ตอนที่ 568: การแสดงอำนาจอย่างเต็มที่ (3)
ในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ตู่กูเฟิงนั้นได้จัดการสังหารเซียนผู้เชี่ยวชาญและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปนับโหล ก่อนที่ท้ายที่สุด เซียนปฐพีจากสามตระกูลสำคัญในเมืองเฟิงหยาง พวกเขาเริ่มต้นการต่อสู้กลางถนน เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันกับอีกคน พลังงานที่เป็นผลกระทบนั้นแพร่กระจายผ่านพื้นที่โดยรอบในทุกทิศทาง อาคารใกล้เคียงได้รับความเสียหายใหญ่หลวงจากคลื่นพลังงาน
แม้กระทั่งโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์นั้นก็ไม่อาจหนีรอดจากภัยพิบัติ ประตูขนาดยักษ์ไม่สามารถอดทนต่อการหลั่งไหลของพลังงาน มันเกิดการสั่นไหวอย่างไม่รู้จบ ฝุ่นตกลงไปพื้น เป็นรอยแตกที่เกิดขึ้นที่บริเวณใกล้เคียง
การต่อสู้ระหว่างเซียนปฐพีนั้นเป็นไปอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ บังคับให้ผู้ชมนั้นได้แต่ก้าวถอยไปหลายก้าว เพื่อรับประกันความปลอดภัยของตนเอง พื้นที่เปิดกว้าง เหลือเพียงทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กัน แต่คนที่อ่อนแอก็ยังมีอาการบาดเจ็บจากระลอกคลื่นของพลังงาน
หมิงตงนั้นปัจจุบันจดจ่ออยู่ที่ไคเช่อ และแต่ละครั้งที่โจมตี เขาได้บังคับให้ไคเช่อต้องก้าวถอยหลังไปอีกหลายก้าว อย่างไม่ลังเลในการเคลื่อนไหวของเขา เขาใช้ประโยชน์จากช่องว่าง เขาตวัดมือเข้าไปที่ไคเช่อด้วยความเร็ว ด้วยดาบเล่มยาวที่โจมตีเข้าที่หน้าอกของไคเช่อ กับพลังงานอันน่าประหลาดใจ
ไคเช่อนั้นเป็นเพียงเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 1 มันเป็นระดับที่ด้อยกว่าเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 อย่างมาก ก่อนที่เขาสามารถตั้งหลักได้หลังจากจากการโจมตีก่อนหน้านี้ หมิงตงได้กลับมาอยู่ตรงหน้าของเขาทันที ขณะถูกการโจมตีอย่างรุนแรง ดาบของหมิงตงทะลุผ่านหน้าอกของไคเช่อ
ความเจ็บปวดจากการถูกแทงนั้นบังคับให้ไคเช่อกระอักเลือดออกมาอย่างกะทันหัน ใบหน้าที่จมอยู่กับความตกตะลึงมองไปที่หมิงตง ชายหนุ่มทำให้ไคเช่อรับรู้ถึงความหวาดกลัวที่ยิ่งกว่าหัวหน้าตระกูลฮาริโต้
รอยยิ้มที่ไร้ความปราณีปรากฏบนใบหน้าของหมิงตง เขาเฝ้าดูปฏิกิริยาของไคเช่อ โดยไม่ให้เขาได้ตอบสนองไปมากกว่านั้น หมิงตงเริ่มส่งพลังเซียนของเขาผ่านดาบเข้าไปในหน้าอกของไคเช่อ แทรกซึมเข้าไปในตัวเขาและพลังเซียนทำลายอวัยวะภายในของเขา
“อ้ากกกก” เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากปากของไคเช่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด การทำลายอวัยวะภายในของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และความเจ็บปวดของดาบยาวที่ทะลุผ่านหน้าอกของเขามันมากเกินกว่าที่เขาจะสามารถทนอย่างเงียบ ๆ ได้
หลังจากการต่อสู้ระยะสั้น ๆ หมิงตงได้ทำร้ายเซียนปฐพีไปจนถึงจุดที่ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถดำเนินการต่อสู้ ความสำเร็จนั้นน่าอัศจรรย์มากกว่าที่ใครจะคาดเดา
เซียนปฐพีนั้นเป็นตำแหน่งที่ถูกจัดว่าแข็งแกร่งในเมืองเฟิงหยาง เนื่องจากมันมีเพียงหยิบมือเดียว สำหรับคนที่เหลือของเมือง พวกเขาไม่เคยคาดฝันว่าเซียนปฐพีจะพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทุกคนนั้นต่างรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนั้นถูกปฏิบัติราวกับว่าเขาเป็นผู้อ่อนแอ
“ไคเช่อ” อังค์กล่าวออก นอกจากนั้น มันไม่ได้เป็นหลายวินาทีเลย นับตั้งแต่การต่อสู้ระหว่างไคเช่อและหมิงตงเริ่มต้นขึ้น อังค์ไม่เคยคิดเลยว่า หมิงตงจะทำเช่นนั้น ภายในการประมือ 2 กระบวนท่า ไคเช่อจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
โดยไม่ได้ลังเลใจ อังค์เอาอาวุธเซียนของเขาออกมาเพื่อโจมตีหมิงตง เพื่อดูว่าเขาสามารถหยุดหมิงตงและช่วยเหลือไคเช่อได้หรือไม่ แม้เขาจะตระหนักว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาคือเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ตอนนี้ไม่ได้มีสิ่งใดที่ต้องหวั่นกลัว
เจตนาสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของหมิงตง ยามเมื่ออังค์เข้ามาโจมตีที่เขา ด้วยประกายดูแคลนจากสายตา จากนั้น กลับมาที่ด้านหน้าของอังค์ เขานำเอาดาบยาวแทงไป
อังค์นั้นมีความแข็งแกร่งกว่าไคเช่อ เนื่องจากเขาเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 2 นี่หมายความว่ามันแตกต่างไปจากทั้งสองมาก แต่เขายังคงพบว่าเขานั้นได้พ่ายแพ้ให้กับหมิงตงอย่างราบคาบ ภายใต้การโจมตีของหมิงตง อังค์พบว่าตัวเองไม่สามารถป้องกันได้เลย
“ท่าน ข้านั้นสามารถจ่ายเงินด้วยราคาที่ดีกว่าวู่หยุน และด้วยอำนาจของตระกูลฮาริโต้ ท่านจะไม่ถูกรบกวนอีกต่อไป ตระกูลฮาริโต้นั้นสามารถให้เจ้าได้เช่นเดียวกับวู่หยุนเสนอให้กับท่าน มันไม่คุ้มค่าที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลฮาริโต้ของเรา บรรพชนของเราจะตัดผ่านเป็นเซียนสวรรค์และกลายเป็นตระกูลที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรวายุคราม ทำไมไม่ย้ายฝ่ายกันเล่า เราสามารถสังหารวู่หยุนและช่วงชิงทักษะการต่อสู้มาให้เราสองคน” อังค์กล่าวออก เขารู้ว่าเขาไม่อาจสู้หมิงตงได้ ดังนั้นเขาสามารถเพียงหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจอีกฝ่ายและหลอกล่อเขาด้วยตระกูลฮาริโต้ ดังนั้นความกลัวหรือความโลภบางประการนั้นอาจเปลี่ยนใจของอีกฝ่ายได้
ไม่มีทางที่อังค์จะรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหมิงตงและเจี้ยนเฉิน คำพูดของเขาเพียงแค่ผ่านหูและไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
“คำพูดของเจ้านั้นมากพอสำหรับการที่ข้าจะสังหารเจ้าในวันนี้ ทบต้นทบดอกให้หมดสิ้น” หมิงตงนั้นกล่าวออกด้วยเสียงแข็งกร้าวและมีประกายความโกรธปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในแววตาของเขา และดาบในมือของเขาเต็มไปด้วยพลัง
การที่หมิงตงใช้พลังทั้งหมดของเขานั้นเอง ทำให้เกิดแรงกดดันกับอังค์มากขึ้น และการปะทะครั้งที่สาม แขนของอังค์ถูกตัดโดยหมิงตง
“อ๊ากกก” กับแขนของเขาที่ขาดออกไป อังค์ร้องออกมาอย่างอเนจอนาถ นี่คือเสียงของเซียนปฐพีซึ่งร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
อาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้ความเร็วของปฏิกิริยานั้นลดทอนลงมาก ในขณะที่เขาพยายามควบคุมอาการปวด ประกายแสงสีฟ้าพร่าเลือนวาดผ่านดวงตาของเขาเข้ามา ในระยะเวลาถัดมา อังค์ได้สูญเสียความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีในร่างกายของเขา เขาหยุดเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเขาเช่นกัน
โดยสามารถเห็นหัวเขาแยกออกจากร่างกายของเขาในวิถีโค้งสูงเท่านั้น มันปั่นสูงขึ้นระยะ 2 เมตรในอากาศ กลายเป็นเลือดที่เจิ่งนองทั่วบริเวณ
ผู้ที่ชมเหตุการณ์สามารถเพียงมองดูด้วยดวงตาที่เปิดกว้างด้วยความตกตะลึงเท่านั้นและความไม่อาจเชื่อ ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ เซียนปฐพีจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเช่นนั้น แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวจากเมืองชั้นหนึ่งก็ไม่สามารถเชื่อสายตาของพวกเขา
มีสักขีพยานที่เห็นเซียนปฐพีถูกโจมตีอย่างรุนแรงเช่นนั้น ไม่มีใครเชื่อ
ขณะที่ด้านอื่น ๆ เซียนปฐพีทั้งสามที่ต่อสู้กับตู่กูเฟิงต่างตกตะลึง พวกเขาหยุดการต่อสู้ของพวกเขา มองตากันและละทิ้งการต่อสู้จากตู่กูเฟิง แล้วบินตรงไปยังเจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ และหมิงตง ด้วยความพยายามที่จะจัดการกับทั้งหมด
ยามเมื่อเห็นว่าทั้งสามไม่ได้พยายามที่จะหลบหนี และกลับพุ่งเข้ามาหาเจี้ยนเฉิน หมิงตงและตู่กูเฟิงไม่ได้เคลื่อนไหว เพียงแต่ยิ้มออกมา พวกเขาไม่ได้หยุดพวกนั้นแต่กลับเดินไปข้างหน้า พวกเขาได้รับคำสั่งจากเจี้ยนเฉินให้ฆ่าทุกคนที่ขวางทาง
ระยะเวลาสั้น ๆ เจี้ยนเฉินมองดูเซียนปฐพีทั้งสามที่เข้ามา ด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน ปราณกระบี่เริ่มขยายออกจากปลายนิ้วของเขาและยิงตรงไปที่ศัตรูทั้งสาม
ปราณกระบี่นั้นตรงผ่านร่างกายของเขา ก่อให้เกิดความเสียหายกับอวัยวะภายในของพวกเขา และทำลายพวกเขา
ด้วยความทุกข์ทรมานอย่างมหาศาลจากความเสียหาย ชายทั้งสามหยุดนิ่งพร้อมกับใบหน้าที่ไร้สี เลือดไหลออกจากปากของพวกเขา รับรู้ว่าอวัยวะภายในของพวกเขาได้ถูกทำลายโดยปราณกระบี่ แต่ละคนต่างเต็มไปด้วยความสิ้นหวังที่ปรากฏบนใบหน้า การทำลายของอวัยวะภายในของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาทันที แต่พวกเขาจะตายเว้นแต่จะมีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีระดับสูงมากมารักษาพวกเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะตาย ทว่าไม่มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่จะช่วยพวกเขาได้ภายในเมืองเฟิงหยาง
หลังจากเซียนปฐพีได้ตกตาย เหลือเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษนั้น หมิงตงและตู่กูเฟิงได้สังหารผู้คนนับสิบด้วยมือของพวกเขา และย้อมถนนทั้งสายให้เต็มไปด้วยเลือด
เซียนปฐพีได้แต่คุกเข่าบนพื้นดิน เลือดบนร่างกายของพวกเขาหลั่งลงบนพื้น ทั้งหมดมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความไม่อาจเชื่อ ไม่มีสักคนในพวกเขาจะจินตนาการได้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 2 แม้กระทั่งพวกเขาทั้งสามนั้นไม่อาจกระทำสิ่งใด
หมิงตงบังคับให้ไคเช่อที่ได้รับบาดเจ็บ คุกเข่าลงต่อหน้าของเจี้ยนเฉิน “น้องชาย เจ้าวางแผนจะทำอะไรกับเขา ? “
ใบหน้าของไคเช่อซีดเผือดไป เขารู้ว่าตระกูลฮาริโต้นั้นไม่อาจข่มขู่เจี้ยนเฉินได้
เจี้ยนเฉินปรากฏรอยยิ้มเย็น จ้องมองที่ไคเช่อ “หยานไคเช่อ วันนี้เรามาเพื่อตัดสินหนี้จากเมื่อสองปีก่อน ตระกูลของเจ้าและตระกูลทั้งสามของเมืองเฟิงหยางบีบบังคับข้า แต่เจ้าทำประหนึ่งว่าข้าเป็นนักโทษ ข้าไม่เคยลืมหนี้แค้นเมื่อสองปีที่แล้ว”
หยานไคเช่อค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของไคเช่อน่ากลัวมาก
ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ แล้วข้าจะไล่ล่าเจ้าที่ด้านล่าง เพื่อมั่นใจว่าเจ้าจะตายจริง ๆ ไคเช่อพูดพร้อมกับกัดฟัน
เจ้าอยากตาย ! หมิงตงตะเบ็งเสียงออก และตบกำปั้นของเขาลงกับหัวของไคเช่อ ทำให้ผิวของศีรษะของเขาย้อมไปด้วยเลือด
ด้วยประกายเย็นชาในดวงตาเจี้ยนเฉิน ขณะยิ้มออก “มันเป็นโชคร้าย ไม่มียาแก้เสียใจ เวลาไม่อาจย้อนกลับมา ฉันใดก็ฉันนั้น ถนนนั้นไม่เปิดให้เจ้าอีกต่อไป” เจี้ยนเฉินกล่าวออก พร้อมกับโบกมือ “ฆ่า”
โดยไม่ลังเล ใบมีดธาตุลมในมือหมิงตงเบื้องหน้าโจมตีอย่างโหดเหี้ยมลงที่หัวของไคเช่อ และทำลายดวงจิตของไคเช่อ
หันไปยังเซียนปฐพีของสามตระกูลใหญ่เมืองเฟิงหยาง เจี้ยนเฉินเผยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงแววตาของเขา ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าทั้งสามคนยังมีหนี้แค้นกับข้าอีกหรือ ?
Related