War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3461

ตอนที่ 3461 : กงซุนชวนหยวน
 
การลงมืออันดุร้าของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น กับชายยหนุ่มในชุดคลุมสีเลือด เรียกว่าทําให้ผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และทําให้แต่ละคนตระหนักได้ถึงอันตราย เช่นนั้นเมื่อเกิดเรื่องราวท่าไม่ดีขึ้นมา แต่ละคนก็เร่งบดขยี้ป้ายหยกเพื่อถอนตัวทันที
 
เจออะไรผิดท่าแล้วบดขยี้ป้ายหยก แม้จะทําให้ตกรอบ แต่ก็ดีกว่าต้องทิ้งชีวิต
 
อัจฉริยะรุ่นว์ที่เข้าร่วมศึกอัจฉริยะไม่วว่าใครก็ล้ววนเป็นสุดยอดอัจฉริยะในที่ๆตัวเองจากมา ถึงแม้การเข้าร่วมศึกอัจฉริยะอาจทําให้พวกมันสร้างชื่อเสียงได้ อย่างน้อยๆถึงงจะไม่ได้แสดงผลงานเลิศลําอะไร แต่แค่มีส่วนร่วมในศึกอัจฉริยะสวรรค์ กลับไปก็มีชื่อเสียงแล้ว
 
“เจ้านั่นพวกเรามิอาจตอแยด้วยได้…ข้าว่า ข้าไปก่อนดีกว่า”
 
“ใช่ อยู่ใกล้ๆตัวอํามหิตเช่นนี้อันตรายเกินไป ข้าถอนตัวไปรอดูรอบที่ 3 ดีกว่า สุดท้ายแล้วหากมีใครที่ข้าพอจะเอาชนะได้ ก็ไม่ใช่ว่าสามารถกลับเข้าสู่การประลองได้อีกครั้งหรือไร?”
 
“พวกเจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว เก่งจริงก็มาตัวๆกับข้าสิ อาศัย 3 รุม 1 เยี่ยงนี้ช่างน่ารังเกียจนัก! ในเมื่อเจ้าคิดจะเอาเช่นนี้ข้าถอนตัวไปก่อนก็ได้ แล้วเจ้าก็ล้างคอรอข้าท้ารอบที่ 3 เอาไว้ได้เลย!”
 
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่กลัวตายเพราะอยู่ใกล้ๆยยอดฝีมืออํามหิตก็ดี หรือผู้ที่มีพลังฝีมือแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไปจึงไม่อาจทําอะไรได้มากในศึกชุลมุน รวมถึงผู้ที่ถูกกลุ้มรุมก็ดี หลายคนเร่งบดขยี้ป้ายหยกเพื่อถอนตัว และไปรอท้าสู้ในรอบที่ 3 แทน
 
ความจริงแล้วการประลองชุลมุนของคน 1,000 คน และคัดออก 700 ไม่สมควรจบไวนัก แต่เนื่องจากปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดจากการลงมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับชายหนุ่มในชุดคลุมสีเลือด ก็ทําให้ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 2 ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ถึงกาลยุติลง
 
ในบรรดาผู้ที่เหลือรอด 300 คนนั้น กว่า 9 ส่วนเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีพลังฝีมือขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานาม และส่วนใหญ่ยังเป็นเทพสงคราม 2 ดารา
 
นอกจากนั้นก็มีคนกลุ่มเล็กๆที่อาศัยการจ้างวานผู้อื่นให้ปกป้องตัวเอง จนสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 3 ได้
 
ถึงแม้อัจฉริยะที่ใช้เงินแก้ปัญหาเหล่านี้ จะมีพลังแคใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ด้วยภูมิหลังทั้งตระกูลอันมีรากฐานมั่นคงมั่งคั่งก็ทําให้พวกมันผ่านเข้ารอบมาได้
 
แต่เป็นธรรมดาว่าพวกมันรู้ดีแก่ใจ ว่าอย่างมากพวกมันก็ทําได้แค่ผ่านรอบ 2 เท่านั้น
 
พอถึงรอบที่ 3 พววกมันก็ถูกลิขิตให้ต้องถูกคัดออก
 
เพราะหลังผ่านรอบที่ 3 ไปแล้ว จะหลงเหลือแต่อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด 300 คนเท่านั้น หากพลังฝีมือไม่ถึงขั้นก็ย่อมถูกกรองออกเป็นธรรมดา
 
“ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 2 สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ หนึ่งเดือนต่อมา ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 3 จักเริ่มต้นขึ้น”
 
นี่คงไห่รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก กล่าวประกาศออกมาเสียงดังฟังชัด “3 วันต่อมา วิหารเฟิงฮ่าวของเราจักรวบรวมรายชื่อของผู้ที่ผ่านเข้ารอบที่ 2 ทั้ง 300 คนมาติดประกาศที่นี่ หลังจากประกาศรายชื่อแล้ว ทั้ง 700 คนที่ถูกคัดออกในวันนี้ ก็จักมีเวลาศึกษาข้อมูลของทั้ง 300 คนที่ผ่านเข้ารอบ สิ่งนี้เพื่อช่วยให้พวกเจ้าสามารถกําหนดเป้าหมายในการประลองที่จะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ 1 เดือนได้สะดวก
 
“ขอให้พวกเจ้าจงใช้โอกาสท้าประลองให้ดี เพราะพวกเจ้าแต่ละคนมีโอกาสในการท้าประลองชิงตําแหน่งแค่ 3 ครั้งเท่านั้น”
 
ในรอบที่ 2 นั้น อัจฉริยะทั้ง 700 คนที่ตกรอบ ก็มีโอกาส “ฟื้นคืนชีพ” ในรอบที่ 3 ขอเพียงพวกมันสามารถท้าประลองแล้วเอาชนะใครสักคนในบรรดา 300 คนที่ผ่านเข้ารอบมาก่อนภายในโอกาสท้าประลอง 3 ครั้ง พวกมันก็จะสามารถแทนที่อีกฝ่ายและผ่านรอบที่ 3 ทันที
 
“ หนึ่งเดือน?”
 
ซูหลี่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ “ไม่คิดเลยว่ากว่าจะเริ่มรอบที่ 3 ต้องรออีกเดือนนึง”
 
“ดูเหมือนเป็นเวลาที่จัดให้ 700 คนที่ตกรอบไปวันนี้โดยเฉพาะทั้งหมดเพื่อให้พวกมันศึกษาข้อมูลและพลังฝีมือของ 300 คนที่ผ่านเข้ารอบโดยละเอียด
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าว
 
“ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณเจ้า”
 
ตอนนี้เองจางเทียนโย่วกับว่างถึงก็กล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนออกมา เพราะหากวันนพวกมันไม่ได้หลบอยู่ด้านหลังพวกต้วนหลิงเทียน เกรงว่าอาศัยพลังฝีมือส่วนตัวของพวกมัน ก็ไม่แน่ว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้
 
และเป็นธรรมดาว่าตอนนี้พวกมันตกอู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาล
 
เพราะหลังจากผ่านไป 1 เดือน ไม่พ้นพวกมันต้องถูกผู้อื่นท้าทายแน่นอน ถึงตอนนั้นเรื่องจะผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ก็คงยากแล้ว
 
“อืม”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “อย่างไรก็มีเวลาหนึ่งเดือน เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปเตรียมตัวให้ดีเถอะ เพราะหนึ่งเดือนหลังจากนี้ พวกเจ้าต้องโดนผู้อื่นท้าแน่นอน”
 
จางเทียนโย่วกับว่างงถึงที่หนักใจกับเรื่องนี้แต่แรก พอได้ยินที่ต้วนหลิงเทียนพูด ก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นเมื่อม่านแสงจากค่ายกลกั้นเขตหายไป แต่ละคนก็พากันแยกย้ายกลับที่พัก เพื่อเร่งรุดบ่มเพาะทันที
 
ทําราวกับไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
 
ยังมีอีกหลายคนที่เร่งรุดจากไปเหมือนทั้งคู่
 
ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมจะกลับไปพร้อมซูหลี่และหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ได้ยินเสียงของฟังชิงหยางดัง ขึ้นเข้าหูเสียก่อน “เสี่ยวเทียน เจ้ามาหาข้าหน่อย พอดีสหายเก่าของข้าอยากเจอเจ้า”
 
พอได้ยินเสียงผ่านพลังของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวบอกซูหลี่กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น จากนั้นก็แยกตัววไปหาฟงชิงหยาง
 
ด้านฟงชิงหยางเองก็ยยังนั่งอยู่บนเกาะลอยเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน
 
“อาจารย์ อาจารย์ลุงติง”
 
พอมาถึงต้วนหลิงเทียนก็ทักฟงชิงหยางกับติงฟูก่อนใดอื่น จากนั้นก็หันไปมองจักรพรรดิอมตะ กระดูกมังกร เว่ยฉีที่ยืนอยู่ด้านหลังติงฟู พลางกล่าวทักอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่เว่ย”
 
“พบกันอีกแล้ว”
 
เว่ยฉีตอบด้ววยรอยยิ้มเช่นกัน
 
ด้านติงฟูก็หันไปมองพูดกับต้วนหลิงเทียนด้ววยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ศิษย์หลานต้วน สหายเจ้าดุร้ายเสียจนอาจารย์ลุงไม่ได้ดูเจ้าแสดงฝีมือเสียอย่างนั้น”
 
“ดูท่าหากคิดชมดูเจ้าสําแดงฝีมือเลิศล้ํา ก็จําต้องรอหลังจากนี้หนึ่งเดือนถ่ายเดียว”
 
หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 3 จะเริ่มต้นขึ้น และ 700 คนที่ตกรอบวันนี้ก็จะมีโอกาสท้าทาผู้ที่ผ่านเข้ารอบ
 
ต้วนหลิงเทียน ในฐานะศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียน ฟงชิงหยาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่พ้นต้องตกเป็นเป้าหมายการท้าทายของใครหลายๆคนแน่นอน!
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อิจฉาเขา แต่ละคนคงแทบรอท้าเขาไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม หลายคนก็คิดจะรอดูท่าทีของต้วนหลิงเทียนก่อน
 
เพราะจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เท่าที่เห็นก็คือ
 
อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นนยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 2 ดารา!
 
สําหรับเรื่องนี้ ติงฟู จักรพรรดิสวรรค์หวนสื่อเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ…ตัวตนที่มีพลังเทียบได้กับยอดฝีมือเทพสงคราม 2 ดารา ด้วยวัยเพียง 600 ปีเศษ? สิ่งนี้สามาถรพูดได้ว่าสัตว์ประหลาดชัดๆ!
 
ต่อให้เป็นเทพสงคราม 5 ดาราที่มีอายุ 900 กว่าปี ในตอนที่ยังมีอายุ 600 ปีก็ไม่อาจบรรลุความสําเร็จได้ถึงระดับนี้ด้วยซ้ํา
 
นอกจากนั้นจากสถิติในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกทั้งมวลแล้ว ก็มีแต่ผู้ที่จะเป็นเทพ สงคราม 6 ดาราได้ตั้งแต่อายุไม่ถึงพันปีเท่านั้น ถึงจะกายเป็นเทพสงคราม 2 ดาราได้ตั้งแต่อายุ 600 ปี!
 
“ศิษย์หลานต้วน หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน อาจารย์ลุงจะรอดูชมฝีมือเจ้า”
 
เห็นได้ชัดว่าติงฟูก็รู้ว่าฟงชิงหยางก็กําลังจะพบปะสหายเก่า เช่นนั้นหลังจากยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกคํา มันก็หันไปอําลาฟงชิงหยางแล้วพาเว่ยฉีเหินห่างจากไปทันที
 
ตอนนี้คนอื่นๆก็เริ่มแยกย้ายกันกลับแล้วว
 
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
 
ไม่นานนักก็ปรากฏร่าง 3 ร่างเหินลัดฟ้ามาแต่ไกล พริบตาก็มาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน
 
หนึ่งในนั้นต้วนหลิงเทียนรู้จักดี กระทั่งเคยประมือกันมาแล้ว…กล่าวให้ชัดคือเป็นเขาเตะผู้อื่นปลิวตอนที่มันไม่ทันตั้งตัวจนเจ็บหนัก!
 
ส่วนอีก 2 คนนั้น แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอซึ่งๆหน้า แต่เขาก็รู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายดี
 
จักรพรรดิสวรรค์แห่งชวนหยวนเทียน กงซุนชวนหยวน!
 
อีกคนก็คือ อวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 3 ของกงซุนซวนหยวน
 
อวี๋ตงฟางมีรูปร่างปานกลางไม่สูงไม่ต่ํา พอมายืนอยู่ข้างๆถงถูที่ตัวสูงใหญ่ ก็ทําให้แลดูตัวเตี้ยไปถนัดตา อย่างไรก็ตาม ลักษณะท่าทางและความรู้สึกที่ส่งออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ก็กลบถมความเตี้ยได้หมดจด ทําให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามและความไม่ธรรมดาของมัน
 
“จักรพรรดิสวรรค์ฟง เห็นท่านลงมือวันนี้ นับว่าร่างอวตารกฏแห่งดินของท่านร้ายกาจจริงๆ”
 
กงซุนชวนหยวน จักรพรรดิสวรรค์แห่งชวนหยวนเทียน เป็นชายวัยกลางคนที่แลดูสง่างามมากราศี มาในชุดคลุมปักลายมังกรสีทอง
 
และอีกฝ่ายกําลังมองกล่าวกับฟงชิงหยางอย่างทอดถอนใจ
 
ย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่ฟงชิงหยางรอดกลับออกมาจากนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก และมีข่าวลือกันหนาหูว่าบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว กงซุนชวนหยวนก็ได้มาหาเป็นการส่วนตัวเช่นกัน
 
ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้ประมือกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว หากแต่อาศัยแค่กระบวนท่าเดียว กงซุนชวนหวนก็ตระหนักได้ถึงช่อว่างระหว่างมันกับฟังชิงหยางทันที
 
อีกทั้งเป็นแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินเท่านั้น ที่ครอบงํามัน!
 
ต้องทราบด้วยว่าในอดีตยามประมือกับฟังชิงหยางที่ใช้กฏทําลายล้าง มันก็ยังประมือกับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี
 
ทว่าในวันนั้น อาศัยแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินป้อนมาหนึ่งกระบวนท่าก็บดขี้มันได้อย่าง
ง่ายดาย
 
พลังเทพนั้นร้ายกาจเหนือจินตนาการจริงๆ!
 
“จักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว ก็แค่การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏกับวิถีกระบี่เท่านั้น”
 
ฟงชิงหยางส่ายหัวไปมา พลางกล่าวเชิญกงซุนซวนหยวนให้นั่งลงด้วยรอยยิ้ม
 
ตอนนี้เอง 2 คนที่ติดตามอยู่ด้านหลังกงซุนซวนหยวน อวี๋ตงฟาง กับถงถู ก็โค้งคารวะฟงชิงหยางอย่างสุภาพ “คารวะจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
 
ต้วนหลิงเทียนก็ประสานมือคารวะกงซุนซวนหยวนเช่นกัน “ต้วนหลิงเทียนขอคารวะจักรพรรสวรรค์ชวนหยวน”
 
ถึงแม้แซ่ของกงซุนซวนหยวนจะเป็นกงซุน แต่ก็มีไม่กี่คนที่เรียกหามันว่าจักรพรรดิสวรรค์กงซุน หลายคนนิยมเรียกว่าจักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนมากกว่า
 
แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนเรียกหาอีกฝ่ายตามอาจารย์
 
“ศิษย์หลานต้วน เจ้าพึ่งมีอายุได้ 600 ปีเศษ แต่เจ้ากลับประสบความสําเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ เรื่องนี้น่าฟังยิ่ง”
 
กงซุนซวนหยวนกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วท่าที่เป็นมิตรอย่างมาก “ความสําเร็จในภายภาคหน้าของเจ้า เกรงว่าจะเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงอาจารย์ของเจ้าเสียอีก”
 
พอกล่าวจบคํา ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้พูดอะไร กงซุนซวนหยวนก็หันไปกล่าวถามฟังชิงหยางด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดิสวรรค์ฟงเห็นว่าเป็นเช่นไร?”
 
ฟงชิงหยางคลี่ยิ้ม “ข้าเชื่อวว่าเสี่ยวเทียนเป็นสีครามที่มาจากสีน้ําเงินแต่เข้มกว่าสีน้ําเงิน”
 
วาจากล่าวตอบสั้นๆของฟงชิงหยาง ก็เผยให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน และกระทั่งกงซุนซวนหยวนเองยังอดตกใจไม่ได้กับคําตอบดังกล่าว
 
ก่อนที่ฟงชิงหยางจะตอบ มันหลงคิดว่าฟงชิงหยางอาจกล่าวตอบมาอย่างถ่อมตัวและขอไปที
 
แต่ทว่าด้วยสีหน้าท่าทางขณะกล่าวตอบนั่น เห็นได้ชัดว่าฟงชิงหยางคิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้แค่พูดลอยๆ
 
“ถงถู”
 
ตอนนี้เองกงซุนชวนหยวนก็เอ่ยคําออกมาเสียงเบา
 
ส่วนด้านถงถูที่พอได้ยินอาจารย์เรียกทักก็สะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นมันก็แลดูอีกอักแต่สักพักก็ได้แต่กล่าวคําขอโทษด้วนหลิงเทียนออกมา “ศิษย์น้องต้วน เรื่องวันก่อนที่ข้าเสียมารยาทไป ต้องขออภัยเจ้าด้วย”
 
ถึงแม้อีกฝ่ายจะกล่าวคําขอโทษออกมา แต่ดูจากสีหน้าท่าทีของอีกฝ่ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าถงถูไม่เต็มใจจะขอโทษเขา ที่ทําไปก็เพราะโดนกงซุนชวนหยวนบีบให้ทําเท่านั้น
 
“เจ้าไม่จําเป็นต้องขออภัยอะไรข้าหรอก”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว ก่อนจะมองถงถูตาเขม็ง “สุดท้ายวันนั้น ก็ไม่ใช่ข้าที่เป็นคนเจ็บ”
 
“เจ้า!”
 
ได้ยินคําพูดของต้วนหลิงเทียน ทั้งสายตาที่มองจ้องมานั่น สีหน้าถงถูกเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที
 
พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดพุ่งพล่านออกมาทั่วร่าง ก่อนจะเข้าสู่สภาวะพร้อมสู้รบทันที
 
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะปะทุพลังทําอะไร มันก็นึกขึ้นได้จากที่ท่าของต้วนหลิงเทียนตอนพบเจอกับการทดสอบรอบแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์ และนั่นบอกให้รู้ว่า 9 ใน 10 พลังฝีมือผู้อื่นกล้าแข็งกว่ามัน!
 
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสที่ท่าไม่พอใจทั้งอึดฮัดของถงถูแม้แต่น้อย เพียงมองกงซุนซวนหยวนด้วยหัวใจที่สั่นไหว
 
พระช่วย!
 
นี่ก็คือ กงซุนชวนหยวน หนึ่งในตัวตนยุค 3 กษัตริย์ 5 จักรพรรดิ สมัยจักรพรรดิเหลืองในตํานานโบราณของประเทศบ้านเกิดเขาเมื่อชาติที่แล้ว!
 
ตอนนี้ตํานานตัวเป็นๆกําลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขา!
 
Related
ตอนที่ 3461 : กงซุนชวนหยวน
 
การลงมืออันดุร้าของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น กับชายยหนุ่มในชุดคลุมสีเลือด เรียกว่าทําให้ผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และทําให้แต่ละคนตระหนักได้ถึงอันตราย เช่นนั้นเมื่อเกิดเรื่องราวท่าไม่ดีขึ้นมา แต่ละคนก็เร่งบดขยี้ป้ายหยกเพื่อถอนตัวทันที
 
เจออะไรผิดท่าแล้วบดขยี้ป้ายหยก แม้จะทําให้ตกรอบ แต่ก็ดีกว่าต้องทิ้งชีวิต
 
อัจฉริยะรุ่นว์ที่เข้าร่วมศึกอัจฉริยะไม่วว่าใครก็ล้ววนเป็นสุดยอดอัจฉริยะในที่ๆตัวเองจากมา ถึงแม้การเข้าร่วมศึกอัจฉริยะอาจทําให้พวกมันสร้างชื่อเสียงได้ อย่างน้อยๆถึงงจะไม่ได้แสดงผลงานเลิศลําอะไร แต่แค่มีส่วนร่วมในศึกอัจฉริยะสวรรค์ กลับไปก็มีชื่อเสียงแล้ว
 
“เจ้านั่นพวกเรามิอาจตอแยด้วยได้…ข้าว่า ข้าไปก่อนดีกว่า”
 
“ใช่ อยู่ใกล้ๆตัวอํามหิตเช่นนี้อันตรายเกินไป ข้าถอนตัวไปรอดูรอบที่ 3 ดีกว่า สุดท้ายแล้วหากมีใครที่ข้าพอจะเอาชนะได้ ก็ไม่ใช่ว่าสามารถกลับเข้าสู่การประลองได้อีกครั้งหรือไร?”
 
“พวกเจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว เก่งจริงก็มาตัวๆกับข้าสิ อาศัย 3 รุม 1 เยี่ยงนี้ช่างน่ารังเกียจนัก! ในเมื่อเจ้าคิดจะเอาเช่นนี้ข้าถอนตัวไปก่อนก็ได้ แล้วเจ้าก็ล้างคอรอข้าท้ารอบที่ 3 เอาไว้ได้เลย!”
 
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่กลัวตายเพราะอยู่ใกล้ๆยยอดฝีมืออํามหิตก็ดี หรือผู้ที่มีพลังฝีมือแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไปจึงไม่อาจทําอะไรได้มากในศึกชุลมุน รวมถึงผู้ที่ถูกกลุ้มรุมก็ดี หลายคนเร่งบดขยี้ป้ายหยกเพื่อถอนตัว และไปรอท้าสู้ในรอบที่ 3 แทน
 
ความจริงแล้วการประลองชุลมุนของคน 1,000 คน และคัดออก 700 ไม่สมควรจบไวนัก แต่เนื่องจากปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดจากการลงมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับชายหนุ่มในชุดคลุมสีเลือด ก็ทําให้ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 2 ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ถึงกาลยุติลง
 
ในบรรดาผู้ที่เหลือรอด 300 คนนั้น กว่า 9 ส่วนเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีพลังฝีมือขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานาม และส่วนใหญ่ยังเป็นเทพสงคราม 2 ดารา
 
นอกจากนั้นก็มีคนกลุ่มเล็กๆที่อาศัยการจ้างวานผู้อื่นให้ปกป้องตัวเอง จนสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 3 ได้
 
ถึงแม้อัจฉริยะที่ใช้เงินแก้ปัญหาเหล่านี้ จะมีพลังแคใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ด้วยภูมิหลังทั้งตระกูลอันมีรากฐานมั่นคงมั่งคั่งก็ทําให้พวกมันผ่านเข้ารอบมาได้
 
แต่เป็นธรรมดาว่าพวกมันรู้ดีแก่ใจ ว่าอย่างมากพวกมันก็ทําได้แค่ผ่านรอบ 2 เท่านั้น
 
พอถึงรอบที่ 3 พววกมันก็ถูกลิขิตให้ต้องถูกคัดออก
 
เพราะหลังผ่านรอบที่ 3 ไปแล้ว จะหลงเหลือแต่อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด 300 คนเท่านั้น หากพลังฝีมือไม่ถึงขั้นก็ย่อมถูกกรองออกเป็นธรรมดา
 
“ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 2 สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ หนึ่งเดือนต่อมา ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 3 จักเริ่มต้นขึ้น”
 
นี่คงไห่รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก กล่าวประกาศออกมาเสียงดังฟังชัด “3 วันต่อมา วิหารเฟิงฮ่าวของเราจักรวบรวมรายชื่อของผู้ที่ผ่านเข้ารอบที่ 2 ทั้ง 300 คนมาติดประกาศที่นี่ หลังจากประกาศรายชื่อแล้ว ทั้ง 700 คนที่ถูกคัดออกในวันนี้ ก็จักมีเวลาศึกษาข้อมูลของทั้ง 300 คนที่ผ่านเข้ารอบ สิ่งนี้เพื่อช่วยให้พวกเจ้าสามารถกําหนดเป้าหมายในการประลองที่จะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ 1 เดือนได้สะดวก
 
“ขอให้พวกเจ้าจงใช้โอกาสท้าประลองให้ดี เพราะพวกเจ้าแต่ละคนมีโอกาสในการท้าประลองชิงตําแหน่งแค่ 3 ครั้งเท่านั้น”
 
ในรอบที่ 2 นั้น อัจฉริยะทั้ง 700 คนที่ตกรอบ ก็มีโอกาส “ฟื้นคืนชีพ” ในรอบที่ 3 ขอเพียงพวกมันสามารถท้าประลองแล้วเอาชนะใครสักคนในบรรดา 300 คนที่ผ่านเข้ารอบมาก่อนภายในโอกาสท้าประลอง 3 ครั้ง พวกมันก็จะสามารถแทนที่อีกฝ่ายและผ่านรอบที่ 3 ทันที
 
“ หนึ่งเดือน?”
 
ซูหลี่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ “ไม่คิดเลยว่ากว่าจะเริ่มรอบที่ 3 ต้องรออีกเดือนนึง”
 
“ดูเหมือนเป็นเวลาที่จัดให้ 700 คนที่ตกรอบไปวันนี้โดยเฉพาะทั้งหมดเพื่อให้พวกมันศึกษาข้อมูลและพลังฝีมือของ 300 คนที่ผ่านเข้ารอบโดยละเอียด
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าว
 
“ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณเจ้า”
 
ตอนนี้เองจางเทียนโย่วกับว่างถึงก็กล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนออกมา เพราะหากวันนพวกมันไม่ได้หลบอยู่ด้านหลังพวกต้วนหลิงเทียน เกรงว่าอาศัยพลังฝีมือส่วนตัวของพวกมัน ก็ไม่แน่ว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้
 
และเป็นธรรมดาว่าตอนนี้พวกมันตกอู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาล
 
เพราะหลังจากผ่านไป 1 เดือน ไม่พ้นพวกมันต้องถูกผู้อื่นท้าทายแน่นอน ถึงตอนนั้นเรื่องจะผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ก็คงยากแล้ว
 
“อืม”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “อย่างไรก็มีเวลาหนึ่งเดือน เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปเตรียมตัวให้ดีเถอะ เพราะหนึ่งเดือนหลังจากนี้ พวกเจ้าต้องโดนผู้อื่นท้าแน่นอน”
 
จางเทียนโย่วกับว่างงถึงที่หนักใจกับเรื่องนี้แต่แรก พอได้ยินที่ต้วนหลิงเทียนพูด ก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นเมื่อม่านแสงจากค่ายกลกั้นเขตหายไป แต่ละคนก็พากันแยกย้ายกลับที่พัก เพื่อเร่งรุดบ่มเพาะทันที
 
ทําราวกับไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
 
ยังมีอีกหลายคนที่เร่งรุดจากไปเหมือนทั้งคู่
 
ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมจะกลับไปพร้อมซูหลี่และหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ได้ยินเสียงของฟังชิงหยางดัง ขึ้นเข้าหูเสียก่อน “เสี่ยวเทียน เจ้ามาหาข้าหน่อย พอดีสหายเก่าของข้าอยากเจอเจ้า”
 
พอได้ยินเสียงผ่านพลังของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวบอกซูหลี่กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น จากนั้นก็แยกตัววไปหาฟงชิงหยาง
 
ด้านฟงชิงหยางเองก็ยยังนั่งอยู่บนเกาะลอยเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน
 
“อาจารย์ อาจารย์ลุงติง”
 
พอมาถึงต้วนหลิงเทียนก็ทักฟงชิงหยางกับติงฟูก่อนใดอื่น จากนั้นก็หันไปมองจักรพรรดิอมตะ กระดูกมังกร เว่ยฉีที่ยืนอยู่ด้านหลังติงฟู พลางกล่าวทักอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่เว่ย”
 
“พบกันอีกแล้ว”
 
เว่ยฉีตอบด้ววยรอยยิ้มเช่นกัน
 
ด้านติงฟูก็หันไปมองพูดกับต้วนหลิงเทียนด้ววยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ศิษย์หลานต้วน สหายเจ้าดุร้ายเสียจนอาจารย์ลุงไม่ได้ดูเจ้าแสดงฝีมือเสียอย่างนั้น”
 
“ดูท่าหากคิดชมดูเจ้าสําแดงฝีมือเลิศล้ํา ก็จําต้องรอหลังจากนี้หนึ่งเดือนถ่ายเดียว”
 
หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 3 จะเริ่มต้นขึ้น และ 700 คนที่ตกรอบวันนี้ก็จะมีโอกาสท้าทาผู้ที่ผ่านเข้ารอบ
 
ต้วนหลิงเทียน ในฐานะศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียน ฟงชิงหยาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่พ้นต้องตกเป็นเป้าหมายการท้าทายของใครหลายๆคนแน่นอน!
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อิจฉาเขา แต่ละคนคงแทบรอท้าเขาไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม หลายคนก็คิดจะรอดูท่าทีของต้วนหลิงเทียนก่อน
 
เพราะจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เท่าที่เห็นก็คือ
 
อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นนยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 2 ดารา!
 
สําหรับเรื่องนี้ ติงฟู จักรพรรดิสวรรค์หวนสื่อเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ…ตัวตนที่มีพลังเทียบได้กับยอดฝีมือเทพสงคราม 2 ดารา ด้วยวัยเพียง 600 ปีเศษ? สิ่งนี้สามาถรพูดได้ว่าสัตว์ประหลาดชัดๆ!
 
ต่อให้เป็นเทพสงคราม 5 ดาราที่มีอายุ 900 กว่าปี ในตอนที่ยังมีอายุ 600 ปีก็ไม่อาจบรรลุความสําเร็จได้ถึงระดับนี้ด้วยซ้ํา
 
นอกจากนั้นจากสถิติในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกทั้งมวลแล้ว ก็มีแต่ผู้ที่จะเป็นเทพ สงคราม 6 ดาราได้ตั้งแต่อายุไม่ถึงพันปีเท่านั้น ถึงจะกายเป็นเทพสงคราม 2 ดาราได้ตั้งแต่อายุ 600 ปี!
 
“ศิษย์หลานต้วน หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน อาจารย์ลุงจะรอดูชมฝีมือเจ้า”
 
เห็นได้ชัดว่าติงฟูก็รู้ว่าฟงชิงหยางก็กําลังจะพบปะสหายเก่า เช่นนั้นหลังจากยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกคํา มันก็หันไปอําลาฟงชิงหยางแล้วพาเว่ยฉีเหินห่างจากไปทันที
 
ตอนนี้คนอื่นๆก็เริ่มแยกย้ายกันกลับแล้วว
 
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
 
ไม่นานนักก็ปรากฏร่าง 3 ร่างเหินลัดฟ้ามาแต่ไกล พริบตาก็มาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน
 
หนึ่งในนั้นต้วนหลิงเทียนรู้จักดี กระทั่งเคยประมือกันมาแล้ว…กล่าวให้ชัดคือเป็นเขาเตะผู้อื่นปลิวตอนที่มันไม่ทันตั้งตัวจนเจ็บหนัก!
 
ส่วนอีก 2 คนนั้น แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอซึ่งๆหน้า แต่เขาก็รู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายดี
 
จักรพรรดิสวรรค์แห่งชวนหยวนเทียน กงซุนชวนหยวน!
 
อีกคนก็คือ อวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 3 ของกงซุนซวนหยวน
 
อวี๋ตงฟางมีรูปร่างปานกลางไม่สูงไม่ต่ํา พอมายืนอยู่ข้างๆถงถูที่ตัวสูงใหญ่ ก็ทําให้แลดูตัวเตี้ยไปถนัดตา อย่างไรก็ตาม ลักษณะท่าทางและความรู้สึกที่ส่งออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ก็กลบถมความเตี้ยได้หมดจด ทําให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามและความไม่ธรรมดาของมัน
 
“จักรพรรดิสวรรค์ฟง เห็นท่านลงมือวันนี้ นับว่าร่างอวตารกฏแห่งดินของท่านร้ายกาจจริงๆ”
 
กงซุนชวนหยวน จักรพรรดิสวรรค์แห่งชวนหยวนเทียน เป็นชายวัยกลางคนที่แลดูสง่างามมากราศี มาในชุดคลุมปักลายมังกรสีทอง
 
และอีกฝ่ายกําลังมองกล่าวกับฟงชิงหยางอย่างทอดถอนใจ
 
ย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่ฟงชิงหยางรอดกลับออกมาจากนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก และมีข่าวลือกันหนาหูว่าบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว กงซุนชวนหยวนก็ได้มาหาเป็นการส่วนตัวเช่นกัน
 
ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้ประมือกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว หากแต่อาศัยแค่กระบวนท่าเดียว กงซุนชวนหวนก็ตระหนักได้ถึงช่อว่างระหว่างมันกับฟังชิงหยางทันที
 
อีกทั้งเป็นแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินเท่านั้น ที่ครอบงํามัน!
 
ต้องทราบด้วยว่าในอดีตยามประมือกับฟังชิงหยางที่ใช้กฏทําลายล้าง มันก็ยังประมือกับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี
 
ทว่าในวันนั้น อาศัยแค่ร่างอวตารกฏแห่งดินป้อนมาหนึ่งกระบวนท่าก็บดขี้มันได้อย่าง
ง่ายดาย
 
พลังเทพนั้นร้ายกาจเหนือจินตนาการจริงๆ!
 
“จักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว ก็แค่การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏกับวิถีกระบี่เท่านั้น”
 
ฟงชิงหยางส่ายหัวไปมา พลางกล่าวเชิญกงซุนซวนหยวนให้นั่งลงด้วยรอยยิ้ม
 
ตอนนี้เอง 2 คนที่ติดตามอยู่ด้านหลังกงซุนซวนหยวน อวี๋ตงฟาง กับถงถู ก็โค้งคารวะฟงชิงหยางอย่างสุภาพ “คารวะจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
 
ต้วนหลิงเทียนก็ประสานมือคารวะกงซุนซวนหยวนเช่นกัน “ต้วนหลิงเทียนขอคารวะจักรพรรสวรรค์ชวนหยวน”
 
ถึงแม้แซ่ของกงซุนซวนหยวนจะเป็นกงซุน แต่ก็มีไม่กี่คนที่เรียกหามันว่าจักรพรรดิสวรรค์กงซุน หลายคนนิยมเรียกว่าจักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนมากกว่า
 
แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนเรียกหาอีกฝ่ายตามอาจารย์
 
“ศิษย์หลานต้วน เจ้าพึ่งมีอายุได้ 600 ปีเศษ แต่เจ้ากลับประสบความสําเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ เรื่องนี้น่าฟังยิ่ง”
 
กงซุนซวนหยวนกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วท่าที่เป็นมิตรอย่างมาก “ความสําเร็จในภายภาคหน้าของเจ้า เกรงว่าจะเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงอาจารย์ของเจ้าเสียอีก”
 
พอกล่าวจบคํา ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้พูดอะไร กงซุนซวนหยวนก็หันไปกล่าวถามฟังชิงหยางด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดิสวรรค์ฟงเห็นว่าเป็นเช่นไร?”
 
ฟงชิงหยางคลี่ยิ้ม “ข้าเชื่อวว่าเสี่ยวเทียนเป็นสีครามที่มาจากสีน้ําเงินแต่เข้มกว่าสีน้ําเงิน”
 
วาจากล่าวตอบสั้นๆของฟงชิงหยาง ก็เผยให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน และกระทั่งกงซุนซวนหยวนเองยังอดตกใจไม่ได้กับคําตอบดังกล่าว
 
ก่อนที่ฟงชิงหยางจะตอบ มันหลงคิดว่าฟงชิงหยางอาจกล่าวตอบมาอย่างถ่อมตัวและขอไปที
 
แต่ทว่าด้วยสีหน้าท่าทางขณะกล่าวตอบนั่น เห็นได้ชัดว่าฟงชิงหยางคิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้แค่พูดลอยๆ
 
“ถงถู”
 
ตอนนี้เองกงซุนชวนหยวนก็เอ่ยคําออกมาเสียงเบา
 
ส่วนด้านถงถูที่พอได้ยินอาจารย์เรียกทักก็สะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นมันก็แลดูอีกอักแต่สักพักก็ได้แต่กล่าวคําขอโทษด้วนหลิงเทียนออกมา “ศิษย์น้องต้วน เรื่องวันก่อนที่ข้าเสียมารยาทไป ต้องขออภัยเจ้าด้วย”
 
ถึงแม้อีกฝ่ายจะกล่าวคําขอโทษออกมา แต่ดูจากสีหน้าท่าทีของอีกฝ่ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าถงถูไม่เต็มใจจะขอโทษเขา ที่ทําไปก็เพราะโดนกงซุนชวนหยวนบีบให้ทําเท่านั้น
 
“เจ้าไม่จําเป็นต้องขออภัยอะไรข้าหรอก”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว ก่อนจะมองถงถูตาเขม็ง “สุดท้ายวันนั้น ก็ไม่ใช่ข้าที่เป็นคนเจ็บ”
 
“เจ้า!”
 
ได้ยินคําพูดของต้วนหลิงเทียน ทั้งสายตาที่มองจ้องมานั่น สีหน้าถงถูกเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที
 
พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดพุ่งพล่านออกมาทั่วร่าง ก่อนจะเข้าสู่สภาวะพร้อมสู้รบทันที
 
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะปะทุพลังทําอะไร มันก็นึกขึ้นได้จากที่ท่าของต้วนหลิงเทียนตอนพบเจอกับการทดสอบรอบแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์ และนั่นบอกให้รู้ว่า 9 ใน 10 พลังฝีมือผู้อื่นกล้าแข็งกว่ามัน!
 
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสที่ท่าไม่พอใจทั้งอึดฮัดของถงถูแม้แต่น้อย เพียงมองกงซุนซวนหยวนด้วยหัวใจที่สั่นไหว
 
พระช่วย!
 
นี่ก็คือ กงซุนชวนหยวน หนึ่งในตัวตนยุค 3 กษัตริย์ 5 จักรพรรดิ สมัยจักรพรรดิเหลืองในตํานานโบราณของประเทศบ้านเกิดเขาเมื่อชาติที่แล้ว!
 
ตอนนี้ตํานานตัวเป็นๆกําลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขา!
 
Related

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset