สีหน้าอย่างกับเทียนไขของเจี่ยอี้ก็ได้เผยให้เห็นความขาวซีดที่เพิ่มขึ้น หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ทันที มองไปที่แววตาของมู่อวิ๋นซีก็ประกายเผยเป็นนัยขึ้นมา
ตอนนี้เขาควรที่จะจู่โจมไปที่ตัวมู่อวิ๋นซีโดยตรง เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมู่อวิ๋นซี สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของนาง ทำให้นางไม่อาจที่จะไม่ตามเขา? หรือว่าควรจะหลบซ่อน เพื่อที่จะไม่ให้มู่จื่อหลันเข้าใจผิด เพื่อให้มีที่ว่างต่ออนาคต?
ใจของมู่อวิ๋นซีก็เป็นกังวลขึ้นอย่างฉับพลัน ที่ฝ่ามือมีเหงื่อออกมาบางๆ แต่ปิ่นปักผมกระดูกกลับบีบไว้แน่นมากขึ้น
แน่นอนจะต้องไม่ให้มู่จื่อหลันเห็นว่านางอยู่กับเจี่ยอี้ มิเช่นนั้นสถานการณ์ตอนนี้ ไม่แน่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นอีกเป็นได้
“อวิ๋นซี?” นอกประตู เสียงเคาะและเสียงเรียกของมู่จื่อหลันดังขึ้น
ทำอย่างไรดี?
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจี่ยอี้ดูไม่ดี อยู่ๆ รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นมุมปากของนาง น้ำเสียงทั้งเบาทั้งเร็วทั้งรีบ
“ได้ยินหรือไม่? มู่จื่อหลันมาแล้ว หมอหลวงบอกว่าองค์หญิงใหญ่สามารถอยู่ได้อย่างมากหนึ่งเดือน หากคำพูดของเขาเกิดเป็นจริงขึ้นมา เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็ไม่มีที่พึ่งแล้ว ท่านจะหย่ามู่จื่อหลันแล้วแต่งกับข้าซึ่งเป็นเด็กกำพร้าไม่มีอำนาจได้จริงๆ หรือไม่?”
ไม่รอโอกาสที่จะให้เจี่ยอี้เอ่ยปาก นางได้รับพูดต่อว่า “หากว่าท่านโกหกข้า ข้าก็จะฆ่าท่าน ท่านอย่าไม่เชื่อ ท่านย่าของข้าเป็นองค์หญิงใหญ่ หากนางสิ้นพระชนม์ไป ฝ่าบาทจะมาไม่มาข้าไม่รู้ แต่ไทเฮาต้องมาประกอบพิธีไว้อาลัยแน่นอน และข้าที่เป็นหลานสาวขององค์หญิงใหญ่ พระองค์จะต้องเรียกให้ข้าเข้าพบแน่”
“เมื่อถึงตอนนั้น ข้าทูลพระองค์ ในระหว่างที่ท่านย่าป่วยหนัก ท่านล่วงเกินข้า และทำให้อาการป่วยของท่านย่าหนักขึ้น ท่านว่า ไทเฮาจะไม่ตัดหัวท่านหรือไม่? ดังนั้น เจี่ยอี้ ทางที่ดีท่านอย่าโกหกข้าเลย เคารพต่อคำสัญญาของท่าน หย่ามู่จื่อหลัน”
เรื่องราวต่างๆ ที่เจี่ยอี้คิดอยู่ในใจสักพักก็ได้หายไปทันที และในขณะนั้นตัวเขาก็คืนสติขึ้นมา
ใช่ ใช่แล้ว นิสัยของมู่อวิ๋นซีไม่เหมือนกันกับมู่ซิ่ว นางเป็นคนที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน วันนั้นที่ลานหย่งเหอก็กล้ายั่วโมโหมู่เซิ่งต่อหน้าใต้เท้าโจว วันนี้หากเขาล่วงเกินนาง อาจจะเป็นไปได้ที่นางจะกล้าไปทูลฟ้องไทเฮา
“ได้อย่างไร?” เจี่ยอี้ได้บีบเอาความจริงใจของตัวเองทั้งหมดออกมา “ข้าโกหกใครก็ไม่อาจที่จะโกหกเจ้าได้? หากข้าต้องการโกหกเจ้าจริง แล้วจะนำเรื่องยาสมุนไพรที่อยู่ในมือของฮูหยินเล็กเติ้งเป็นคนรับผิดชอบมาบอกเจ้าทำไม?”
สายตาของเขามองไปรอบๆ แล้วชี้ไปที่ตู้ไม้จันทน์ที่พิงผนังอยู่ “อวิ๋นซี ข้าไปหลบอยู่นั้นก่อน หากว่ามู่จื่อหลันเข้าใจผิด ไม่สบายใจขึ้นมา แล้วไปบอกกับฮูหยินเล็กเติ้ง และถ่วงเวลารักษาอาการป่วยขององค์หญิงใหญ่เข้า มันจะไม่ดีเอาได้”
ในใจมู่อวิ๋นซีรู้สึกผ่อนคลายลง จึงได้รีบไปเปิดตู้อย่างรวดเร็ว เมื่อเจี่ยอี้เข้าไปซ่อนข้างในแล้วก็ปิดประตูตู้ทันที
“ปั้ง!”
ทันทีที่ประตูปิดตู้ปิดลง ประตูห้องก็ถูกผลักจากข้างนอกเข้ามา
มู่จื่อหลันที่พุ่งเข้ามารีบหันมองไปรอบๆ มองไปที่มู่อวิ๋นซีที่ยืนอยู่ข้างตู้ไม้จันทน์แล้วพูดด้วยความสงสัย “อวิ๋นซี เจ้ากำลังทำอะไร? หรือว่าซ่อนใครไว้ในตู้งั้นหรือ?”
มู่อวิ๋นซีหันหลังพิงไปที่ประตูตู้ ใจเต้นแทบจะถึงลำคอ และปะทะกับรอยยิ้มเยาะเย้ยของมู่จื่อหลัน “ใช่ ข้าได้ซ่อนคนไว้อยู่ในตู้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”
มู่จื่อหลันจะย้อนเข้าให้ กำลังจะเอ่ยปาก ประจวบเหมาะที่ฮูหยินเล็กเติ้งได้เดินเข้ามา เหลือบมองอย่างไม่พอใจ “พูดเหลวไหลอะไร? คุณหนูรองตอนนี้ยังไม่แต่งงาน เรื่องแบบนี้นำมาล้อเล่นได้อย่างไร หากถูกเผยแพร่ออกไป อาจจะทำให้คุณหนูรองเสียชื่อเสียงเป็นได้”
“เจ้าค่ะ!” มู่จื่อหลันตอบรับอย่าเชื่อฟัง แล้วหันไปมองมู่อวิ๋นซีด้วยสีหน้าขอโทษ “ขอโทษนะ อวิ๋นซี ข้าไม่ควรพูดเรื่องล้อเล่นกับเจ้าเช่นนี้ อ้อ นี้คือท่านแม่ของข้า ฮูหยินเล็กเติ้ง”
นางเหลือบมองไปที่ฮูหยินเล็กเติ้งเพื่อแนะกับมู่อวิ๋นซี
“ข้าเข้าพบคุณหนูรอง” ฮูหยินเล็กเติ้งได้เคารพต่อมู่อวิ๋นซีอย่างมีจังหวะจะโคน สาวรับใช้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่ด้านหลังได้ยกถาดไปวางไว้บนโต๊ะ และเปิดกล่องที่อยู่ด้านบนออกทีละอันทีละอัน
“นี่คือรังนกแดง บัวหิมะ และรังนกที่ดีที่สุดที่คัดสรรมาจากในยาสมุนไพร ล้วนเป็นอาหารบำรุงเพื่อความสวยงามทั้งสิ้น หากคุณหนูรองทานแล้วชอบ ของให้ไปแม่นางไป่หลิงแจ้งข้าด้วย ข้าจะนำมามอบให้คุณหนูรองอีก”
มู่อวิ๋นซีกล่าวของคุณ “ขอบคุณฮูหยินเล็กเติ้งเจ้าค่ะ เชิญนั่งก่อน”
ฮูหยินเล็กเติ้งได้ถอนหายใจเบาๆ และนั่งลงที่เก้าอี้กลม มองมู่อวิ๋นซีด้วยความรัก
“สวรรค์คุ้มครองจริงๆ คาดไม่ถึงว่าเด็กสาวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนั้นจะเติบโตมาเป็นสาวงามที่ร่ำลือไปทั่วเมือง แม่ของเจ้าอยู่บนสวรรค์ ก็คงหลับสบายแล้ว ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นยาหรือเรื่องอะไร คุณหนูรองก็สามารถมาหาข้าได้”
มู่อวิ๋นซีหลับตาลง ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ มู่จื่อหลันทำอะไรก็เข้มงวดกวดขัน และฮูหยินเล็กเติ้งก็ยิ่งเหนือกว่านาง
คิดถึงคนที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้ ทันใดนั้นนางได้เงยหน้ามองฮูหยินเล็กเติ้ง แววตาร้อนผ่าว “คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าฮูหยินเล็กเติ้งจะมีเหตุผลขนาดนี้ เช่นนั้นไม่ทราบว่าท่านคิดอย่างไร เรื่องภรรยาหลวงกับสนมระหว่างท่านอาจื่อหลันกับท่านพี่ของข้า?”
ฮูหยินเล็กเติ้งถอนหายใจเบาๆ “ข้ารู้ว่าในใจคุณหนูรองไม่มีความสุข แต่ทั้งหมดนี้เป็นความต้องการของเจี่ยอี้ ขณะนั้น จื่อหลันก็ปฏิเสธไป ข้าเองก็พูดเกลี้ยกล่อมแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือเรื่องของตระกูลเจี่ย หากข้าเข้าไปแทรกแซงมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“คุณหนูรองวางใจเถิด” ฮูหยิงเติ้งมองมู่อวิ๋นซีอย่างจริงใจ “รอให้ข้าได้พบเจี่ยอี้ จะต้องตำหนิเขาสักหน่อยแล้วเพื่อที่จะให้เขาปฏิบัติต่อคุณหนูใหญ่ให้ดีกว่านี้ จริงๆ แล้วคุณหนูรอยังไม่ทราบ ก่อนหน้านั้นหากไม่ใช่จื่อหลันปกป้องคุณหนูใหญ่ ไม่รู้ว่าเจี่ยอี้นั้นจะทรมานคุณหนูใหญ่จนเป็นอย่างไรแล้ว?”
นางถอนหายใจแรงๆ ออกมา “รอยแผลบนหน้าคุณหนูใหญ่เจ้าเองก็เห็นแล้วใช่หรือไม่? นั้นก็เป็นเจี่ยอี้กรีดมัน”
เป็นเขากรีดได้อย่างไร? ไม่ใช่เจ้าโง่มู่ซิ่วที่ล้มลงเองหรือ? เจี่ยอี้ที่อยู่ในตู้ควงหมัดด้วยความโกรธ บังเอิญ ไปกระแทกเข้าที่ผนังตู้ดัง ปั้ง!
“เสียงอะไร?”
สายตาของมู่จื่อหลันกับฮูหยินเล็กเติ้งกวาดไปมองตรงตู้ข้างผนัง
“อวิ๋นซี” มู่จื่อหลันมองมู่อวิ๋นซีอย่างสงสัย “ในตู้นั้นไม่ใช่ซ่อนคนไว้จริงหรอกนะ?”
เจี่ยอี้ที่สมควรตาย มู่อวิ๋นซีเสียใจที่เมื่อครู่ไม่ได้วางยาให้เจี่ยอี้สลบไป
ความคิดของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เริ่มขมวดคิ้วขึ้น และมองดูมู่จื่อหลันด้วยรอยยิ้ม “ใช่ เมื่อครู่ก็ไม่ใช่บอกเจ้าแล้ว ว่านั้นได้ซ่อนคนไว้”
มู่จื่อหลันและฮูหยินเล็กเติ้งรีบมองหน้ากันอย่างรวดเร็ว มู่จื่อหลันยิ้มพร้อมลุกขึ้น “จริงหรือ? เช่นนั้นข้าต้องดูแล้ว”
“ดู ได้อย่างแน่นอน”มู่อวิ๋นซียืดมือไปคว้ามู่จื่อหลันไว้ “แต่ว่า เราต้องพูดให้เข้าใจก่อน นั่งลง!”
เมื่อมู่จื่อหลันนั่งลง มู่อวิ๋นซีหันกลับไปหยิบพู่กันและกระดาษมาจากบนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง และทั้งเขียนทั้งพูดไปพร้อมกัน “เดิมพันกัน มีแต่คำพูดเชื่อถืออะไรไม่ได้ เรามาลงเขียนบนกระดาษดีกว่า หากว่าอยู่ในตู้มีคน……”
นางยิ้มและมองไปที่มู่จื่อหลัน “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร บอกว่าข้าเป็นคนที่ยั่วยวนผู้ชายก็ดี ไม่รักษาความเป็นผู้หญิงก็ดี อะไรก็ได้ ตามแต่เจ้า แต่หากว่าไม่มีคน……”
รอยยิ้มของนางสักพักก็หยุดลง “พอที่จะมองเห็นบุคลิกที่เลวทรามต่ำช้าของเจ้า ข้าต้องการให้เจ้าเปลี่ยนตำแหน่งกับพี่สาวของข้าให้นางเป็นฮูหยินจวนตระกูลเจี่ย ส่วนเจ้าเป็นสนมต่อหน้าทุกคน ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่ได้สนใจตำแหน่งฮูหยินนั้นสักเท่าไหร่ ใช่หรือไม่?”
มู่อวิ๋นซีได้ลงชื่อตัวเองในกระดาษที่เขียนการเดิมพันแล้วหันไปที่มู่จื่อหลัน และชี้ไปตรงที่ช่องว่างข้างล่าง “ลงชื่อของเจ้า แล้วการเดิมพันจะมีผลทันที เจ้ากล้าที่จะเดิมพันกับข้าหรือไม่?”