มองไปที่หวังเป่าเล่อ เซี่ยไห่หยางก็ตกใจเช่นกัน หวังเป่าเล่อในขณะนี้ ทำให้เขารู้สึกต่างไปจากในความทรงจำ ในความทรงจำของเขาหวังเป่าเล่อที่ยังไม่ได้ออกจากสหพันธ์ในตอนนั้น เป็นคนที่เข้มงวดมากคนหนึ่ง ดข้มงวดกับตัวเอง และยิ่งโหดกับศัตรู
แต่ไม่เพียงแค่เท่านี้ แม้จะพบกันที่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อีกครั้ง ความรู้สึกของเซี่ยไห่หยางที่มีต่อหวังเป่าเล้อก็ยังคงคิดว่าอีกฝ่ายมีจิตใจที่ไม่ธรรมดาและโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ขาดราศีบางอย่างไป แม้จะคุ้มค่าที่จะลงทุนมากแต่เมื่อได้ผลประโยชน์เพียงพอแล้ว ก็ใช่ว่าจะทิ้งไม่ได้
แต่ว่าตอนนี้…มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะการเปลี่ยนแปลงทางภูมิหลังของหวังเป่าเล่อ ที่สำคัญกว่านั้นคือราศีความเผด็จการที่แสดงออกมานั้น ซึ่งเซี่ยไห่หยางเห็นได้จากบนตัวคนไม่กี่คนเท่านั้น แต่ไม่มีข้อยกเว้น ผู้ที่มีราศีเหล่านี้ หากไม่ตายไปตั้งแต่เด็ก ความสำเร็จนั้นก็คงไม่ธรรมดา และความสำเร็จของแต่ละคนก็ทำให้เขาต้องแหงนหน้าขึ้นมองเท่านั้น
ในความเป็นจริงหวังเป่าเล่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองนานแล้ว เขาก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของความคิดแบบนี้ ไม่ใช่เพราะตัวเองมีอาจารย์เพิ่มมาคนหนึ่ง แต่เป็นเพราะการฝึกฝนเวทผนึกดารา!
ในขณะที่เขาสกัดรวมแผนที่ดวงดาวเก่า มันก็ค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อตัวเขาเองด้วย ทำให้ความโหดเหี้ยมของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง กลั่นความเผด็จการออกมา การแสดงออกของความเผด็จการนี้คือการก้าวไปข้างหน้า เมื่อเผชิญหน้ากับความยากลำบากและอุปสรรคใดๆ ก็ตาม ก็จะไหลทวนกระแส ฆ่ากำจัดไปทุกทิศทาง!
ดาราจักรแห่งไฟในช่วงนี้ ราวกับว่ากำลังสะสมพลัง ในขณะที่เขาออกไป หากไม่มีใครมาหาเรื่องก็ไม่เป็นไร แต่หากมีคนมาหาเรื่อง ถ้างั้นพลังนี้ของเขาก็จะระเบิดออกมา
การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ หวังเป่าเล่อไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อชะตากรรมต่อจากนี้ และการรอคอยของเขาก็ไม่นานเกินไป ผ่านไปอีกครึ่งเดือน หลังตลาดอวกาศตระกูลเซี่ยข้ามผ่านท้องฟ้าก็ปรากฎดาราจักรที่ไม่คุ้นเคย ระหว่างที่เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เรือเหาะอันดับหนึ่งที่เขาอยู่ก็นำพาผู้คนที่จะไปร่วมพิธีฉลองอายุเข้าสู่ดาราจักรที่ไม่คุ้นเคยที่มีชื่อว่าดาวชะตาท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง
และในชั่วขณะที่เรือเหาะเดินทางเข้าสู่ดาราจักรดาวชะตา เรือเหาะอันดับหนึ่งที่พวกเขาอยู่ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง บริเวณด้านหลังเรือเหาะมีประกายแสงส่องสว่างออกมา แล้วก็มีพลังวงแหวนเคลื่อนย้ายแผ่ขยายไปทั่วทั้งเรือเหาะกะทันหัน
นี่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอกและไม่ได้ถูกโจมตี แต่มีใครบางคนทำการเปิดวงแหวนเคลื่อนย้ายบนเรือเหาะตระกูลเซี่ย มันกำลังเคลื่อนย้ายโดยตรงจากจุดที่ห่างไกลมาที่นี่
ฉากนี้ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดบนเรือเหาะในทันที หลังจากที่หวังเป่าเล่อสังเกตเห็น เขาก็ไปที่ระเบียงและมองไปไกลๆ ขณะที่รับรู้ความผันผวนโดยรอบ จิตสำนึกของเขาก็ขยายออกไปทำการสังเกตทันที ในเวลาเดียวกันก็สังเกตเห็นสีหน้าของเซี่ยไห่หยาง ซึ่งเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลง
“มีปัญหาอะไรหรือ?” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเซี่ยไห่หยางดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อเอ่ยปากถามขึ้นว่า
“ตระกูลของข้าได้สร้างวงแหวนเคลื่อนย้ายไว้บนเรือเหาะทุกลำ แต่วงแหวนนี้ไม่ได้เปิดเผยต่อคนนอก…เฉพาะคนในตระกูลเท่านั้นที่จะสามารถใช้งานได้ และทุกครั้งที่มีการใช้งานก็จะต้องใช้เงินของตระกูลปริมาณมาก ”
“นอกจากนี้… ยิ่งระยะการเคลื่อนย้ายอยู่ไกลออกไปเท่าใดค่าใช้จ่ายก็ยิ่งสูง คลื่นการเคลื่อนย้ายและแสงสว่างก็จะยิ่งคงอยู่นานมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้วงแหวนเคลื่อนย้ายถูกเปิดมานานกว่าสามสิบวินาทีแล้วแต่ก็ยังไม่สิ้นสุด แสดงว่าคนคนนี้…สถานที่ที่อยูห่างไกลจากที่นี่เป็นอย่างมาก! ”
“ซึ่งเลือกมาในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่ามาเข้าร่วมพิธีฉลองอายุของประมุขกฏสวรรค์ ข้าว่าข้ารู้แล้วว่าคนที่มาเป็นใคร!” สีหน้าของเซี่ยไห่หยางมืดมน นัยน์ตามีเส้นเลือดปรากฏ พูดด้วยเสียงต่ำว่า
“เป็นพี่ชายในตระกูลข้า สมาชิกสายหลักของตระกูล เซี่ยอวิ๋นเถิง ที่จัดอยู่ในลำดับที่ห้าของรุ่นนี้! ”
“ส่วนข้าอยู่ในลำดับที่เก้า ระหว่างข้ากับเขามีความแค้นที่ไม่อาจสลายได้!!” เซี่ยไห่หยางพูดถึงตรงนี้ คลื่นการเคลื่อนย้ายที่อยู่ห่างออกไปก็รุนแรงขึ้น ราวกับแสงอันสว่างจ้านั้นจะครอบคลุมไปทั่วทั้งเรือเหาะ และสมาชิกตระกูลเซี่ยจำนวนมากบนเรือเหาะต่างเหาะออกไป และตรงดิ่งไปยังวงแหวนเคลื่อนย้าย พวกเขาไม่ได้เข้าใกล้ แต่ก้มศีรษะลงด้วยความเคารพอยู่รอบนอก
มีเพียงเฒ่าโอสถและผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์คนอื่นๆ ถึงสามารถข้ามผ่านคลื่นการเคลื่อนย้ายเข้าไปถึงด้านใน รอคอยอยู่ที่นั่นได้!…ไอลีนโนเวล
ในเวลาต่อมา เสียงคำรามดังกึกก้องทั่วท้องฟ้าเสียงหนึ่ง ในแสงนั่นเงาร่างเก้าร่างก็ปรากฏขึ้นตรงแกนกลางของคลื่นการเคลื่อนย้าย!
มีคนอยู่ด้านหน้า แปดคนอยู่ด้านหลัง เงาร่างของพวกเขารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว กลุ่มเฒ่าโอสถที่อยู่ด้านนอกวงแหวนปราณโค้งคำนับด้วยท่าทางเคร่งขรึมในทันที
“คำนับท่านชายห้า!”
เสียงของพวกเขาแผ่ขยายออกไป คนของตระกูลเซี่ยที่อยู่รอบนอกต่างก้มโค้งคำนับ เสียงของพวกเขาประสานกัน แพร่กระจายออกไป
“คำนับท่านชายห้า!”
ภายใต้การคำนับของเหล่าผู้คน ในที่สุดเงาร่างทั้งเก้าในวงแหวนเคลื่อนย้ายก็รวมตัวโดยสมบูรณ์ และปรากฏต่อหน้าทุกคน แปดคนด้านหลังสวมชุดคลุมยาวสีดำ มีทั้งชายและหญิง ทั้งแก่และหนุ่มสาว แต่ละคนต่างก็มีปราณระดับดารานิรันดร์ที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา บนตัวยิ่งเต็มไปด้วยไอพิฆาต เห็นชัดว่าระดับของแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่ก็เป็นมือสังหารพร้อมกันด้วย
และที่อยู่แปดคนที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขา มีชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีทองยืนอยู่ คนคนนี้เป็นชายหนุ่มผู้มีผมดำพริ้วไหว ใบหน้าหล่อเหลาไม่ธรรมดา มีความคล้ายคลึงกับเซี่ยไห่หยางอยู่บ้าง แต่หากเทียบกันแล้วก็จะให้ความรู้สึกราวฟ้ากับเหว เพราะโดยรวมแล้วละก็เซี่ยไห่หยางก็ยังธรรมดาเกินไปหน่อย
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองนี้ ระดับการฝึกฝนอยู่แค่ระดับชั้นมหาวัฎจักรดาวพระเคราะห์เท่านั้นแท้ๆ แต่คนทั้งคนกลับเปล่งประกาย ให้ความกดดันบางอย่างที่มองไม่เห็นออกมา
ในขณะเดียวกันก็มีร่องรอยของรัศมีความชั่วร้ายซึ่งดูเหมือนจะซ่อนอยู่ระหว่างคิ้วของเขา หลอมเข้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาแล้วกลายเป็นความดุร้าย และการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนที่เห็นคนคนนี้แล้วจะไม่มีวันลืม
“อีกนิดเดียว ก็จะมาสายแล้ว ” ชายหนุ่มใช้นิ้วก้อยกดนวดกลางคิ้ว น้ำเสียงมีความรู้สึกออดอ้อนบางอย่าง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาค่อยๆ หรี่ลง สายตาของเขาราวกับสายฟ้าแลบตัดผ่านท้องฟ้า พริบตาก็เคลื่อนย้ายไปตรงที่เซี่ยไห่หยางที่ยืนอยู่ข้างๆ หวังเป่าเล่อ บนระเบียงบนหอรับรองพิเศษในตลาดทันที!
“น้องเก้า ยังไม่มาโค้งคำนับข้าอีก!”
อยู่ห่างกันมากแท้ๆ อีกอย่างเป็นเพียงเสียง แต่ในขณะที่คำพูดของเขาถูกส่งออกมา เสียงนั้นดูเหมือนจะมีพลังที่น่าตกใจ ดังกึกก้องบนระเบียงที่หวังเป่าเล่อและเซี่ยไห่หยางอยู่ในทันที
พลังนี้ร้ายกาจเป็นอย่างมาก ราวกับว่าสามารถบิดเบือนได้ทุกสิ่ง ยิ่งส่งผลต่อจิตวิญญาณ ในชั่วขณะที่ระเบิดออกมา มันกลายเป็นสายฟ้าสีทองจำนวนมากปกคลุมเซี่ยไห่หยางในทันที ราวกับมีมือยักษ์กำลังจะจับตัวเซี่ยไห่หยางไว้ และดึงลากไป!
เซี่ยไห่หยางกำลังจะขัดขืน แต่ตามที่สีหน้าของเขาปรากฏเป็นสีแดงเข้ม ร่างกายก็สั่นราวกับว่าเขาถูกกดทับไว้ ไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย และในขณะนี้เสียงจากชายหนุ่มที่สวมชุดทองก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ตระกูลได้เอาพลังการปกป้องสายเลือดของเจ้ากลับมาแล้ว เจ้าในตอนนี้เผชิญหน้าผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นผู้รักษากฎอย่างข้า ภายใต้ความกดดันของสายเลือดก็ไร้ซึ่งความสามารถในการต่อต้านแล้ว มาหาข้าซะดีๆ !!” ตามเสียงถูกส่งมา มือยักษ์ที่สร้างมาจากสายฟ้าสีทองบนตัวของเซี่ยไห่หยางกำลังจะดึงเซี่ยไห่หยางขึ้นมา แต่ในเวลานี้ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อฉายแววเย็นชา เท้าขวายกขึ้น ก้าวไปข้างหน้าเบาๆ ก้าวหนึ่ง!
ภายใต้การก้าวขานี้ อยู่ๆ ก็มีกระแสคลื่นแผ่ขยายออกไปจากเท้าของเขา และเกิดเสียงดังกรุบๆ มือยักษ์สายฟ้าสีทองที่อยู่บนร่างกายของเซี่ยไห่หยาง ก็กลายเป็นแผ่นกระดาษในทันที มันสูญเสียพลังเทพทั้งหมดไป ร่วงหล่นลงมาราวกับเกล็ดหิมะ
ร่างกายเซี่ยไห่หยางสั่นไหว หลังจากถูกปลดพันธนาการออกก็ถอยหลังหลายก้าว เอ่ยพูดอย่างเร่งรีบว่า
“เป่าเล่อ ข้าทำให้เจ้าลำบากแล้ว เห็นทีว่าในตระกูลจะเกิดเรื่องขึ้น เขามีการเตรียมพร้อมมาและได้ควบคุมเรือเหาะแล้ว เราอยู่ที่นี่จะเสียเปรียบมาก จำเป็นต้องจากไปทันที! ”
“จะไปไหนรึ?” แทบจะในทันทีที่เซี่ยไห่หยางพูดออกมา ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองในวงแหวนปราณก็ปรากฏตัว แววตาฉายแววความโหดเหี้ยม ร่างกายเขาสั่นทันที กลายเป็นสายรุ้งยาวคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าและตรงมาสู่ตลาด
เงาร่างระดับดารานิรันทร์ทั้งแปดคนด้านหลังก็พร่ามัวในทันที หลังจากนั้นเมื่อมองจากระยะไกลก็เห็นว่าพวกเขาสั่นไหวไปทั่วทุกทิศทาง คนทั้งเก้านี้เปรียบเสมือนมีดคมเก้าเล่มที่ใกล้เข้ามาชั่วพริบตา!
ส่วนเซี่ยอวิ๋นเถิงที่อยู่ด้านหน้าสุด ชั่วขณะที่เข้าใกล้ เงาร่างของเขาอยู่กลางอากาศ ยกมือขวาขึ้นชี้ไปทางระเบียง และกดลงทันใด พริบตานั้นสายฟ้าสีทองนับไม่ถ้วนก็คำรามรวมตัวกันจากทุกทิศทาง อึดใจเดียวก็สร้างมือยักษ์สีทองขนาดกว่าพันจั้งขึ้นมาแล้วประทับลงมา!
“ใครบอกว่าข้าจะไปกัน?” หวังเป่าเล่อหรี่ตา มองดูมือยักษ์ที่กำลังจุติลงมาแล้วพูดขึ้นเรียบๆ
…………………………………………………