วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม เวลา 16 นาฬิกา 7 นาที ณ พื้นที่นอกปราสาทสีขาว การฝึกพิเศษประจำวันนี้เลวอนจะต้องพบปะกับฮิคาริและอิทสึกิ เพื่อเรียนรู้การใช้คาตานะรวมถึงวิชาดาบของญี่ปุ่นจากทั้งสองคน โดยดาบไม้ที่ใช้มีขนาดรูปทรงและน้ำหนักเท่าของจริง เพื่อไม่ให้ทั้งสามคนได้รับอันตรายจากการฝึกซ้อม
เลวอนอยู่ในท่าเตรียมชักดึงศัสตราวุธ โดยนำมือขวาจับด้ามดาบไม้ซึ่งเหน็บอยู่ตรงบริเวณเอวฝั่งซ้าย ในลักษณะหักข้อมือตั้งฉากและหงายคมขึ้น ส่วนมืออีกข้างกำรอบเอาไว้แทนการสัมผัสตัวฝักคาตานะ แล้วสไลด์เท้าขวาไปข้างหน้าเพื่อให้การเคลื่อนไหวของสรีระเกิดความสมดุล ถือเป็นท่าเตรียมพร้อมที่พบเห็นได้ทั่วไปในวิชาอิไอโดและวิชาบัตโตจุทสึ
จากนั้นเลวอนจึงซักถามแก่อาจารย์ผู้สอนเพื่อความมั่นใจ
“จับแบบนี้รึเปล่าครับ?”
“ใช่ จากนั้นดึงดาบออกมาให้สุดแบบช้า ๆ แล้วหักข้อมือไปข้างหน้า… ท่านี้มีความสำคัญมาก นายต้องหมั่นฝึกฝนให้คล่องเชียว เพราะคมดาบของจริงอาจทำให้นายบาดเจ็บได้ถ้าหากไม่ระวังเอาไว้ให้ดี”
ฮิคาริ แม่มดสาวเจ้าของเรือนผมยาวสลวยสีขาวโพลนในชุดเครื่องแบบประจำตัวสีดำ ได้ให้คำแนะนำแก่ลูกศิษย์ด้วยสีหน้าท่าทีจริงจังโดยในมือขวาถือดาบไม้เอาไว้ด้วย ถึงแม้ท่าทีจะดูขึงขังเจ้าระเบียบไปบ้าง แต่ภายในใจลึก ๆ แล้วเธอกลับรู้สึกดีใจและสนุกสนานที่ได้ฝึกสอนวิชาดาบให้แก่อีกฝ่ายอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ขณะเดียวกันพ่อมดหนุ่มเริ่มใช้มือขวาดึงดาบออกไปจนสุด ตวัดข้อมือเพื่อให้ดาบไม้อยู่ในลักษณะหันคมไปด้านหน้าตามด้วยนำมือซ้ายจับประคองด้ามเอาไว้ จากนั้นลดระดับแขนทั้งสองข้างที่เหยียดตรงลงเล็กน้อย จนส่วนด้ามจับอยู่ในระดับเดียวกันกับหน้าท้อง เมื่อแสดงกระบวนท่าเบื้องต้นเป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว ซามูไรสาวก็ได้กล่าวแซวอีกฝ่ายอย่างชอบใจ
“ถึงจะยังมีท่าทีเกร็งอยู่แต่ก็เอาเถอะ น่าจะพอถูพอไถไปได้บ้างล่ะนะ”
“พอทำแบบนี้แล้วรู้สึกถือลำบากขึ้นนิดนึงแฮะ เพราะปกติผมคุ้นชินกับการชักดาบแบบเหวี่ยงออกนอกลำตัวมากกว่า” บุรุษวัยเยาว์บรรยายความรู้สึกด้วยท่าทีเกร็งเล็กน้อย เนื่องจากกลัวว่าตนจะแสดงท่าทางออกมาผิดพลาดในระหว่างทำการฝึก
“ครั้งแรกอาจจะไม่ค่อยถนัดมือไปสักหน่อย แต่ถ้าหากฝึกเป็นประจำแล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็วมากขึ้นเดี๋ยวนายก็ชินไปเอง… การจับแบบนี้จะช่วยในเรื่องของการตั้งรับพร้อมทั้งสามารถโจมตีใส่ศัตรูได้ภายในเวลาเดียวกัน เพราะการชักดาบในลักษณะเหวี่ยงแขนออกนอกลำตัวจะทำให้เราเผยช่องโหว่ และอาจถูกข้าศึกสวนกลับได้ง่ายโดยที่ไม่ทันได้ตั้งท่าป้องกันตัว”
ในระหว่างที่จอมดาบเวทสาวอธิบายเนื้อหาสำคัญ อิทสึกิ เทพสุนัขหนุ่มผมสีดำในชุดกักคุรัน ซึ่งกำลังยืนเท้าเอวดูการฝึกซ้อมแบบเงียบเชียบพลางถือดาบไม้พาดวางบนไหล่ขวาอยู่ ก็ได้สบโอกาสนี้เกริ่นให้คำแนะนำแก่เลวอนไปอย่างไม่รีรอ
“อ๊ะ ท่านเลวอนลองเลื่อนมือซ้ายให้อยู่ในตำแหน่งใกล้ปลายด้ามดาบลงมาอีกหน่อยสิขอรับ เพราะมันจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มองศาหรือมุมกดในเวลาที่ฟาดฟันใส่ศัตรูได้ แถมยังมีความมั่นคงมากกว่าการถือดาบแบบมือเดียวด้วยนะขอรับ”
“บ… แบบนี้ใช่ไหม?” พ่อมดหนุ่มผมสีขาวโพลนลงมือปฏิบัติตามคำพูดของมิตรสหายทันที
“ถูกต้องขอรับ” อิทสึกิผงกศีรษะพร้อมด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “จากนั้นลองง้างดาบไม้ขึ้นแล้วฟันลงในแนวดิ่งดูสิขอรับ จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”
วูบ!
เลวอนใช้ดาบไม้ฟันอากาศในลักษณะผ่าลงไปด้านหน้าหนึ่งครั้ง ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความคล่องตัวในขณะถือครองอาวุธ รวมทั้งการเชิดดึงมือซ้ายตรงบริเวณปลายด้ามขึ้นเพื่อเพิ่มมุมกดให้ส่วนที่เป็นคมโน้มตัวลงไปข้างหน้า หลังจากที่พ่อมดหนุ่มลองปฏิบัติตามคำแนะนำดูก็ถึงกับแย้มสรวลออกมาอย่างประทับใจ ทว่าฮิคาริกลับแสดงสีหน้าคิ้วขมวดรีบส่งเสียงโต้แย้งใส่บุรุษเทพสุนัขอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้าลูกหมา ให้เลวอนฝึกจับดาบคาตานะแบบสองมือมันก็ดีอยู่หรอก แต่อย่ามาทำให้พื้นฐานของวิชาอิไอโดต้องเสียรูปสิยะ อีกอย่างตอนนี้นายมีหน้าที่เป็นแค่คู่ฝึกซ้อมให้กับพวกเราเท่านั้นนะอย่าลืมสิ”
“ข้าชื่ออิทสึกิไม่ใช่เจ้าลูกหมาขอรับ!” อิทสึกิทำหน้าบึ้งตึงพลันสวนคารมกลับคืนไป “วิชาอิไอโดที่ท่านกำลังสอนน่ะมันอยู่ในระดับขั้นสูงและอันตรายเกินไป ถ้าไม่ระวังให้ดีล่ะก็ผู้ใช้ดาบคาตานะมือใหม่อย่างท่านเลวอนคงได้รับบาดเจ็บหรือเสียท่าให้กับศัตรูแน่ การเสริมสร้างพื้นฐานให้มั่นคงด้วยดาบสองมืออย่างเคนโด้ จะช่วยในเรื่องของการป้องกันตัวได้ดีกว่านะขอรับ”
“แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความไม่คล่องตัว รวมถึงการเปิดช่องว่างเวลาง้างดาบแบบสองมือด้วย วิชาเคนโด้น่ะเหมาะกับการแข่งขันกีฬามากกว่าที่จะใช้สังหารศัตรูนะยะ”
“นี่ท่านพูดจาดูถูกวิชาเคนโด้อยู่นะขอรับ อีกอย่างวิชาอิไอโดของท่านฮิคาริน่ะมีจุดเด่นแค่ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถคาดเดาวิถีของดาบในท่าตั้งรับได้ก็เท่านั้น แถมยังใช้บุกเข้าโจมตีได้ไม่เต็มที่ด้วย!”
คราวนี้เทพสุนัขหนุ่มขึ้นเสียงอย่างเดือดดาล ฮิคาริจึงได้แต่ถอนหายใจส่ายหน้าเอือมระอาทั้งที่ตนเองไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นเช่นนั้นเลย ก่อนจะตัดสินใจนำดาบไม้ที่อยู่ในมือจับในลักษณะท่าเตรียมชักอาวุธออกมาจากฝักตามรูปแบบวิชาอิไอโด แล้วกล่าวท้าทายต่ออิทสึกิไปดังนี้
“เดี๋ยวเถอะตาทึ่มอย่าหาเรื่องกันสิ ฉันไม่ได้ดูถูกสักหน่อย ก็แค่พูดเรื่องจริงต่างหากย่ะ… แต่ถ้านายยังข้องใจในฝีมือหรือคิดว่าวิชาอิไอโดมีจุดอ่อนที่มากกว่า ก็ลองเข้ามาดวลกับฉันอีกสักรอบสิยะ”
“ถือว่าท่านฮิคาริเป็นฝ่ายท้าทายข้าก่อนนะขอรับ!”
อิทสึกิตอบรับสาส์นท้าดวลพลางนำสองมือจับด้ามดาบไม้เอาไว้ให้กระชับโดยอยู่ในท่าตั้งรับตามแบบฉบับวิชาเคนโด้ เขาและเธอต่างยืนจ้องเขม่นคอยดูชั้นเชิงเพื่อรอให้คู่ต่อสู้เป็นฝ่ายบุกเข้ามาเองเสียก่อน เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็รู้ถึงจุดอ่อนของวิชาดาบซึ่งกันและกัน จะผลีผลามชิงลงมือโจมตีก่อนไม่ได้โดยเด็ดขาด
เมื่อเลวอนเห็นว่าบรรยากาศการฝึกซ้อมเริ่มกร่อยลงจึงรีบส่งเสียงห้ามปรามทันที
“หยุด ทั้งสองคนหยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าขืนยังทะเลาะกันอีกผมจะไม่ฝึกวิชาดาบต่อแล้วนะครับ!”
“ไม่ได้นะยะ!/ไม่ได้นะขอรับ!”
ฮิคาริและอิทสึกิต่างลดอาวุธลง แล้วหันมาส่งเสียงทักท้วงอย่างพร้อมเพรียงกัน พ่อมดหนุ่มที่เห็นอากัปกิริยาลนลานของทั้งสองคนดังนั้นก็ถึงกับหลุดขำออกมาอย่างชอบใจ พร้อมทั้งกล่าวประนีประนอม
“ฮะฮะฮะ! …’ โทษที ๆ ทั้งสองคนคงจะยังไม่เข้าใจสินะครับ ว่าสำหรับคนธรรมดาอย่างผมที่ไม่ได้เก่งเรื่องการใช้ดาบนั้นจะรู้สึกยังไง ผมมองว่าวิชาอิไอโดและวิชาเคนโด้นั้นถือเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมทั้งคู่อยู่แล้ว ในเมื่อยังหาข้อตกลงกันไม่ได้ ถ้างั้นก็ช่วยสอนเพลงดาบให้ผมไปพร้อม ๆ กันทั้งสองวิชาซะเลยสิ”
“เรื่องนั้นข้าไม่ขัดข้องหรอกนะขอรับ แต่ว่า…” เทพสุนัขหนุ่มเกริ่นอย่างกังวลใจเล็กน้อย
“ฉันเองก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ แต่นายจะอดทนกับการฝึกในครั้งนี้ไหวรึเปล่าเถอะ?” ซามูไรสาวซักถามเลวอนเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ “เดิมทีแล้วการเรียนรู้วิชาดาบนั้นมันต้องใช้เวลาฝึกฝนนานพอสมควร ยิ่งต้องมาแบกรับสองวิชาพร้อม ๆ กันแบบนี้ ฉันกลัวว่านายอาจจะถอดใจยอมแพ้กลางคันไปเสียก่อน… ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งรีบร้อนฝึกจะดีกว่า”
“วันที่ผมได้ฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่ากับคุณอาเธอเรีย เธอเคยกล่าวกับผมเอาไว้ว่า ‘การที่ตนมีความชำนาญหลากหลายแขนงย่อมได้เปรียบกว่าผู้ที่มีความรู้เพียงด้านเดียว’ น่ะครับ บางทีมันอาจจะเป็นผลดีมากกว่าถ้าหากผมได้เรียนรู้สองวิชาดาบนี้ไปพร้อม ๆ กัน เพราะงั้นได้โปรดช่วยสอนผมต่อเถอะครับ ดีกว่ามายืนทะเลาะกันเองแบบนี้ตั้งเยอะ… เนอะ?”
เลวอนกล่าวน้ำเสียงสดใส ด้วยความที่ตนมีนิสัย ชอบมองโลกในแง่ดีและตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอยู่แล้ว ในท้ายที่สุดครูผู้ฝึกสอนวิชาดาบทั้งสองคนจึงฉีกยิ้มพึงพอใจให้แก่กัน โดยที่อิทสึกิเกริ่นเห็นพ้องต่อข้อเสนอดังกล่าวออกมาก่อนด้วยท่าทีสนใจ
“อืม… ที่ท่านเลวอนพูดมาก็มีเหตุผลอยู่นะขอรับ!”
“เอาเถอะ ถ้านายสองคนโอเคฉันเองก็ขอร่วมแจมด้วย เพียงแต่นายต้องหมั่นขยันฝึกซ้อมอย่าได้ขาดตกบกพร่องเชียว อย่างน้อยก็ควรเก่งให้ได้สักเศษสามส่วนสี่ของพวกเรา เข้าใจแล้วใช่ไหมเจ้าลูกแกะ?”
ฮิคาริยอมรับข้อเสนอก่อนจะเน้นย้ำเพื่อจุดประกายให้เลวอนมีแรงฮึดสู้ต่อไป เด็กหนุ่มรูปงามจึงรีบผงกศีรษะขานรับอย่างไม่รีรอด้วยน้ำเสียงฟังดูฉะฉาน
“รับทราบครับ จากนี้ไปขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ!”
“จริงสิ เมื่อสัปดาห์ก่อนข้าได้ไหว้วานให้ท่านพ่อช่วยตีดาบเล่มใหม่ให้ท่านเลวอนด้วยนะขอรับ”
เทพสุนัขหนุ่มเปิดประเด็นหัวข้อสนทนาขึ้นมาใหม่ สตรีจอมดาบเวทได้ยินดังนั้นถึงกับส่งเสียงอุทานประหลาดใจทันที
“ก… โกหกน่า ครอบครัวนายเป็นช่างตีดาบเหรอเนี่ย!?”
“เอ๊ะ พูดจริงเหรอ…! แย่ล่ะสิเห็นทีต้องรีบบอกพ่อให้เตรียมเงินค่าตีดาบเอาไว้ก่อนแล้วล่ะ!” เลวอนกล่าวอย่างลนลานพร้อมทั้งแสดงอากัปกิริยาตื่นเต้น
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกขอรับ หลังจากที่ข้าบอกไปว่าคนที่กำลังจะฝึกเรียนวิชาดาบคือท่านเลวอน ท่านพ่อก็รีบตอบรับคำขอแบบไม่ต้องคิดค่าจ้างเลย แถมยังใช้วัสดุและโลหะอย่างดีเพื่อให้ตัวดาบมีความแข็งแรงทนทานโดยมีน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป อีกสักสองสามวันคงน่าจะเสร็จสมบูรณ์ขอรับ”
อิทสึกิอธิบายพลางฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร เลวอนจึงรีบกล่าวซาบซึ้งในน้ำใจทันที
“ข… ขอบคุณมากนะอิทสึกิ นี่ผมควรตอบแทนบุญคุณนายยังไงดี…!”
“ฮะฮะฮะ เรื่องเล็กน้อยขอรับ ขอแค่ท่านยังตั้งใจฝึกโดยไม่ละทิ้งวิชาดาบไปข้าก็พอใจแล้วล่ะ”
“นี่อิทสึกิ ว่าง ๆ ช่วยพาฉันแวะไปเยี่ยมคุณพ่อนายที่บ้านหน่อยสิ ฉันเองก็อยากให้ท่านช่วยตีดาบเล่มใหม่ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน!”
ฮิคาริเองก็ได้เกริ่นซักถามต่อเทพสุนัขหนุ่มอย่างท่าทีสนใจ แววตาของเธอเปล่งประกายแสงราวกับเด็กสาวไร้เดียงสาเลยทีเดียว ทว่าอิทสึกิกลับยักไหล่เผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม พร้อมทั้งพูดจาแหย่ใส่อีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง
“ได้สิขอรับ แต่สำหรับท่านฮิคาริแล้วข้าคงต้องขอคิดราคาหนัก ๆ แบบสมน้ำสมเนื้อสักหน่อย”
“ด-เดี๋ยวสิยะ เล่นโก่งราคากันแบบนี้ไม่แฟร์เลยนี่นา!”
สตรีจอมดาบเวทรีบคัดค้านข้อเสนอโดยอัตโนมัติ แม้ว่าอิทสึกิจะไม่ได้มีเจตนาเอาจริงก็ตาม เลวอนเผยรอยยิ้มจาง ๆ อย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นว่าทั้งสองซามูไรเริ่มแสดงความสนิทสนมต่อกันในระดับหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากร้องขอให้เหล่าปรมาจารย์ช่วยสอนวิชาดาบต่อไป
การฝึกพิเศษในช่วงสัปดาห์แรกของเลวอนนั้นไม่ได้จบลงแต่เพียงเท่านี้ เด็กหนุ่มยังคงต้องเรียนรู้เส้นทางการเป็นจอมดาบเวทระดับชั้นพาลาดินต่อไป ตามคำแนะนำจากยาโรสลาฟผู้ซึ่งเป็นศาสตราจารย์และผู้นำประจำหมู่บ้าน เพื่อที่ตนเองจะสามารถเป็นกำลังรบให้แก่เหล่าผองเพื่อน ในยามที่ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แต่หารู้ไม่ว่าการฝึกฝนเพื่อเพิ่มทักษะของเลวอนนั้น กำลังเปิดโอกาสให้จิตวิญญาณของวลาดที่สามหรือเขี้ยวซึ่งฝังอยู่ภายในหัวใจเริ่มปรับตัวไปตามสภาพ จนทำให้อีกฝ่ายได้รับภูมิปัญญาพร้อมทั้งความแข็งแกร่งควบคู่ไปด้วยเช่นเดียวกัน หาได้ต่างอะไรกับดาบสองคมเลยด้วยซ้ำ
ราวกับระเบิดที่ค่อย ๆ ถูกเพิ่มประมาณดินปืนและรอคอยวันการจุดชนวน