Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 939-940

จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 939 : ฟันไม่ยั้ง!
เย่ซิงเฉินถึงกับยืนตกตะลึง..ที่จู่ๆ ก็มีวัตถุขนาดใหญ่ปรากกฎขึ้นในมือของหลิงหยุน นางประหลาดใจจนถึงกับพูดอะไรไม่ออก..
โทคุงาวะมุโตะเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่เขาตกตะลึงกับวัตถุขนาดใหญ่ในมือของหลิงหยุนต่างหาก โทคุงาวะจำได้ดีว่ามันคือหม้อเสินหนงซึ่งเป็นสมบัติโบราณล้ำค่าที่ตระกูลโทคุงาวะเฝ้าตามหา..
ใช่แล้ว..ต้องใช่แน่ๆ! มันคือหม้อปรุงโอสถเสินหนงของกษัตริย์แห่งปฐพี ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์ตามคำเล่าขานของชาวจีน!
การที่ตระกูลโทคุงาวะร่วมมือกับตระกูลเฉินแห่งปักกิ่งนั้นนอกเหนือจากจุดประสงค์ซ่อนเร้นทางด้านการเมืองแล้ว จุดประสงค์หลักก็คือการตามหาหม้อเสินหนงใบนี้!
“โอ้นั่นมัน..นั่นมัน..”
แววตาของโทคุงาวะมุโตะถึงกับเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที ความโลภปรากฏออกมาทางแววตาอย่างชัดเจน และร่างของเขาก็พุ่งเข้าไปด้านหน้าอย่างลืมตัว..
หลิงหยุนคิดไว้อยู่แล้วว่าโทคุงาวะมุโตะจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาจึงยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ถูกต้อง..นี่คือสมบัติโบราณที่ตระกูลโทคุงาวะกำลังตามหา!”
“ใช่แล้ว..มันคือสิ่งที่ตระกูลโทคุงาวะของข้าตามหา และข้าจะนำมันกลับไปญี่ปุ่นด้วย!”
ความกระหายอยากได้และความโลภปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นในดวงตาของโทคุงาวะ มุโตะ เขาพึมพำออกมาอย่างลืมเนื้อลืมตัว จนลืมไปว่าตอนนี้ตนเองกำลังอยู่ที่ใหน และกำลังทำอะไรอยู่
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่นึกหยันแววตาของเขาเต็มไปด้วยความสมเพชเหยียดหยัน และได้แต่คิดในใจว่า ‘มุนษย์มักตายเพราะความโลภ.. คำพูดนี้ช่างถูกต้องนัก!’
และเมื่อมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้เป็นตัวหลอกล่อมีหรือที่โทคุงาวะ มุโตะจะยอมหนีไป!
“หลิงหยุน..พวกเรามาเจรจาตกลงกันดีกว่า! หากเจ้ายอมมอบหม้อเสินหนงใบนี้ให้กับข้า ไม่เพียงความแค้นระหว่างเจ้ากับชาวญี่ปุ่นจะจบสิ้นลงทันที แต่เจ้าจะได้เป็นหนึ่งในตระกูลโทคุงาวะของเรา และจะได้รับยกย่องให้เป็นแขกพิเศษของพวากเราชาวญี่ปุ่น ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใด ข้ารับปากว่าจักรพรรดิญี่ปุ่นของเราจะสนับสนุนเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข!”
โทคุงาวะมุโตะรีบกระหน่ำยื่นข้อเสนอมากมายให้กับหลิงหยุนทันที และได้แต่หวังว่าหลิงหยุนจะยอมตกลง!
ดูเหมือนหลิงหยุนจะสนใจเพราะปากของเขาเอ่ยถามขึ้นว่า “ผลประโยชน์เล็กน้อยเพียงแค่นี้เองรึ”
โทคุงาวะมุโตะถึงกับอึ้งไป และรีบร้องถามหลิงหยุนทันที “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด..”
“หลิงหยุน..เจ้าอยากได้อะไรก็บอกข้ามาได้เลย หากข้าสามารถหามาให้เจ้าได้ ข้า – โทคุงาวะ มุโตะยินดีที่จะทำทันที! เจ้ายื่นข้อเสนอมาได้เลย..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกับไปว่า“ข้อเสนอของข้าก็ไม่มีอะไรมาก ข้าต้องการชีวิตของเจ้า ไม่รู้ว่าเจ้าจะให้ข้าได้หรือไม่”
“นี่เจ้า!”
โทคุงาวะเข้าใจความหมายของหลิงหยุนได้ทันทีว่าหลิงหยุนไม่สนใจข้อเสนอของใดๆเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของโทคุงาวะเต็มไปด้วยความคั่งแค้น และหมายมั่นที่จะสังหารคนทั้งคู่ให้ได้!
แววตาของหลิงหยุนเองก็ไม่ต่างจากโทคุงาวะเขายกมือขวาขึ้นชี้ไปที่หม้อเสินหนงพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาชนะข้าให้ได้..แล้วหม้อเสินหนงจะตกเป็นของเจ้า!”
โทคุงาวะมุโตะไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกรอด และตอบกลับไปว่า “ได้.. ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอของข้าเช่นนี้! งั้นเจ้าก็เตรียมตัวตายได้เลย!”
สิ้นเสียงพูดที่เย็นชาของโทคุงาวะมุโตะ เขาก็ยกดาบยาวในมือขึ้นพุ่งใส่หลิงหยุนทันที!
“ดาบรัตติกาล!”
หลิงหยุนคาดการได้อย่างแม่นยำเพื่อหม้อเสินหนงใบนี้ โทคุงาวะ มุโตะไม่คิดที่จะหลบหนีอีกต่อไป..
โทคุงาวะได้ถ่ายเทพลังปราณขั้นเซียงเทียนทั้งหมดในร่างกายลงไปที่ดาบยาวของตนเองและใช้คาถาดาบรัตติกาลฟันเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
“เป็นเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว!”
หลิงหยุนรู้ว่าคาถาดาบของนินจานั้นมีความพิเศษเฉพาะตัวเขาจึงไม่กล้าประมาท และรีบเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาทันที แต่ไม่ใช่เรียกออกมาเพื่อจู่โจม แต่เรียกออกมาเพื่อตั้งรับ!
เคร้ง..เคร้ง..
บนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงเวลานี้เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งหุบเขา..
ทันทีที่หลิงหยุนกับโทคุงาวะมุโตะลงมือต่อสู้กันอย่างดุเดือดนั้น เย่ซิงเฉินก็กระโดดไปยืนข้างหม้อเสินหนงทันที นางจ้องมองหม้อเสินหนงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น..
“ที่แท้หม้อเสินหนงก็อยู่ที่เขาด้วยหรือนี่!”
ธิดาพรรคมารยื่นมือที่ขาวราวหิมะของตนเองออกไปสัมผัสหม้อเสินหนงอย่างเบามือนางค่อยๆ ลูบไล้หม้อเสินหนงอย่างช้าๆ และสัมผัสได้ถึงไอเย็นลึกลับที่ระเหยออกมา..
เจสเตอร์ซึ่งบินอยู่ห่างๆเมื่อเห็นเย่ซิงเฉินสนอกสนใจหม้อเสินหนงเช่นนั้น มันจึงรีบกระพือปีกบินเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
นี่เป็นสมบัติล้ำค่าของเจ้านายที่เคารพหากถูกหญิงสาวผู้นี้ขโมยไป มันคงต้องถูกตำหนิรุนแรงอย่างแน่นอน!
เย่ซิงเฉินเองก็สังเกตเห็นเจสเตอร์ที่บินเข้ามาเช่นกันจึงร้องตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ห้วน..
“นี่เจ้าทำอะไรคิดว่าข้าจะขโมยงั้นรึ?”
คิดไม่ถึงว่าเย่ซิงเฉินจะพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้เจสเตอร์ได้ฟังถึงกับทำหน้าไม่ถูก และรีบตอบกลับไปทันที
“ไม่..ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น อย่าได้เข้าใจผิด! ข้าเองก็ไม่เคยพบเห็นเช่นกัน จึงอยากจะเข้ามาชื่นชมใกล้ๆเท่านั้นเอง..”
เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคัก..นางเหลือบมองเจสเตอร์พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าค้างคาวกระจอกอย่างเจ้าจะจงรักภักดีกับเขาถึงเพียงนี้! ไม่รู้ว่าหมอนั่นเอาอะไรให้เจ้ากินเข้าไป..”
เย่ซิงเฉินหวนนึกไปถึงหญิงสาวสองคนที่นางจับตัวไปขึ้นมาทันทีและคิดว่าหญิงสาวทั้งสองคนนั้นจะเป็นเช่นเดียวกับแวมไพร์ตนนี้หรือไม่
ดวงตาคู่งามของเย่ซิงเฉิงเปลี่ยนไปสนใจกับการต่อสู้ตรงหน้าและสายตาของนางก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุน..
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวเมื่อหลิงหยุนกับโทคุงาวะมุโตะต่างก็ใช้พลังปราณทั้งหมดฟาดฟันเข้าใส่กัน กระบี่สีดำ และกระบี่สีเงินฟาดฟันกันไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง พลังปราณที่แผ่ซ่านออกมานั้นรุนแรงจนพัดเอาดิน และหินลอยคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ!
ทั้งคู่ต่างก็ห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใครดาบและกระบี่พุ่งเข้าปะทะกันเป็นรูปกากบาทใหญ่..
หลิงหยุนนั้นแอบคิดอยู่ในใจว่าเพลงดาบของนินจาขั้นสูงนั้นช่างทรงพลังยิ่งนัก และเขาก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น
ดวงตาหรี่เล็กของโทคุงาวะมุโตะจ้องมองหลิงหยุนนิ่ง เขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเพลงดาบที่ทรงพลังที่สุดของตนเองที่ใช้ฟาดฟันใส่หลิงหยุนนั้น ล้วนถูกหลิงหยุนรับไว้ได้หมด เรียกได้ว่าไม่สามารถทำอะไรหลิงหยุนได้แม้แต่ปลายผม
“คาถาดาบตัดวิญญาณ!”
โทคุงาวะมุโตะเปลี่ยนคาถาดาบที่ใช้จู่โจมหลิงหยุนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จนหลิงหยุนถึงกับต้องร้องอุทานออกมา
“มีลูกเล่นเยอะทีเดียวนี่!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกไปและได้แต่แอบคิดว่าเพลงดาบของโทคุงาวะแต่ละอย่างนั้นช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก เขาจึงแอบจดจำ และเรียนรู้เพลงดาบของศัตรูในระหว่างที่ทำการต่อสู้ไปด้วย ด้วยสายตาที่ทรงอานุภาพ บวกกับความจำที่เป็นเลิศของหลิงหยุน มีหรือที่เขาจะไม่สามารถจดจำกระบวนท่าต่างๆได้!
หลิงหยุนนั้นเก่งเรื่องการดึงความสามารถและความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ออกมา เพื่อที่เขาจะได้ศึกษาเรียนรู้ก่อนที่จะลงมือสังหาร..
คาถาดาบตัดวิญญาณของนินจานี้เป็นวิชาที่ใช้คู่กับการหายตัวแบบนินจุทสึ หากคู่ต่อสู้เป็นยอดฝีมือทั่วไป แน่นอนว่าต้องถูกสังหารตายไปแล้วอย่างแน่นอน!
แต่เวลานี้คู่ต่อสู้ของโทคุงาวะคือหลิงหยุนซึ่งมีวิชาเงาลวงตาอีกทั้งยังมีจิตหยั่งรู้ที่ทรงประสิทธิภาพ ดังนั้นถึงแม้ว่าโทคุงาวะจะใช้คาถาเงาต่างๆ หรือเพลงดาบที่รวดเร็วปานใด ก็ไม่สามารถทำอะไรหลิงหยุนได้
หลังจากต่อสู้กันไปได้ระยะหนึ่งแล้วหลิงหยุนก็ได้เรียนรู้ และจดจำเพลงดาบของโทคุงาวะได้จนหมดแล้ว อีกทั้งยังสามารถหลอกล่อให้โทคุงาวะใช้พลังปราณไปได้มากด้วย..
โทคุงาวะมุโตะใช้คาถาดาบชั้นสูงจู่โจมหลิงหยุนไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำอันตรายหลิงหยุนได้ เวลานี้เขาจึงโกรธจนควันออกหู และหยุดยืนนิ่งเพื่อสูดลมหายใจ..
ก่อนที่หลิงหยุนจะกลับมาที่ยอดเขาเทียนเหมาเฟิงอีกครั้งนั้นโทคุงาวะ มุโตะก็ได้ใช้พลังปราณไปอย่างมากมายระหว่างที่ต่อสู้กับเย่ซิงเฉิน และเวลานี้.. หลังจากที่ได้ประมือกับหลิงหยุนไปนาน พลังปราณในร่างกายของเขาก็เหลือน้อยเต็มที
หากหลิงหยุนไม่นำหม้อเสินหนงออกมาโทคุงาวะคงเลือกที่จะหาโอกาสหลบหนีไปอย่างแน่นอน แต่เมื่อหลิงหยุนนำหม้อเสินหนงออกมาเช่นนี้ โทคุงาวะก็ยากที่จะตัดใจยอมล่าถอยกลับไปอย่างแน่นอน!
เพื่อหม้อเสินหนง..โทคุงาวะต้องเอาชนะหลิงหยุนให้ได้! เขาจึงต้องกัดฟันสู้ต่อไป!
เพียงแต่เด็กหนุ่มตรงหน้าเขานั้นแกร่งดั่งเหล็ก!จนโทคุงาวะเองก็ไม่รู้ว่าจะสังหารหลิงหยุนได้อย่างไร
หลิงหยุนยืนหายใจนิ่งเช่นกันเขายืนถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือ ดวงตาที่จ้องมองไปทางโทคุงาวะนั้นดูลุ่มลึก และลึกลับยิ่งนัก!
โทคุงาวะมุโตะสงบจิตสงบใจอยู่ชั่วครู่ เขารวบรวมลมปราณภายในร่างกายทั้งหมด ก่อนจะพุ่งร่างเข้าหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็วราวพายุอีกครั้ง!
ควันสีเหลืองระเบิดขึ้นพวยพุ่งล้อมรอบตัวหลิงหยุนไว้จนมิด!
“แย่แล้ว!”
เย่ซิงเฉินซึ่งยืนอยู่ไกลออกไปนั้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับกับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพุ่งผ้าแพรปีศาจออกไป แต่ก็ต้องชะงัก และดึงกลับมาทันที เพราะควันสีเหลืองนั้นได้บดบังสายตาของนางจนมองไม่เห็นคนที่อยู่ด้านใน!
“ระเบิดปลิดวิญญาณ!”
ท่ามกลางหมอกควันสีเหลืองหนาทึบนั้นเสียงโทคุงาวะ มุโตะร้องตะโกนออกมาพร้อมกับดาบสีเงินก็สว่างวาบขึ้น!
“หลิงหยุน!”
เย่ซิงเฉินร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจนางกำลังจะกระโดดเข้าไปท่ามกลางกลุ่มควันหนานั้น แต่ยังไม่ทันที่ร่างของนางจะได้กระโจนเข้าไป กระบี่สีดำก็พุ่งขึ้นมาจากกลุ่มควันสีเหลืองทันที!
ตูม!
“อ๊าก!”
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดซึ่งเย่ซิงเฉินมั่นใจว่าไม่ใช่เสียงร้องของหลิงหยุนอย่างแน่นอน!
ชัวะ..ชัวะ..
ร่างสองร่างกระโดดออกมาจากกลุ่มควันสีเหลืองพร้อมกันและเลือดของโทคุงาวะ มุโตะก็พุ่งกระฉูด มือซ้ายของเขากำไหล่ขวาไว้แน่น และกำลังจะวิ่งหนีลงจากยอดเขาเทียนเหมาเฟิงไป
“ข้าไม่เป็นไร..หยุดมันไว้!”
หลิงหยุนเองก็กระโดดออกมาจากกลุ่มควันสีเหลืองเช่นกันมือขวาของเขากำกระบี่โลหิตแดนใต้ ส่วนมือซ้ายถือดาบสีดำร้องตะโกนสั่งเย่ซิงเฉิน!
เย่ซิงเฉินเห็นหลิงหยุนไม่เป็นอะไรจึงรีบกระโดดหมุนตัวออกไป มือทั้งสองข้างพุ่งผ้าแพรปีศาจออกไปรัดร่างของโทคุงาวะ มุโตะไว้ทันที!
“คิดจะหนีตอนนี้รึ..มันสายไปแล้ว!”
หลิงหยุนไม่สนใจกับอาการบาดเจ็บภายในของตนเองและรีบกระโดดตามเข้าไปฟันใส่ร่างของโทคุงาวะ มุโตะราวกับคลุ้มคลั่ง!
“อ๊าก!”
โทคุงาวะที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้จึงถูกกระบี่ และดาบในมือของหลิงหยุนฟันเข้าไม่ยั้ง จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
และเมื่อหลิงหยุนหยุด..ร่างของโทคุงาวะ มุโตะก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันที!
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 940 : น่าจะ!
หลิงหยุนเองก็ทรุดลงไปกองกับพื้นเช่นกันใบหน้าของเขาซีดเผือด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง และกำลังหายใจหอบอย่างหนัก เสียงลมหายใจของหลิงหยุนดังราวกับมีใครบางคนกำลังสูบลมอยู่ข้างๆ
ต่อให้หลิงหยุนแข็งแกร่งมากเพียงใดร่างกายของเขาก็ไม่ได้ทำด้วยเหล็กกล้า หลังจากที่สังหารมาร์ควิสสก๊อต ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 – เฉินเจี้ยนห่าว และนินจาขั้นโจนินอย่างโทคุงาวะ มุโตะไป หลิงหยุนจึงรู้สึกอ่อนล้า และหมดเรี่ยวหมดแรง รวมทั้งพลังปราณก็ถูกใช้ไปจนไม่เหลือ!
อีกทั้งก่อนหน้าที่หลิงหยุนจะประมือกับเฉินเจี้ยนห่าวนั้นเขาก็ผ่านการต่อสู้กับยอดฝีมือของสามตระกูลเก่าแก่มาก่อน!
อีกทั้งการรับมือกับคาถาและเพลงดาบขั้นสูงของนินจาขั้นโจนินนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ง่ายดาย ทุกการเคลื่อนไหวล้วนต้องใช้พละกำลัง และเต็มไปด้วยความกดดัน!
และในวินาทีที่ควันสีเหลืองพวยพุ่งขึ้นมานั้นก็เป็นจังหวะที่เนตรหยิน-หยาง และจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนหมดพลังพอดี โทคุงาวะ มุโตะก็พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันพร้อมกับฟาดฟันดาบในมือใส่เขาไม่ยั้ง..
แต่ละดาบที่ฟาดฟันใส่หลิงหยุนนั้นโทคุงาวะ มุโตะได้ถ่ายเทพลังปราณขั้นเซียงเทียนที่ตนเองเฝ้าฝึกฝนมานานนับสิบปีลงไปจนหมด..
ในจังหวะที่ดาบซึ่งมีพลังปราณเย็นยะเยือกฟันลงมานั้นกลุ่มควันสีเหลืองหนาแน่นก็ได้แยกออกจากกัน หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของการที่ชีวิตกำลังจะสูญสลายได้ทันที..
หลิงหยุนรู้ว่าหากถูกดาบยาวที่มีพลังปราณนั้นฟันใส่ร่างต่อให้เขาจะโคจรดาราคุ้มกาย และสวมชุดผ้าแพรไหมดำอยู่ ก็คงต้องได้รับอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน!
อีกทั้งในเสี้ยววินาทีสั้นๆนั้น แม้หลิงหยุนจะใช้วิชาพลังมังกร ก็คงจะสายเกินไปแล้ว แต่นับว่ายังโชคดีที่มีแหวนพื้นที่ หลิงหยุนจึงสามารถเรียกดาบพายุออกมาได้ทันเวลา!
และใช้ดาบพายุกับกระบี่โลหิตแดนใต้ทั้งสองเล่มรับดาบซามูไรที่ฟาดฟันลงมาหมายสังหารนั้นพร้อมกับใช้เพลงกระบี่นวสังหารตอบโต้คาถาดาบตัดวิญญาณที่เหี้ยมโหดของโทคุงาวะ มุโตะไว้ได้ทันท่วงที!
แน่นอนว่า..หลิงหยุนก็ยังคงเป็นหลิงหยุน! เขาสามารถใช้กระบี่โลหิตแดนใต้กับเพลงกระบี่นวสังหารต้านทานดาบยาว และเพลงดาบที่โหดเหี้ยมของโทคุงาวะไว้ได้ แต่โทคคุงาวะไม่เหลืออาวุธใดสำหรับปิดกั้นดาบสีดำทะมึนในมืออีกข้างของหลิงหยุนแล้ว โทคุงาวะ มุโตะจึงต้องเสียท่าให้กับหนึ่งในกระบวนท่าของเพลงกระบี่นวสังหารในที่สุด!
แม้แต่เย่ซิงเฉินยังเข้าใจผิดว่าไอดำทะมึนที่พวยพุ่งออกมานั้นเป็นไอดำจากกระบี่โลหิตแดนใต้!
หลิงหยุนใช้กระบวนท่าสังหารชีวิตของเพลงกระบี่นวสังหารตัดแขนข้างขวาของโทคุงาวะมุโตะได้ ทำให้โทคุงาวะสูญเสียการโจมตี และอ่อนกำลังลงทันที
ด้วยเหตุนี้เย่ซิงเฉินจึงสามารถใช้ผ้าแพรปีศาจรัดร่างของเขาไว้ได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นและหลิงหยุนก็จัดการส่งโทคุงาวะ มุโตะไปเกิดในภพภูมิใหม่ทันที..
“เจ้านาย..ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่”
ทันทีที่เจสเตอร์เห็นหลิงหยุนทรุดลงไปกองกับพื้นเช่นนั้นมันก็รีบบินเข้าไปหาหลิงหยุนด้วยสีหน้าตกอกตกใจ พร้อมกับโน้มตัวลงไปช่วยพยุงร่างของหลิงหยุนไว้ทันที
และนี่คือสัญชาติญาณของแวมไพร์บริวาร..การปกป้องหลิงหยุนเป็นเรื่องที่ต้องมาก่อนสิ่งใด..
อีกทั้งเวลานี้เจสเตอร์เองก็เพิ่งจะได้พบกับธิดาพรรคมาร– เย่ซิงเฉินเป็นครั้งแรก และมันเองก็สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของหญิงสาวผู้นี้ เพียงแต่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าหญิงสาวซึ่งมีผ้าแพรสีดำพันรอบตัวผู้นี้ จะเป็นมิตร หรือว่าเป็นศัตรูของหลิงหยุนกันแน่
แวมไพร์นั้นมีสัญชาติญาณในการรับรู้ถึงอันตรายได้ค่อนข้างรุนแรงเจสเตอร์จึงรู้สึกหวาดกลัวต่อพลังอำนาจในตัวเย่ซิงเฉิน..
หลังจากที่ทรุดลงไปกองกับพื้นและหายใจอย่างเหนื่อยหอบครู่ใหญ่ หลิงหยุนจึงเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา
ปัง!!
ทันทีที่น้ำเต้าวิเศษปรากฏขึ้นในมือซ้ายของหลิงหยุนน้ำเต้าวิเศษก็ร่วงหล่นลงกระแทกกับพื้นเสียงดัง!
เวลานี้หลิงหยุนหมดเรี่ยวแรงจนกระทั่งไม่สามารถถือน้ำเต้าวิเศษไว้ได้จนมันร่วงหล่นลงไปกับพื้น
“เจสเตอร์..เจ้าช่วยยกน้ำเต้านี้ รินใส่ปากข้าที!” หลิงหยุนเหลือบมองเจสเตอร์พร้อมกับพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ
แม้แต่เจสเตอร์ยังสัมผัสได้ถึงอันตรายและหวาดกลัวธิดาพรรคมาร แล้วมีหรือที่หลิงหยุนจะไม่รู้สึกวิตกกังวลในตัวนาง
ธิดาพรรคมารนั้นทำตัวราวกับภูตผีวิญญาณอีกทั้งบุคลิก และอุปนิสัยก็ดูขึ้นๆลงๆ อารมณ์แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทุกครั้งที่นางปรากฏตัว ก็มักจะสร้างแต่ปัญหาให้กับเขาไม่มากก็น้อย เวลานี้หลิงหยุนหมดเรี่ยวแรงจนลุกขึ้นยืนแทบไม่ได้เช่นนี้ เขาจะกล้ามั่นใจได้อย่างไรว่าธิดาพรรคมารจะไม่ฉวยโอกาสลงมือกับตนเองในตอนนี้
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ยังรู้สึกโล่งใจอยู่บ้างที่สัญชาติญาณของตัวเองนั้นบ่งบอกว่า ธิดาพรรคมารผู้นี้ไม่ได้ต้องการสังหารเขาอย่างแน่นอน!
เจสเตอร์รีบใช้มือข้างหนึ่งยกน้ำเต้าวิเศษขึ้นมาแต่มันถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่าน้ำเต้าวิเศษนั้นหนักกว่าที่มันคิดไว้มาก และไม่สามารถยกขึ้นด้วยมือข้างเดียวได้
“อู้ว..!หนักมากเลยเจ้านาย!”
เจสเตอร์ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจและได้แต่นึกประหลาดใจที่ผ่านๆ มานั้น เจ้านายของมันสามารถยกขึ้นดื่มด้วยมือข้างเดียวได้อย่างง่ายดาย..
เจสเตอร์จึงต้องใช้มือทั้งสองข้างแบกน้ำเต้าวิเศษขึ้นและนำไปจ่อไว้ที่ปากของหลิงหยุน แล้วค่อยๆ รินน้ำลายมังกรเข้าปากของเขา
ทันทีที่น้ำลายมังกรไหลลงผ่านลำคอของหลิงหยุนพละกำลังของเขาก็กลับฟื้นคืนในทันที และด้วยพลังชีวิตจากน้ำลายมังกร หลิงหยุนจึงสามารถเดินวิชาพลังลับหยิน-หยาง จุดตันเถียนของหลิงหยุนจึงเริ่มหมุน และค่อยๆ สร้างพลังปราณขึ้นก่อนจะไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณทั่วร่างกาย..
เมื่อพละกำลังกลับมา..หลิงหยุนจึงใช้สองมือของตนเองยกน้ำเต้าวิเศษ และดื่มเข้าไปอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะนั่งหลับตานิ่ง..
เย่ซิงเฉินที่ชักผ้าแพรปีศาจกลับมาพันไว้ที่มือทั้งสองข้างเรียบร้อยแล้วนั้นเมื่อได้เห็นหลิงหยุนทรุดลงไปกองกับพื้นเช่นนั้น ก็ถึงกับตกใจจนเกือบจะวิ่งเข้าไปดู ซึ่งนางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงอยากทำเช่นนั้น แต่แล้วกลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ และเพียงแค่จ้องมองหลิงหยุนนิ่ง จนกระทั่งเมื่อพบว่าหลิงหยุนมีสีหน้าที่ดีขึ้นมากหลังจากที่ได้ดื่มบางสิ่งบางอย่างในน้ำเต้านั้น นางจึงเดินไปสำรวจรอบๆ ยอดเขาอย่างเงียบๆ ก่อนจะไปหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าผาแห่งหนึ่ง ท่าทางคล้ายกับกำลังชื่นชมทัศนียภาพที่สวยงามรอบๆอยู่…
แต่หลิงหยุนนั้นรู้ดีว่าเย่ซิงเฉินไม่ได้กำลังชื่นชมทัศนียภาพแต่กำลังสำรวจดูรอบๆ เพื่อระมัดระวังความปลอดภัยให้กับตนเอง..
หลังจากที่ลมหายใจของหลิงหยุนกลับมาสงบนิ่งอีกครั้งแล้วบรรยากาศภายในยอดเขาเทียนเหมาเฟิงจึงกลับกลายเป็นเงียบสงัด และได้ยินเพียงแค่เสียงลมพัดหวีดหวิวอยู่ไม่หยุด อีกทั้งยังพัดเอากลิ่นคาวเลือดให้คละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณอีกด้วย
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป..หลิงหยุนจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วจึงลุกขึ้นยืน..
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นหลิงหยุนจึงสามารถฟื้นฟูพลังปราณในร่างกายได้เพียงแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับหลิงหยุนที่จะใช้สำหรับป้องกันตัวได้แล้ว
“เจสเตอร์..เจ้าไปจัดการกับซากศพพวกนั้นให้เรียบร้อยด้วย!”
หลิงหยุนยืดตัวตรงและร้องสั่งเจสเตอร์พร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปหาธิดาพรรคมาร และทั้งคู่ก็ยืนเคียงข้างกันอยู่เช่นนั้น..
แต่น่าแปลกที่เย่ซิงเฉินไม่เพียงไม่พูดคุยกับหลิงหยุนแม้แต่คำเดียวหนำซ้ำยังไม่หันมามองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำไป!
ในเมื่อเย่ซิงเฉินไม่พูดอะไรหลิงหยุนจึงไม่เอ่ยปาก.. ต่างฝ่ายต่างยืนนิ่งเงียบฟังเสียงลมพัดหวีดหวิวอยู่เช่นนั้น..
แต่เมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าถึงเวลาที่ควรจะพูดจากันบ้างแล้ว..
เย่ซิงเฉิน– “ดูท่าคืนนี้คงจะไม่มีใครมาอีกแล้วล่ะ..”
หลิงหยุน– “เหตุใดเจ้าจึงไม่สังหารข้าทิ้งซะ”
หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน..ทั้งคู่ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาพร้อมกัน และหยุดพูดพร้อมกัน จากนั้นทั้งสองคนต่างก็หันไปมองหน้ากัน และสายตาของทั้งคู่ก็มาประสานกันอยู่ในระยะที่ใบหน้าห่างกันเพียงแค่สามฟุตเท่านั้น ต่างฝ่ายจึงต่างรู้สึกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต!
เจสเตอร์เองที่เพิ่งจะจัดการกับร่างไร้วิญญาณเสร็จเรียบร้อยเห็นภาพนั้นเข้าพอดี แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ จึงได้แต่ชะโงกหน้าออกไปดูอยู่ห่างๆ แล้วร้องออกไปอย่างไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
“เฮ้อ..บางทีพวกท่านก็ทำเหมือนเป็นคู่รักกัน!”
เจสเตอร์ร้องตะโกนออกไปพร้อมกับเป่าปากวี๊ดวิ้ว..
พรึบ!
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงพูดของเจสเตอร์ดีผ้าแพรปีศาจก็พุ่งผ่านหน้าเจสเตอร์ไปอ่ย่างน่ากลัว มันจึงรีบบินหนีขึ้นฟ้าทันที!
“เจ้าค้างคาว..เจ้าอยากตายมากงั้นรึ เจ้าคงคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าสินะ!”
น้ำเสียงเย็นชาของเย่ซิงเฉินดังขึ้นและไม่เปิดโอกาสให้เจสเตอร์ได้ต่อรองอะไร
“เจ้านายที่เคารพ..นางรังแกข้า!”
เจสเตอร์กระพือปีกบินหนีขึ้นไปอยู่ในที่สูงและรีบอ้าปากร้องตะโกนฟ้องหลิงหยุนทันที
“เจ้าบินไปที่อื่นสักครู่ก่อนข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง!” หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองเจสเตอร์พร้อมกับร้องตะโกนสั่ง
“ได้เจ้านาย..ถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกข้าได้เลย!”
เจสเตอร์สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเย่ซิงเฉินได้ดีมันจึงไม่กล้าที่จะอยู่นานนัก และรีบบินหนีออกไปทันที
หลังจากที่ร่างของเจสเตอร์บินลับสายตาไปแววตาของเย่ซิงเฉินก็เปลี่ยนไปทันที หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าสายตาของนางนั้น เปลี่ยนเป็นสายตาของหญิงสาวปกติทั่วไป และดูเหมือนจะมีอารมณ์บางอย่างซ่อนอยู่..
“นี่เจ้าพูดภาษาคนเป็นด้วยรึ”
หลิงหยุนถึงกับขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นและได้แต่คิดในใจว่าคำพูดเช่นนี้คงจะมีแต่เย่ซิงเฉินคนเดียวเท่านั้นที่กล้าพูดกับเขา..
“ก็น่าจะพอได้!”
หลิงหยุนคร้านที่จะสนใจกับอารมณ์ของผู้หญิงและไม่อยากถือสา อีกทั้งคืนนี้เย่ซิงเฉินก็ช่วยให้เขามีชีวิตรอดปลอดภัย หลิงหยุนจึงไม่สนใจเรื่องไร้สาระเช่นนี้!
เย่ซิงเฉินเหลือบมองหลิงหยุนเล็กน้อยแล้วจึงกระโดดไปยืนอยู่ข้างหม้อเสินหนง พร้อมกับหันมาถามหลิงหยุน..
“นี่คือหม้อเสินหนงที่เล่าขานกันจริงๆงั้นรึ”
หลิงหยุนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น!”
ในเมื่อเขากล้าที่จะเรียกหม้อเสินหนงออกมาต่อหน้าเย่ซิงเฉินจึงไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอะไรนาง และหลิงหยุนก็ไม่ต้องการที่จะปกปิดนางด้วย
เย่ซิงเฉินดูเหมือนจะไม่ชอบน้ำเสียงที่หลิงหยุนใช้พูดนักแต่ก็ร้องถามต่อว่า “เจ้านำมันมาจากใต้หลุมยักษ์งั้นรึ”
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น!”
เย่ซิงเฉินทำสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับร้องถามออกไป“นี่.. เจ้าพูดภาษาคนได้เท่านี้เองรึ”
แต่แล้วก็ถามต่อโดยไม่รอฟังคำตอบ“แล้วสมุดจักรพรรดิล่ะ.. อยู่กับเจ้าด้วยหรือไม่”
หลิงหยุนยิ้มบางพร้อมกับยื่นแขนทั้งสองข้างโบกไปมา“ครั้งนี้คำตอบคือ.. ไม่ใช่!”
น่าขัน..ทั้งสมุดจักรพรรดิ และพู่กันจักรพรรดิล้วนอยู่ในร่างกายของเขา แต่ต่อให้ฆ่าเขาตาย เขาก็ไม่มีทางยอมรับอย่างแน่นอน!
“ไม่อยู่กับเจ้าจริงรึ”เย่ซิงเฉินตาโตพร้อมกับร้องถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ได้อยู่กับข้าจริงๆ!”หลิงหยุนยังคงยืนกรานเสียงแข็ง และไม่ยอมรับ
เท้าเปล่าของเย่ซิงเฉินซึ่งไม่ได้สวมรองเท้าแต่เท้าของนางก็ไม่เคยสัมผัสกับพื้นดินเลยนั้น เคลื่อนเข้าไปหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว นางจ้องหน้าหลิงหยุนครู่ใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็ก้มหน้าลงพร้อมกับสั่งว่า
“ยื่นมือซ้ายของเจ้าออกมา!”
สีหน้าของหลิงหยุนเปลี่ยนไปทันทีและรีบชักมือซ้ายไปซ่อนไว้ด้านหลังทันทีพร้อมกับถามขึ้นอย่างสงสัย
“เจ้าจะทำอะไร”
ธิดาพรรคมารหัวเราะคิกคักพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าตกใจอะไรนักหนา! ข้าต้องการดูว่าเจ้าเล่นมายากลได้อย่างไรต่างหากเล่า”

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset