เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา – ตอนที่ 64 ท่านชายเย่ ยินยอม

ด้านนั้น มู่อวิ๋นซีได้กลับไปที่ลานชิงจื่อแล้ว
ทันทีที่นางเข้าไปในห้องข้างเรือนหลัก ดวงตาใสได้เปล่งประกายด้วยความยินดี “ท่านชายเย่?”
ในห้องเงียบสงบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
มู่อวิ๋นซีรู้สึกสงสัยขึ้นมา และเรียกด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเบาๆ ว่า “ท่านชายเย่! ท่านชายเย่!”
แต่ก็ไม่มีเสียงคนตอบรับเหมือนเดิม และก็ไม่มีคนปรากฏตัวออกมา
หรือว่าเป็นนางที่คาดเดาผิดไป เมื่อครู่ไม่ใช่เฟิ่งเชียนเย่ที่แอบช่วยอยู่ แต่เป็นเพราะมู่จื่อโหรวที่โชคไม่ดี ที่ตัวเองทำให้ตัวเองสะดุดล้ม?
นางเดินไปที่ตั่งพร้อมกับครุ่นคิดในใจ ทันทีที่ฝีเท้าหยุดลง ดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้น และทันใดนั้นก็ดึงปิ่นปักผมกระดูกลงมา แล้วกลั้นหายใจ เดินก้าวตรงไปที่ตั่งนอนที่พิงผนังอยู่
ในขณะนี้ มีชายคนหนึ่งนอนอยู่บนตั่ง เป็นชายที่คลุมด้วยชุดคลุมตัวใหญ่สีขาว
บนชุดคลุมตัวใหญ่สีขาวนั้นมีรอยเลือดเป็นด่างๆ และมุมของเสื้อคลุมด้านหนึ่งที่ห้อยอยู่ข้างเท้าคือภาพเมฆกล้องหนึ่ง ซึ่งเป็นนางที่ปักมันไว้
“ท่านชายเย่!”
มู่อวิ๋นซีรีบเดินเข้าไปข้างหน้า แล้วพลิกคนที่นอนอยู่บนตั่งนอนขึ้น ทำให้เส้นผมไหลออกไปด้านข้าง ให้เห็นใบหน้าเขาที่เหมือนกับหยกและงดงามดั่งภาพวาด แต่ริมฝีปากที่บางถูกเม้มไว้แน่นกลับกลายเป็นสีม่วงอีกครั้ง
ถูกพิษ
“ท่านชายเย่? ท่านชายเย่?” มู่อวิ๋นซีได้เรียกอีกสองครั้ง เฟิ่งเชียนเย่ไม่มีการตอบสนองเช่นเดิม

นางรีบวิ่งไปที่ตู้ไม้จันทน์ที่อยู่ที่ผนังด้านตะวันตก จากนั้นได้หยิบเอากล่องไม้จันทน์ออกมาตลับหนึ่ง แล้ววางไว้ที่ตั่งนอน และเปิดออก จากนั้นได้นำขวดต่างๆ ออกมา
อันดับแรกได้หยิบขวดกระเบื้องเขียวแล้วเทเอายาถอนพิษออกมาสองเม็ดจากนั้นยัดเข้าไปในปากของเฟิ่งเชียนเย่ และได้หยิบเอาขวดกระเบื้องเหลืองเทยาโสมออกมาหนึ่งเม็ดและยัดเข้าไปในปากเฟิ่งเชียนเย่อีกครั้ง
จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดออก มีได้ลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถอดเสื้อคลุมไหมที่ขาดและเปื้อนเลือดออกจากร่างกายของเขา เผยให้เห็นหน้าอกที่คับแน่นและกล้ามเนื้อหน้าท้องชัดเจน
แก้มของนางได้แดงขึ้นทันที รอบดวงตาก็เป็นสีแดง แขนซ้ายของเขามีรอยแผลสองรอยที่ลึกถึงกระดูก หน้าอกก็มีอีกหนึ่งรอยโดยผิวหนังและเนื้อได้ปรากฏออกมา
“ท่านชายเย่?”
เมื่อเห็นบนผ้าปูที่นอนสีครามสดใสมีสีแดงเบลอๆ ออกมา มู่อวิ๋นซีค่อยๆ พลิกร่างกายของเฟิ่งเชียนเย่ไปอีกด้านหนึ่ง และหัวใจเจ็บขึ้นมา สักพักน้ำตาก็ไหลออกจากเบ้าตา
ด้านหลังของเขาแทบจะไม่มีเนื้อดีๆ เลยสักที่ ทั้งหมดนี้เป็นรอยแผลเป็น เป็นรอยเส้นทับซ้อนต่อๆ กัน และถึงขนาดที่ว่ามีเนื้ออยู่บางที่ที่ได้หลุดออกมาแล้ว
เป็นใครกัน ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้?
คืนนั้น เขายังสระผมให้นางอย่างอ่อนโยน ยังพูดด้วยความลำบากใจว่าไม่ได้ดูนางอาบน้ำ แต่ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ที่นี่และไม่สามารถตอบสนองนางได้
“ท่านชายเย่! ท่านต้องยืนหยัดเอาไว้นะ!”
มู่อวิ๋นซีเช็ดน้ำตา จึงได้ไปนำน้ำอุ่นและผ้าที่สะอาดมา กัดริมฝีปากไว้จนค่อยทำความสะอาดบาดแผลให้กับเขาอย่างเบาๆ ด้วยมือที่สั่นเทา ในใจครุ่นคิดอยู่มากมาย ท่านชายเย่ ท่านไปทำอะไรมากันแน่? มันเกิดอะไรขึ้น? ใครที่โหดร้ายเช่นนี้? ท่านอย่าเป็นอะไรไปนะ
ท่านชายเย่เป็นท่านที่รับปากข้า ท่านบอกว่า ข้าถอนพิษให้ท่าน ท่านทำงานให้ข้าครึ่งปี แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านแค่สี่สิบเจ็ดวันเท่านั้น ห่างจากครึ่งปียังเหลืออยู่หนึ่งร้อยสามสิบหกวัน ขาดไปหนึ่งวันก็ไม่ได้ ไม่ ขาดไปเพียงแค่ลมหายใจเดียวก็ไม่ได้ หากท่านกล้าผิดคำพูด ข้า……
น้ำตาอุ่นๆ ไหลตกลงไปที่บนแผ่นหลังของเฟิ่งเชียนเย่ มู่อวิ๋นซีตกใจ รีบเช็ดน้ำตาที่หางตา

นางได้เทยาสร้างเนื้อมาสามเม็ดจากขวดกระเบื้องเขียวไว้ที่บนฝ่ามือของนาง หลังจากนั้นใช้นิ้วมืองอขึ้นแล้วเขย่า ทาไปที่แผ่นหลังของเฟิ่งเชียนเย่อย่างระมัดระวัง ต่อมาได้พลิกตัวขึ้นไปบนตั่งนอน แล้วยกตัวเฟิ่งเชียนเย่ขึ้นมาพิงที่ขานาง และนำยาที่เหลืออยู่ในมือทาไปที่บาดแผลตรงหน้าอกกับแขน
“ตึก! ตึก!”
ในขณะนี้ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และได้มีเสียงของเจี่ยอี้ดังตามมา “อวิ๋นซี เปิดประตู ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
“ข้า……ข้าจะนอนแล้ว มีเรื่องอะไรวันหลังค่อยพูดเถิด” มู่อวิ๋นซีตอบกลับอย่างคลุมเครือ และค่อยวางเฟิ่งเชียนเย่ลง แต่ก็ยังให้เขานอนคว่ำหน้า
เจี่ยอี้ที่อยู่นอกประตูไม่ยอมกลับไปง่ายๆ และประตูก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น “อวิ๋นซี ข้ามีแค่ไม่กี่ประโยค พูดจบก็จะกลับ ได้หรือไม่? อวิ๋นซี!”
มู่อวิ๋นซีกลัวว่าเขาจะเรียกให้คนมากเยอะกว่าเดิม จึงไม่กล้าปล่อยให้เขาเคาะต่อไป “ได้ ท่านรอข้าสักครู่”
นางยกขาข้ามเฟิ่งเชียนเย่แล้วกระโดดลงจากตั่งนอน เอาผ้าสี่ผืนมาวางที่ด้านข้างของเฟิ่งเชียนเย่วางไว้ข้างละสองผืน หลังจากนั้นถึงได้เอาผ้าห่มสีเขียวมรกตคลุมให้เขาอย่างระมัดระวัง มีผ้าค้ำรองไว้แล้ว ผ้าห่มจะได้ไม่ต้องไปกดทับบาดแผลที่หลังของเขา
หลังจากนั้น นางได้ค่อยๆ ปลดม่านลง นำผ้าคลุมและเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของเฟิ่งเชียนเย่ และผ้าห่อรวมไว้ด้วยกันแล้วยัดเข้าไปที่ใต้ตั่งนอน จากนั้นนำกะละมังน้ำเลือดเทไปที่แจกันคอยาวที่มีดอกเหมยแดงเสียบอยู่ และได้แน่ใจแล้วว่าไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ถึงได้ทำผมให้ยุ่งเหยิงพร้อมเดินไปเปิดประตู
เจี่ยอี้ได้ลูบมือรออย่างใจร้อน เมื่อได้เห็นทรงผมที่ยุ่งเหยิงกับลักษณะขี้เกียจของมู่อวิ๋นซี หัวใจก็ร้อนขึ้น “อวิ๋นซี ข้าเข้าใจแล้ว”
“อะไร?” มู่อวิ๋นซีสงสัย

เจี่ยอี้หันหน้าโผล่ออกไปมองนอกประตู แล้วปิดประตูเสียงดัง มองมู่อวิ๋นซีอย่างระแวดระวัง “ก็คือคำถามที่เจ้าถามข้าเมื่อครู่ จะสามารถหย่ากับมู่จื่อหลันได้หรือไม่?”
“โอ่”
มู่อวิ๋นซีตอบ พร้อมถอยหลังไปหนึ่งก้าว และปิ่นปักผมกระดูกที่นางวางไว้บนโต๊ะมาถือไว้ในมืออย่างไม่เป็นที่สงสัย
“ข้ายินยอม!” เจี่ยอี้มองมู่อวิ๋นซี ยกมือขึ้นสาบาน “เพียงแค่เจ้ายอมแต่งกับข้า ข้ารับรองต่อไปข้าจะฟังเจ้า เจ้าให้ข้าไปทางเหนือข้าจะไม่ไปทางใต้ เจ้าบอกให้ข้าไปตะวันตกข้าจะไม่ไปทางตะวันออกอย่างแน่นอน เจ้าบอกให้ข้าหย่ากับมู่จื่อหลัน ข้าก็จะหย่ากับมู่จื่อหลัน”
“จริงหรือ?” มู่อวิ๋นซีขมวดคิ้วขึ้น
“แน่นอน” น้ำเสียงของเจี่ยอี้เปลี่ยน “แต่ตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอให้องค์หญิงใหญ่หายป่วยก่อน”
เห็นสีหน้าของมู่อวิ๋นซีเย็นชาลง เขาได้รีบพูดว่า “เจ้าอย่าเข้าใจผิด ที่ข้าทำไปทั้งหมดนี้ก็เพื่อองค์หญิงใหญ่ เจ้าอาจจะไม่เข้าใจ เพราะฮูหยินเล็กเติ้งจัดการอย่างระมัดระวัง ไม่เพียงแต่ร้านยาใหญ่ๆ ในเมืองหลวงเท่านั้น ยังรวมถึงตัวยาบางชนิดของสำนักหมอหลวงก็ได้นางเป็นคนจัดหาให้
“หากว่าตอนนี้ข้าหย่ากับมู่จื่อหลัน นางและฮูหยินเล็กเติ้งคงจะโกรธ หากถอนยาขององค์หญิงใหญ่ไป แล้วองค์หญิงจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ?”
เมื่อเห็นมู่อวิ๋นซีกำลังคิดหนักอยู่ เจี่ยอี้ถึงได้แอบโล่งอกโล่งใจ ในสายตาแวบเปล่งประกายความภูมิใจ
เมื่อถึงตอนนั้นหากอาการป่วยขององค์หญิงใหญ่ดีขึ้นแล้ว เขาก็จะหย่ากับมู่จื่อหลันแต่งกับมู่อวิ๋นซี ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างหน้าตา เพียงแค่เงินทองที่สามารถให้แก่เขาได้ ต่อให้มีมู่จื่อหลันสิบคนก็เทียบกับมู่อวิ๋นซีเพียงคนเดียวไม่ได้
แต่หากองค์หญิงใหญ่โชคไม่ดีเสียชีวิตไป แล้วเรื่องที่จะหย่ากับมู่จื่อหลันก็ไม่ต้องพูดถึง ต่อให้มู่อวิ๋นซีจะสวยสักแค่ไหน ก็สามารถได้เป็นแค่สนมของเขาเท่านั้น
“ก็ได้ เรื่องของมู่จื่อหลันรอให้อาการป่วยขององค์หญิงใหญ่หายดีไปเสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน” มู่อวิ๋นซีไม่ได้บีบบังคับ กิจการยาสมุนไพรของจวนตระกูลมู่ได้คืนอยู่ในความรับผิดชอบของฮูหยินเล็กเติ้ง ไม่กลัวเรื่องที่แน่นอน ก็กลัวเรื่องที่ไม่คาดคิด นางไม่สามารถที่จะอยู่ในช่วงสำคัญนี้ให้มีปัญหาอื่นแทรกซ้อนเข้ามาได้
“อวิ๋นซี” สายตาของเจี่ยอี้มองไปที่เอวอันอ่อนนุ่มของมู่อวิ๋นซีแล้วก้มลงไปที่มือเล็กๆ อันเรียวยาวที่ห้อยอยู่ข้างกายนาง และความปรารถนาในใจที่ยากจะทดไหว “ขอให้ข้าได้ดูมือเล็กๆ ของเจ้าหน่อย นี้เกิดมาได้อย่างไร ช่างดูขาวผุดผ่องกว่าของมู่จื่อหลันเสียอีก……”
“อวิ๋นซี!” และในขณะนี้ เสียงของมู่จื่อหลันได้ดังขึ้นมาจากข้างนอก

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset