ตอนที่ 522: การมาของลุงเทียน
ใบหน้าของผู้อาวุโสเริ่มขึ้นสีแดงเพราะความตื่นเต้น มันยากจะจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งของเซียนคุ้มกฎผู้นี้จนทำให้เขาเสียการควบคุมตนเอง
“เจี้ยนเฉิน ถ้า…ถ้าเจ้าสามารถ…ถ้าเจ้าสามารถนำผู้อาวุโสคนนั้นมาช่วยตระกูลหวงได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เจ้าขอ ตระกูลหวงจะทำให้สุดความสามารถ” บรรพชนจับที่ไหล่ของเจี้ยนเฉินด้วยมือทั้งสองข้างและพูดด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น
“ผู้อาวุโส โปรดไว้วางใจ ครั้งนี้ข้า เจี้ยงเฉินจะทำทุกวิถีทางเพื่อเชิญชายผู้นั้นมาที่นี่ให้ได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าหวังว่าท่านจะยกเลิกการหมั้นของหวงหลวน” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
“ไม่ต้องกังวลอันใด ตราบใดที่ผู้อาวุโสท่านนั้นช่วยตระกูลหวงของข้าแล้ว ตระกูลหวงกู่คงไม่กล้าจะแม้แต่จะผายลมหรือทำอะไรหลังจากที่พวกเรายกเลิกการหมั้นหมายนั่น” บรรพชนตอบกลับ ในตอนนั้นเขาไม่รู้สึกลังเลอีกต่อไปและไม่มีความกลัวใด ๆ ต่อตระกูลหวงกู่อีก
ไม่นานบรรพชนก็เหมือนคิดบางอย่างออกและแสดงใบหน้าไม่เป็นมิตรออกมา “แต่เจียงเฉิน ผู้อาวุโสท่านนั้นต้องตกลงเสียก่อน ตราบใดที่ข้าสามารถให้ผู้อาวุโสตกลงที่จะช่วยเหลือแล้วล่ะก็ ข้าจะถือว่าข้อตกลงเราสมบูรณ์”
“ดีมาก ข้าจะรีบกลับไปเชิญผู้อาวุโสท่านนั้น ! “
หลังจากออกจากยอดภูเขาแล้ว เจี้ยนเฉินก็ได้กับไปยังที่พักของตระกูลหวงซึ่งหวงหลวนกำลังเดินอยู่ที่ชั้นสองของศาลา
มันยังคงหลงเหลือกลิ่นของกล้วยไม้อยู่ในห้องนั้น ในขณะที่เดินเข้าไปเจี้ยนเฉินก็ยังคงรับรู้ได้ถึงกลิ่นนั้น เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่ากลิ่นของกล้วยไม้นี่หมายความถึงสิ่งใดและไม่รู้ถึงความสำคัญของมันเช่นกัน
เมื่อได้ยินเสียงเท้าก้าวมาข้างหลัง หวงหลวนก็ตระหนักได้ว่านั่นคือเจี้ยนเฉินที่มาหยุดอยู่หน้าต่างข้าง ๆ นาง นางหันกลับไปหาเขา คราบน้ำตายังคงเปรอะเปื้อนบนใบหน้าของนาง
“เจ้ากลับมาแล้ว เจ้าหาทางได้แล้วหรือยัง ? ” หวงหลวนถามอย่างคาดหวัง แม้ว่านางจะไม่อยากให้เจี้ยนเฉินใช้อาณาจักรฉินหวงมาช่วยตระกูลของนาง แต่นางยังคงคาดหวังอยู่นิด ๆ
“ข้าได้พูดคุยกับปู่ของเจ้าแล้ว เขาตกลงกับข้าแล้วด้วย ถ้าข้าสามารถหาใครที่มีความแข็งแกร่งกว่าตระกูลหวงกู่มาได้ เขาจะยกเลิกการหมั้นของเจ้า” เจี้ยนเฉินอธิบาย
คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้หวงหลวนรู้สึกกังวลเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แต่นี่เป็นการกังวลกับตัวเจี้ยนเฉิน นางมองไปที่เจี้ยนเฉินและพูดอย่างเป็นห่วง “แล้วอาณาจักรฉินหวงจะช่วยเจ้าในเรื่องนี้หรือ ? ถ้าพวกเขายื่นมือมา พวกเขาคงจะส่งเซียนผู้คุมกฎมาไม่กี่คน แม้ว่านั่นจะทำให้ตระกูลหวงกู่บาดเจ็บได้ก็เถอะ”
เจี้ยนเฉินหัวเราะ “ข้าไม่ใช่คนโง่ ไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรฉินหวง ข้าเองก็ไม่อยากให้อาณาจักรฉินหวงมีปัญหาอันใดเพิ่มเติม แต่ข้าสามารถเชิญผู้อาวุโสคนนี้มาได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ข้าจะพยายามให้มากที่สุด ข้ามาที่นี่เพื่อบอกลาเจ้า เพื่อแก้ปัญหานี้ข้าต้องรีบ”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้าก็ดูแลตัวเองดี ๆ ! ” หัวใจของหวงหลวนเต้นระรัว ตอนนี้นางได้แต่คล้อยตามเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินพยักหน้าและหันกลับไปโดยไม่พูดสิ่งใดอีก
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินได้เรียกหาที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าคนที่มายังตระกูลหวง พวกเขาถูกลากออกมาจากโต๊ะอาหาร พวกเขาบอกลาหัวหน้าตระกูลหวงและออกมาอย่างเร่งรีบ
พวกเขายังคงได้กลิ่นแก่นกล้วยไม้ที่อยู่บนตัวเจี้ยนเฉิน ฉิงเส้าฟานมองไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับยิ้มออกมา”ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ทำไมถึงมีกลิ่นน้ำหอมอยู่บนตัวท่าน ? รึว่าท่านไปทำบางอย่างแย่ ๆ กับตระกูลหวงจนทำให้กังวลเช่นนี้ ? “
เจี้ยนเฉินนั้นคร่ำเคร่งจนไม่สนใจคำหยอกล้อใด ๆ เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงใจเย็น “มีบางเรื่องที่พวกเราต้องรีบกลับไปทำ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราออกมาอย่างเร่งรีบ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมดังนั้น เซียวเทียนและคนอื่น ๆ ก็หมดอารมณ์หยอกล้อทันใดและเริ่มจริงจัง เซียวเทียนได้ถามขึ้นแทนทุก ๆ คน “ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ มีอะไรในโลกนี้หรือจึงทำให้ท่านเร่งรีบขนาดนี้ ? “
“เรื่องมันไม่สั้นและก็ไม่ยาว เอาสั้น ๆ นั่นเป็นเรื่องคนสำคัญสำหรับข้า” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นอย่างคลุมเครือ
เซียวเทียนและคนอื่น ๆ ตระหนักได้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่อธิบายสิ่งใดอีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ถามสิ่งใดต่อไปและกลับไปสนใจการเดินทาง
ทั้งหกคนเดินทางหลายพันเมตรบนท้องฟ้าด้วยความรวดเร็ว ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขามีหมู่เมฆและแม้แต่ข้างหน้าเขาก็ยังมีท้องฟ้าอันกว้างไกลอีกด้วย พวกเขาสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากจุดนี้ได้
สองวันต่อมาทั้งกลุ่มก็ได้กลับมายังอาณาจักรเกอซุน เจี้ยนเฉินอาบน้ำที่แม่น้ำใกล้ ๆ เพื่อขจัดกลิ่นหอมที่ยังหลงเหลืออยู่ เขาสวมชุดสีขาวตัวใหม่แล้วกลับไปยังตระกูลเจียงหยาง
“เจ้าหน้าที่ต่ำต้อยผู้นี้คารวะนายน้อยสี่ ! “
ภายในตระกูลเจียงหยางไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้จักเจี้ยนเฉิน ไม่ว่าจะเป็นยามหรือว่าบ่าวรับใช้ใด ๆ พวกเขาล้วนคุกเข่าแสดงความเคารพต่อเจี้ยนเฉิน
หลังจากที่เขาได้กลับมายังตระกูลเจียงหยางแล้ว เจี้ยนเฉินไม่ได้เข้าไปพบพ่อแม่ของตนและได้มุ่งหน้าไปยังที่พักของหมิงตงเพื่อพักผ่อน เซียวเทียนและคนอื่น ๆ ก็ได้เสร็จสิ้นภารกิจของตน พวกเขาได้แยกย้ายกันออกไป
“เอ่อ ? เจี้ยนเฉิน เจ้ากลับมาเมื่อไหร่กัน ? ” ทันทีที่เจี้ยนเฉินกลับมา หมิงตงก็ยิ้มออกมาด้วยความสุข แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของเจี้ยนเฉิน รอยยิ้มที่ได้แสดงออกมาก็ค่อย ๆ จางหายไปช้า ๆ “เจี้ยนเฉิน ที่ตระกูลหวงมีปัญหางั้นหรือ ? ” ในความคิดของหมิงตงนั้น เจี้ยนเฉินนั้นคือสหายที่เคยฝ่าฟันอะไรมาด้วยกันมาก ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเจี้ยนเฉินนั้นเป็นบุคคลที่เขาไว้ใจมากที่สุดและเขาก็ไม่อาจให้ผู้ใดมาทำผิดกับเจี้ยนเฉินได้
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าอย่างสุภาพและนั่งลงที่โต๊ะ เขาเทชาลงใส่ถ้วยและดื่มมัน เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “หมิงตง มีบางอย่างที่ข้าอยากให้เจ้าช่วย ! “
หมิงตงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเจี้ยนเฉินนั้นได้มองเจี้ยนเฉินด้วยใบหน้าที่แปลกใจ “เจี้ยนเฉิน เจ้ากับข้าไม่ใช่พี่น้องร่วมสาบานหรอกหรือ ? อย่าใช้คำพูดเช่นนั้นพูดกับข้า แค่พูดมาว่าเจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด อย่าพูดเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้ากันเลย ตราบใดที่นี่เป็นปัญหาของเจ้า ไม่ว่าจะฝ่าภูเขาแห่งดาบหรือว่าดำลึกลงไปในทะเลพลิง ข้า หมิงตง ก็จะทำเพื่อเจ้า”
เจี้ยนเฉินยิ้มแบบขออภัยออกมาและรีบพูดขึ้น “หมิงตง ข้าหวังว่าลุงเทียนของเจ้าจะยื่นมือมาช่วยเรื่องนี้และจัดการทุกอย่างด้วยความเที่ยงธรรม”
เมื่อได้ยินว่าเจี้ยนเฉินต้องการความช่วยเหลือของลุงเทียน หมิงตงก็รู้ได้เลยว่าเรื่องนี้จริงจังและตึงเครียดแค่ไหน
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้อธิบายถึงเรื่องของหวงหลวนและตระกูลของนางให้หมิงตงฟัง หลังจากที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดสีหน้าเคร่งเครียดที่อยู่บนหน้าหมิงตงก็ได้หายไป เขาจ้องเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง เขายิ้มยียวนและพูดขึ้น “ข้าคิดอะไรอยู่เช่นนั้นหรือ ? ถ้าเป็นเรื่องเช่นนี้ เจี้ยนเฉินยอมทำเรื่องเช่นนี้เพื่อสตรีที่เคยเจอกันไม่กี่ครั้ง อย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะขโมยผู้ที่จะเป็นฮูหยินของคนอื่น ! “
เจี้ยนเฉินได้หัวเราะแบบสยองขวัญออกมา “มันมิใช่อย่างที่เจ้าคิด หวงหลวนและข้านั้นได้เดินทางด้วยกันสักพักในเมืองทหารรับจ้าง ข้านั้นไม่อยากเห็นนางต้องแต่งงานกับคนที่นางมิได้รัก”
“ฮาฮา เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่จำเป็นต้องเขินอายอันใด การมีฮูหยินหลายคนบนทวีปเทียนหยุนน่ะเป็นเรื่องปกติมาตั้งนานแล้ว แม้แต่พ่อของเจ้ายังมีฮูหยินตั้ง 4 คน ด้วยความแข็งแกร่งและรูปลักษณ์ของเจ้า ถ้าเจ้าไม่มีฮูหยินหลายคนแล้วล่ะก็นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดาย” หมิงตงหยอกเย้า
เขาเปลี่ยนเรื่อง เจี้ยนเฉินพูดขึ้น “หมิงตง เป็นไปได้หรือไม่ว่าลุงเทียนจะออกมา ? นอกจากเขาแล้วไม่มีผู้ใดที่ข้าคิดว่าสามารถแก้ปัญหานี้ได้”
เจี้ยนเฉินรู้จักเซียนคุ้มกฎแค่เพียงไม่กี่คน นอกจากผู้พิทักษ์จักรพรรดิอีก 4 คนของอาณาจักรฉินหวงแล้ว ก็ยังมีผู้เฒ่าเซี่ยวจากหุบเขายั่งยืนและลุงเทียนของหมิงตง สี่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิเองก็เป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรฉินหวงและพวกเขาคงไม่อาจยื่นมือลงมายุ่งกับเรื่องนี้ได้
ผู้เฒ่าเซี่ยวเองก็เก็บตัวมานานหลายปี เจี้ยนเฉินรู้ว่าอย่างน้อยผู้เฒ่าเซียวได้เข้าถึงระดับเซียนคุ้มกฎ หลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างฤาษี เจี้ยนเฉินไม่อยากให้ไปรบกวนการใช้ชีวิตของผู้อาวุโสท่านนั้น เขาไม่คิดจะสร้างปัญหาใด ๆให้แก่ผู้เฒ่าเซี่ยวอีกและตัดสินใจว่าจะไม่ไปขอร้องเขา นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้เฒ่าเซี่ยวนั้น เจี้ยนเฉินก็ยังไม่ทราบแน่แท้ นั่นทำให้เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าผู้เฒ่าเซี่ยวจะจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้หรือไม่
ที่เหลืออยู่มีเพียงลุงเทียน เวลาที่เขาได้เข้าถึงระดับเซียนผู้คุมกฎนั้นทำให้หมิงตงและเจี้ยนเฉินถึงกับตะลึง การที่มีเซียนสวรรค์เป็นบริวารคอยรับใช้โดยมีลุงเทียนใช้ชีวิตอยู่อย่างราชานั้นเป็นสิ่งแม้แต่เซียนผู้คุมกฎของนิกายพยัคฆ์มังกรหรืออาณาจักรฉินหวงก็ไม่อาจทำได้
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือลุงเทียนของหมิงตงนั้นเข้าถึงระดับเซียนสวรรค์มาเป็นเวลากว่า 5,000 ปีก่อน แล้วตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะน่ากลัวแค่ไหน ? ไม่ว่ายังไงความแข็งแกร่งของเขาคงไม่ลดลงจากเมื่อ 5,000 ก่อน
นอกจากนี้ลุงเทียนเองก็ดูเหมือนเป็นคนของเมืองทหารรับจ้าง แม้ว่าผู้คนในเมืองทหารรับจ้างจะประกอบอาชีพหลากหลาย เจี้ยนเฉินได้เรียนรู้บางอย่างหลังจากที่ได้ไปเมืองนั่น แม้ว่าทวีปเทียนหยุนจะมีอาชีพอิสระอย่างที่มีในเมืองทหารรับจ้าง เมืองทหารรับจ้างนั้นเป็นองค์กรการค้าขนาดใหญ่ แม้แต่ผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับเซียนผู้คุมกฎนั้นจะมีอยู่มากแต่การที่พวกเขาจะสนิทกันหรือเกี่ยวข้องกันนั้นหาได้ยาก
ด้วยความคิดแบบนั้น เจี้ยนเฉินก็ได้รู้ว่าเมืองทหารรับจ้างนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันเป็นที่ที่สร้างผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งของทวีปเทียนหยุนขึ้นมา
“เจี้ยนเฉิน ข้าต้องบอกก่อนเลยว่าตราบใดว่านี่เป็นปัญหาของเจ้า ข้าจะฝ่าภูเขาดาบหรือดำดิ่งลงไปในทะเลเพลิงโดยไม่ลังเล” หมิงตงหยิบหยกออกมา ” ลุงเทียนของข้าให้สิ่งนี้กับข้ามา เขาได้บอกข้าว่าแค่ใส่พลังเซียนลงไป ก็จะทำให้เขารู้ว่าข้านั้นพบปัญหาที่ข้าไม่สามารถแก้ได้”
เขากำหยกในมือแน่น หมิงตงเริ่มส่งพลังเซียนเข้าไปยังหยกชิ้นนั้น หลังจากที่พลังเซียนได้ถูกดูดซับแล้วหยกที่ดูหมองหม่นก็เริ่มเปล่งแสงสดใสออกมา
“หมิงตง ตอนนี้ลุงเทียนอยู่ที่ใด ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“บางทีอาจจะในเมืองทหารรับจ้าง ตอนเจ้าเข้ามายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ลุงเทียนและข้าได้พาพ่อแม่ของข้าไปยังเมืองทหารรับจ้าง แต่ข้าเองก็ยังไม่ได้กลับไปเมืองนั้นและยังคงอยู่ในอาณาจักรเกอซุน เพื่อทำงานที่เจ้ามอบหมายให้ข้า ข้าจึงต้องอยู่ที่นี่” หมิงตงพูดขึ้น
เจี้ยนเฉินชี้ไปที่หยกของหมิงตงและถามออกมา “เมืองทหารรับจ้างค่อนข้างไกลจากที่นี่ วิธีนี่มันได้ผลจริง ๆ หรือ ? “
หมิงตงยิ้มออกมาอย่างแสนภูมิใจ “ไม่ต้องกังวล เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่รู้ว่าลุงเทียนนั้นสุดยอดเพียงใด ข้าเชื่อมั่นเลยว่าเขาจะต้องไม่หลอกข้าแน่ ๆ”
ไม่นานหลังจากหมิงตงพูดเสร็จ พื้นที่ตรงหน้าของพวกเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวเข้าหากัน ไม่นานทั้งสองก็ตระหนักได้ว่าข้างหน้าพวกเขามีบางอย่างเกิดขึ้น ทันใดนั้นก็ได้มีประตูปรากฏออกมา ประตูนั้นมันก่อตัวออกมาจากพื้นที่ตรงนั้น ทางเข้าประตูนั้นใหญ่ยิ่งกว่าห้องโถงในปราสาทเสียอีก
ที่ตรงหน้าของเจี้ยนเฉินซึ่งตกตะลึงอยู่ มีชายกลางคนสวมชุดสีขาวเดินออกมาจากประตูนั่น ชายคนนั้นมีใบหน้าดูธรรมดาแต่การที่เขาเดินออกมาจากประตูนั่นโดยไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากมันเลย นั่นทำให้เขาดูเหนือธรรมชาติ
“ลุงเทียน ! ” เมื่อเห็นชายคนนั้นก้าวออกมา หมิงตงก็ได้พูดขึ้นด้วยความรักเพื่อทักทายสมาชิกในครอบครัวของตน