“คุณหนูเจ้าคะ?” ไป่หลิงมองทางมู่อวิ๋นซีอย่างแปลกใจ
“ข้าไม่ได้ดื่ม ข้าเอามาเช็ดตัว มันช่วยให้เลือดไหลเวียนดีได้ คาดว่าคงเป็นเพราะความหนาวเย็นในคุกคืนวันนั้น ข้ารู้สึกหนาวถึงกระดูกตลอดเลย” มู่อวิ๋นซีหาข้ออ้างไปเรื่อยๆ
ไป่หลิงถึงจะหายใจโล่ง สักพักก็นำเหล้าและน้ำมาส่งให้มู่อวิ๋นซี
“เอาล่ะ เจ้ารีบไปพักผ่อนเถิด”
เมื่อวางของลง มู่อวิ๋นซีก็ผลักให้ไป่หลิงออกไป แล้วปิดประตู นางไม่กล้าชักช้าเพียงวินาทีเดียว นำผ้าเช็ดหน้าจุ่มน้ำเย็น แล้วรินเหล้าลงในถาดทองแดง ยกของด้วยสองมือไปถึงหน้าตั่ง เมื่อเปิดม่านเสร็จ เลิกผ้าห่มออก เผยร่างเฟิ่งเชียนเย่ที่สวมเพียงกางเกง
มู่อวิ๋นซีหน้าแดงขึ้นมาอีกแล้ว
นางถอนหายใจยาวดังฟู่ เอาที่จุดไฟ*เข้าใกล้ถาดทองแดง เปลวไฟสีน้ำเงินใสผุดขึ้นมา (*ที่จุดไฟโบราณ รูปร่างเป็นกระบอกไม้ไผ่)
มู่อวิ๋นซียื่นมือเข้าไปในถาดทองแดง เปลวไฟลนถึงนิ้วมือนาง นางรีบนำไฟนั้นฉาบบนหน้าอกเฟิ่งเชียนเย่ เปลวไฟสีฟ้าดับลงในทันควัน
นางเอามือเข้าไปในถาดทองแดงอีกครั้ง เปลวไฟผุดขึ้นมา นางรีบวางบนหน้าผาก แล้วทำต่อที่หัวไหล่ แขนและขาทั้งสอง
มู่อวิ๋นซีพ่นลมหายใจออก ดึงผ้าห่มมาคลุมบนตัวเฟิ่งเชี่ยนเย่เอาไว้ คว้าผ้าเช็ดหน้าที่จุ่มน้ำเย็นก่อนหน้านี้ บิดพอหมาดๆ วางไว้บนหน้าผากเฟิ่งเชียนเย่
หัวคิ้วเฟิ่งเชียนเย่ขยับ ปากขยับ ไม่รู้ได้ว่ากำลังพึมพำอะไร
“วางใจเถิด ข้าไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไร” มู่อวิ๋นซีดึงมือเฟิ่งเชียนเย่มา รวบนิ้วมือทั้งสอง ใช้แรงเช็ดถูตั้งแต่ข้อมือจนถึงนิ้วมือของเขา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากนั้นไม่นาน นางนำผ้าเช็ดหน้าที่อยู่บนหน้าผากของเฟิ่งเชียนเย่มาชุบน้ำเย็นให้เปียก แล้วนำมาวางใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นค่อยดึงมือใหญ่ของเขาขึ้นมาเช็ดถูต่อไปสักพัก
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ค่อยเลิกผ้าห่ม นำเหล้าฤทธิ์แรงเทลงในถาดทองแดง จุดไฟ นำมาเช็ดตามจุดสำคัญตามร่างกายเฟิ่งเชียนเย่
ทำเช่นนี้วนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฟ้าสาง หน้าเฟิ่งเชียนเย่ค่อยๆ แดงระเรื่อ มู่อวิ๋นซีถอนหายใจโล่ง ใบหน้าเล็กๆ ที่แสนเหนื่อยล้าเปื้อนรอยยิ้ม “ยังดี แม้วิธีนี้จะดูโง่ไปเสียหน่อย แต่อย่างไรก็ยังใช้ได้”
นางยื้อร่างอันแข็งทื่อไปเปิดตลับไม้จันทน์ที่วางไว้บนโต๊ะเตี้ย เทยาถอนพิษสองเม็ด ยาโสมหนึ่งเม็ดจากกระปุกเหล่านั้นมาให้เฟิ่งเชียนเย่ หลังจากนั้นนำยาสร้างเนื้อสามเม็ดวางไว้ในอุ้งมือ
“เสียยาแท้ๆ ” เสียงทุ้มดังขึ้น
“เจ้าตื่นแล้ว ดีจริงเชียว” ในแววตามู่อวิ๋นซีเผยความปิติยินดี แต่เพียงชั่วครู่หน้าของนางก็แดงขึ้นมา
ตอนนี้นางพับเพียบนั่งบนตั่ง ร่างใหญ่ของเฟิ่งเชียนเย่อิงบนเข่าของนาง แขนข้างหนึ่งของเขาโอบเอวนาง การกระทำนี้ช่างชิดใกล้ คลุมเครือจนพูดไม่ออก เมื่อครู่นางแค่ลุกลนเพื่อพยุงตัวเขา จึงปรามหยุดมือของเขาไว้ที่เอว แต่ตอนนี้…
จู่ๆ มือใหญ่ที่สามารถเคลื่อนไหวได้นั้น คว้าจับรอบเอวนางไว้
มู่อวิ๋นซีหน้าแดงจนเลือดแทบจะพุ่งออกมาได้ “ท่าน…ท่านชายเย่”
ชายที่อิงนางกลับไม่มีเสียงตอบใดๆ
มู่อวิ๋นซีเอียงมองเฟิ่งเชียนเย่ เขาหลับตาสนิท ไม่มีท่าทีเหมือนกำลังตื่นแม้แต่นิด
นางถอนหายใจดังฟู่ เดิมทีนางอาจจะฟังผิดไป นางเอายาสร้างเนื้อที่เหลืออยู่เล็กน้อยบนมือ ทาบนปากแผลของเขาอย่างระมัดระวัง ช่วยเขานอนลงบนเตียง ห่มผ้าห่มเอาไว้ ทำเสร็จแล้วจ้องมองผู้ชายที่นอนอยู่บนตั่ง
เค้าหน้างดงามดั่งหยก คิ้วยาวเข้มดกดำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางค่อยๆ คลายสีม่วง กลายเป็นแดงฝาดน่าดึงดูดใจ เผยออกเล็กน้อย ราวกับกำลังเชื้อเชิญเงียบๆ
มู่อวิ๋นซีอดไม่ได้ที่จะลูบริมฝีปากบางนั้น อบอุ่นและนุ่มนวล…..
ความรู้สึกอ่อนเรี่ยวแรงจากริมฝีปากของเฟิ่งเชียนเย่แผ่ซ่านจนถึงก้นบึ้งหัวใจ เขาแสร้งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ขนตาขยับสั่นไหว ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
อ๊ะ!
มู่อวิ๋นซีระแวงดึงมือออก “เอ่อ ข้ามาดูริมฝีปากเจ้าว่าแห้งหรือไม่ เจ้าต้องการดื่มน้ำหรือไม่?”
คิ้วเฟิ่งเชียนเย่เลิกเล็กน้อย “ผลสุดท้ายล่ะ?”
“ผลสุดท้าย?” มู่อวิ๋นซีชะงักไป “ดื่มน้ำ เจ้าต้องดื่มน้ำให้มาก”
นางลุกขึ้นทันที ร่างแข็งทื่อเซลงไป แววตาอบอุ่นปรากฏในดวงตาลุ่มลึกของเขา แม่นางคนนี้นี่
เมื่อคืนเขาไม่ได้ล้มทั้งคืน เคยตื่นขึ้นมาบ้าง สะลึมสะลือเห็นนางยุ่งนี่ยุ่งนั่นตลอด
เฟิ่งเชียนเย่ดื่มชาไปครึ่งจอก หัวใจมู่อวิ๋นซีที่กำลังลนลานค่อยๆ สงบลง “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีขึ้นบ้างแล้ว เพียงแต่ไม่มีกำลัง” เฟิ่งเชียนเย่พูดตามจริง
“ก๊อกๆๆ ” เสียงไป่หลิงเคาะประตู “คุณหนู ฮูหยินฉินเรียกพบเจ้าค่ะ”
ดูท่าใบหน้านางน่าจะอาการดีขึ้นแล้ว “นางอยู่ที่ใด”
“ตอนนี้กำลังเข้าเฝ้าเสวนากับองค์หญิงที่ลานหย่งเหอเจ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นซีมองไปทางเฟิ่งเชียนเย่ที่อยู่บนตั่งนอน เกิดความลังเลขึ้นมา นางให้หยกวิไลแก่ฮูหยินฉิน ไม่เพียงแต่เพื่อจะแก้ปัญหาแทนหลิ่วเย่ แต่มันกลับยิ่งเข้าทางแผนการของนางเอง แต่ถ้าตอนนี้นางเข้าพบฮูหยินฉิน ถ้าหากมีคนถลันเข้ามาล่ะ?”
“ไปเถิด ข้าอยู่ได้” ราวกับรู้ว่าความกังวลของนาง เฟิ่งเชียนเย่เอ่ยออกมาทันที
“ไม่มีปัญหาแน่นะ?” มู่อวิ๋นซียังคงไม่วางใจเหมือนเดิม
เฟิ่งเชียนเย่เอ่ย “ไปเถิด”
มู่อวิ๋นซียังลังเลอยู่บ้าง “ได้ เช่นนั้นข้าจะรีบไปรีบกลับ ได้ถือโอกาสเข้าครัวสั่งโจ๊กมาให้เจ้าด้วย เจ้าระวังหน่อยนะ”
“อื้ม”
เงาของมู่อวิ๋นซีหายวับไป สีหน้าเฟิ่งเชียนเย่ก็แย่ลงทันที ดวงตาดำขลับเผยความเศร้า
เขากับนาง เพียงแต่คนรับจ้างกับเจ้านาย เขาแค่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือนางในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นางก็เจ็บปวดจนร้องไห้ เฝ้าเขาทั้งคืนเพราะเขาได้บาดเจ็บ แล้วเขาล่ะ? ตัวเองทำเพื่อเขามากมาย ช่วยขจัดอุปสรรคให้เขาหลายครั้ง เป็นหนังหน้าไฟให้เขามาตั้งเท่าไหร่……
สิ่งที่เขาตอบแทนตัวเองคือเหล้าพิษแก้วหนึ่ง….ตัวเองยังเชื่อคำสารภาพของเขา…ให้โอกาสเขาวางยาอีกครั้ง…..ความรู้สึกฉันพี่น้องใดๆ อะไรกัน หลังจากนี้ต่อไป พวกเขาจะสู้ด้วยกันจนตัวตาย
มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นมาในเวลานี้ ดวงตาเฟิ่งเชียนเย่เพ่งเล็งทันที เขาลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว นำผ้าห่มขึ้นมาพับกองไว้ข้างๆ ร่างเปลี่ยนไปทันพลัน เขาลอยตัวขึ้นไปบนคานห้อง จ้องมองลงไปบนตลับไม้จันทน์ที่วางอยู่ด้านข้างตั่ง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกัดฟันไถลลงจากคานห้อง
“เอี๊ยด”ห้องถูกเปิดออก เฟิ่งเชียนเย่กอดตลับไม้จันทน์เอาไว้ เขาปีนขึ้นไปบนคานห้องอีกครั้ง สีหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ
มู่จื่อหลันที่กำลังย่องใกล้เข้ามาเปิดประตูเบาๆ สูดลมหายใจ ทำหน้ารังเกียจแต่เดินมุ่งไปหน้าตู้เสื้อผ้า เปิดประตูตู้เสื้อผ้าไม้จันทน์ ข้างในนั้นนอกจากเสื้อผ้าของมู่อวิ๋นซี ก็ไม่มีอะไรเลย
ปลีกเสื้อออกมองรอบๆ มู่จื่อหลันจึงเดินไปทางโต๊ะเครื่องแป้งอย่างไม่ยอมใจ ดึงลิ้นชัก นำตลับมาสำรวจดู แม้กระทั่งกล่องเครื่องเขียนทรงยาวๆ ที่อยู่ด้านข้าง ก็หยิบมาดูด้วย กลับไม่เจอยาสร้างเนื้อเหมือนเดิม
“หรือพกติดตัวไปรึ”
มู่จื่อหลันไม่ถอดใจสอดส่งของใช้ในห้องอีกรอบ จากนั้นนางเดินจากไปด้วยความแค้นใจ
ประตูพึ่งปิด เฟิ่งเชียนเย่ที่อยู่บนคานไม่ไหวติงอีกต่อไป ปัง กระโดดลงมา
และในขณะเดียวกันที่ลานหย่งเหอ ฮูหยินฉินใบหน้ายิ้มแย้มมองมู่อวิ๋นซี
“ข้านึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหยกวิไลมีผลดีเช่นนี้ ไม่ทราบว่าคุณหนูรองจะขายให้ข้าอีกสักสองสามตลับได้หรือไม่ ราคาตกลงกันได้”