวกพ่อค้ามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร พวกเขาจำได้ว่าท่านหลี่ว์ผู้ยิ่งใหญ่ได้สอนอะไรบางอย่างกับพวกเขาเมื่อวานนี้ เขาพูดว่า ‘การขายไม่ใช่การขายแค่สินค้า อย่าขายแค่ว่าเอาไปใช้งานได้อย่างไร แต่ต้องทำให้พวกเขาเห็นความสำคัญของสินค้าด้วย!’  

 

 

หลี่ว์ซู่จึงพูดต่อทันที ‘แล้วจะทำให้เกิดคสามสำคัญอย่างไรน่ะเหรอ จะทำให้มันเป็นเหมือนพิธีอย่างไร งั้นผมขอถามพวกคุณว่าความรู้สึกในพิธีกรรมคืออะไร ความรู้สึกนั้นก็คือการทำให้สิ่งที่ไม่สำคัญกลายเป็นสิ่งที่สำคัญจนขาดไม่ได้น่ะสิ…’  

 

 

ตอนนี้ลูกไม้ตื้นๆ ของหลี่ว์ซู่ก็ได้วางรากฐานพิธีกรรมสำหรับศาสตร์ราชาแล้ว ก่อนที่จะมีใครอ่านบทกวีของราชัน พวกเขาก็จะต้องล้างมือด้วยสบู่จากหมู่บ้านมังกรฟ้าก่อน…  

 

 

น่าทึ่งเสียจริง! เหล่าพ่อค้าได้เปิดโลกออกแล้ว หลังจากสองวันที่โดนล้างสมองไป พวกเขาก็ยังรู้สึกแปลกๆ กับหมู่บ้านมังกรฟ้าอยู่ แต่การกระทำของหลี่ว์ซู่กลับทำให้พวกเขาชื่นชมหลี่ว์ซู่มาก  

 

 

ในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังพลิกหน้าบทกวีอยู่นั่นเอง เขาก็พูดขึ้นมาอย่างสบายๆ “การล้างมือด้วยน้ำปกติน่ะชำระล้างความสกปรกออกไม่ได้หรอกนะ จะต้องใช้สบู่ตลอดเวลา ถ้ามีใครเปิดหน้าบทกวีด้วยมือที่สกปรกล่ะก็ พวกคุณกำลังหมิ่นราชาแห่งทวยเทพกันอยู่…”  

 

 

พวกนักปราชญ์และพ่อค้าทั้งหลายเกือบจะกระอักเลือดกันแล้ว แหม หน้าไม่อายอะไรอย่างนี้!  

 

 

ถึงแม้ว่าราชาแห่งทวยเทพองค์ใหม่จะขึ้นมาครองบัลลังก์แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยฏิเสธอะไรเกี่ยวกับราชาแห่งทวยเทพองค์เก่า ดังนั้นพวกเขาจึงบูชาราชันองค์เก่าต่อไป ในโลกนี้นักปราชญ์บางคนจะลุ่มหลงในศาสตร์ราชามาก  

 

 

แต่หลังจากที่หลี่ว์ซู่แสดงให้เห็นแล้ว ทุกคนก็เข้าใจว่าการอ่านบทกวีของราชันโดยไม่ล้างมือด้วยสบู่นั้นเป็นการดูหมิ่นเกียรติของราชาแห่งทวยเทพองค์ก่อนมาก…  

 

 

ถึงแม้ว่าพวกนักปราชญ์จะรู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่อยู่ๆ พวกเขาก็เห็นความสำคัญขึ้นมา เป็นสิ่งที่ช่างสง่างามเสียจริง!  

 

 

ในความเป็นจริงแล้วหลี่ว์ซู่รู้ว่าบางสิ่งดูน่าสนใจเพราะมีพิธีกรรมเกี่ยวด้วย เขาเพียงแค่จะต้องเอาเรื่องมีพิธีกรรมและสบู่มาปะติดปะต่อกันให้ได้เพื่อให้พวกนักปราชญ์เชื่อ…  

 

 

เหล่าพ่อค้ารู้สึกว่าประสบการณ์การการขายที่พวกเขาเพิ่งเจอนั้นเป็นการขายชั้นเอก พวกเขาไม่เคยเห็นเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลอกตาอีกรอบหนึ่ง เธอพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “หน้าไม่อายจริงๆ เลยนะ”  

 

 

สี่วันผ่านไป พวกพ่อค้าก็กลับกันไปหมดแล้ว พวกเขามาหาเงินแต่กลับได้ใจที่คลั่งไคล้ในการขายกลับไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาโดนล้างสมองหรอก แต่พวกเขารู้ว่าการอ่านบทกวีของราชันตอนนี้เป็นเทรนด์อยู่ และพวกเขาก็จะหาเงินได้จากการนำพิธีกรรมนี้ไปกระจายข่าว!  

 

 

วิธีนี้คล้ายกับวิธีที่องค์กรเคร่งศานาใช้ พวกเขาต้องการผลิตภัณฑ์อย่างเครื่องหอมออกมา และธุรกิจของพวกเขาก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า!  

 

 

หลังจากนั้นคำพูดที่ว่า ‘ต้องล้างมือด้วยสบู่ก่อนอ่านบทกวีของราชัน มิเช่นนั้นจะเป็นการดูหมิ่นต่อราชาแห่งทวยเทพองค์ก่อน’ ก็กระจายออกไปเหมือนไวรัส พวกพ่อค้าทำตามที่หลี่ว์ซู่พูดกันอย่างบ้าคลั่ง  

 

 

นี่เป็นการตลาดที่บ้ามากสำหรับการหาเงิน นอกจากนี้ยังเป็นการล้มล้างพิธีการในศาสตร์ราชาอีกด้วย ถ้านักปราชญ์ไม่ได้เอาสบู่มาด้วย พวกเขาก็ไม่กล้าจะออกไปประชุมกันเลย…  

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่บนกำแพงในหมู่บ้านมังกรฟ้าและมองไปที่ภูเขาที่อยู่ไกลๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดในโลกที่เขาจากมา ระดับเพชรยอดมงกุฎนั้นจะหลอกลวงผู้คนไปเรื่อยๆ ในคราบของความหวังดี  

 

 

ในเวลานั้นมีคนจำนวนมากถูกลักพาตัวไปโดยกลโกง แต่ไม่มีใครอยากมีสติขึ้นมาหรอก เพราะพวกเขากำลังสนุกไปกับการกระทำแบบนี้  

 

 

ศาสตร์ราชาในตอนนี้ก็เหมือนกัน หลี่ว์ซู่เพิ่งจะแนะนำแนวทางเพิ่มให้ความสำคัญมากขึ้นให้แก่พวกเขา  

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] อาวุธที่ในนวนิยายเรื่องไซอิ๋ว

Related

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset