ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา – ตอนที่ 7 น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ

เมื่อไฟสว่างขึ้น เตชินมองไปยังผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังรู้ดีว่าเจ้านายตัวเองต้องการจะพูดอะไร

เขาจึงเข้ามากระซิบว่า

” เธอคือแม่บ้านของคุณชายครับ ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เตชินก็อึ้งไป ไม่คิดว่าแม่บ้านของตัวเองจะหน้าตาดีและดูเด็กขนาดนี้

เมื่อนึกภาพอาหารในตู้เย็น เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่ทิ้งของกินเธอไปจนหมด

เขารู้สึกตะลึงในความงามตรงหน้าจนต้องกลบเกลื่อนโดยการหันไปเอ่ยกับเธอว่า

” ยืนนิ่งอยู่ทำไม ตักเค้กเสิร์ฟให้ทุกคนในงานสิ ”

” ค่ะ ”

พิมเอ่ยตอบแล้วลงมือตักเค้กเสิร์ฟให้ทุกคนในงาน

เธอเดินไปเสิร์ฟเค้กให้เพื่อนของเตชินที่นั่งดื่มเหล้า

วางเค้กลงบนโต๊ะแล้วหมุนตัวเดินออกมา

แต่เพื่อนของเตชินที่กำลังเมากลับคว้าข้อมือเธอไว้แล้วเอ่ย

” สาวน้อย มานั่งคุยกับพี่ก่อนสิ มาบริการพี่รับรองพี่ไม่ทำให้น้องเหนื่อยฟรี มีแต่คุ้มกับคุ้ม ”

เธอพยายามแกะมือเขาออก แต่เขากลับจับมือเธอแน่นขึ้น แล้วดึงเธอลงมานั่งบนตัก

เธอดีดตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ย

” ขอโทษนะคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ใช่มาทำหน้าที่บริการแบบที่คุณเข้าใจ ฉันเป็นแม่บ้านค่ะ ”

ไตรภพยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจแล้วเอ่ย

” ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมขอคุณให้มาบริการผมแล้วกัน ”

พิมพยายามอดทนและปฏิเสธอย่างสุภาพว่า

” ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ ”

เอ่ยจบเธอก็แกะมือเขาออกแล้วดึงมือกลับมา

แต่เขากลับลุกขึ้นมาโอบเอวเธออย่างดื้อรั้น

การกระทำทั้งหมดนี้ ตกอยู่ในสายตาของทุกคน แต่ทุกคนกลับรู้สึกเฉยๆ ราวกับดูละครฉากหนึ่งเท่านั้น

มีเพียงป๊อบที่ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป

เขาจึงเดินเข้าไปหาไตรภพ แล้วดึงพิมมาอยู่ข้างหลังเขา แล้วเอ่ยอย่างให้เกียรติคนตรงหน้าว่า

” คุณไตรภพเมามากแล้ว ผมว่าคุณปล่อยเธอไปทำหน้าที่ของเธอจะดีกว่านะครับ

ข้างกายคุณยังมีสาวๆคนอื่นอีกเยอะที่ยินดีจะบริการคุณ

คุณคงไม่ยืดติดกับแค่แม่บ้านตัวเล็กๆคนเดียวหรอก ใช่มั้ยครับ ”

ไม่ใช่ว่าไตรภพอยากจะยอมปล่อยพิมไป แต่เพราะเขาเกรงใจป๊อบต่างหาก

เตชินมองดูสถานการณ์ตรงหน้า เขาหรี่ตาลงด้วยความสนใจแล้วเอ่ย

” น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ ”

จากนั้นเขากับนาวินก็เดินเข้าไปหาป๊อบกับพิมพร้อมกัน

เตชินจึงเอ่ยถามขึ้น

” คุณป๊อบรู้จักกับแม่บ้านของผมมาก่อนเหรอครับ ”

ป๊อบกำลังจะตอบเขาไปว่า ” ใช่ ” แต่พิมกลับรีบชิงเอ่ยขึ้นก่อนว่า

” พวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนค่ะ ”

จากนั้นเธอก็หันไปเอ่ยขอบคุณอาจารย์ป๊อบของเธอด้วยความซาบซึ้งใจ

แต่กลับก้มหน้าด้วยความรู้สึกที่ต่ำต้อยและอับอายอย่างมาก

ที่มาเจอคนที่ตัวเองแอบชอบ ในขณะที่สถานะตัวเองต่ำต้อยไม่คู่ควรกับเขาแบบนี้

” ขอบคุณ คุณมากค่ะที่ที่ช่วย ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ ”

ทำเอาอาจารย์ป๊อบถึงกับอึ้งพูดไม่ออก ได้แต่เผยอปากเล็กน้อย มองพิมด้วยความไม่เข้าใจ

แล้วพิมก็เดินออกไปเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารต่อไป

เธอไม่อยากให้ใครรู้ตัวตนและประวัติของเธอ และยิ่งไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอจบอะไรมา

ไม่งั้นมันจะทำให้เธอทำงานแบบนี้อย่างไม่มีความสุข

สวมบทบาทของแม่บ้าน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เชื่อฟัง รับใช้เจ้านาย โดยไม่หลงเหลือเกียรติใดๆ

เพราะเธอรู้สึกว่า หากคนรู้สถานะของเธอ

ก็เหมือนกับเธอเอาวิชาชีพมาทำให้มันไม่มีคุณค่าและทำให้มันไม่มีเกียรติ

ดังนั้นเมื่อเธอเลือกที่จะถอนหัวโขนออก

เธอก็ต้องเป็นคนธรรมดาทั่วไปอย่างคนอื่นให้ได้

ทุกคนสามารถกดขี่ หรือดูถูกเธอได้ โดยที่ไม่กระทบใดๆกับหัวโขนที่เธอถอดออกแล้ว

และในตอนนี้เธอรู้สึกได้ ว่าเธอกับอาจารย์อยู่คนละชั้นกัน ไม่มีทางที่จะมาบรรจบกันได้

ต่อให้เธอพยายามเขย่งเท้า พยายามเอื้อมมือคว้า ก็ไม่สามารถคว้าเขาได้ ไม่มีทางเอื้อมถึง

ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกเศร้า เธอจึงตัดสินใจเดินไปเข้าห้องน้ำ

แล้วมองตัวเองในกระจกพึมพำออกมาในใจเบาๆ

[ พิมอย่าเพิ่งคิดอะไรให้ช้ำใจในตอนนี้ ทำงานๆ คิดซะว่า เขาไม่ใช่อาจารย์เธอ เขาคือคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เข้าใจมั้ย ]

ในงานเตชินนั่งบนเก้าอี้ มองดูป๊อบกับนาวินนั่งคุยกันอย่างเงียบๆ

ในมือถือแก้วไวท์ขยับข้อมือไปมาเบาๆ

เขาสามารถจับพิรุธของสาวใช้ของเขาได้

ดูก็รู้ว่าเธอพยายามจะปกปิดบางอย่าง

เขายังสังเกตเห็นว่าป๊อบดูให้ความสนใจกับสาวใช้ของเขามากเป็นพิเศษ

เพราะกับสาวๆสวยๆเซ็กซี่ ที่เขาจัดหามา ป๊อบกลับไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะชายตามองเลย

” สองคนนี้ น่าสนใจจริงๆ ”

เมื่องานเลี้ยงเลิกรา อาจารย์ป๊อบเดินมาหาพิม

ที่ตอนนี้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว

แต่พิมกลับหลบหลีก ทำเป็นไม่เห็นและไม่สนใจ

เขา เขาจึงเอ่ยว่า

” ผมจะกลับแล้ว ดูแลตัวเองด้วย ”

เขาคิดว่าการที่เธอปฏิเสธที่จะให้คนรู้ว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อนนั้น

เธอต้องมีเหตุผลของเธอ เขาเข้าใจ

แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือ เธอเป็นคนเรียนเก่ง ทำไมต้องมาทำอาชีพแบบนี้

ส่วนพิมเธอไม่ตอบ เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะ เก็บเศษอาหารและภาชนะต่างๆต่อไป

เมื่อแขกทุกคนกลับออกไปจนหมด เธอก็เข้าไปล้างถ้วยจานในครัว จนเลยเที่ยงคืน ตีหนึ่ง

แต่งานที่กองอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่เสร็จสักที

เธอรู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่ก็ไม่ปริปากบ่นออกมาแม้แต่น้อย

เตชินที่เมาเล็กน้อย เดินออกมาจากห้อง ด้วยความกระหายน้ำ จึงลงมาเอาน้ำดื่ม

ก็เห็นเธอยังคงยืนล้างถ้วยล้างจานอยู่ เขาจึงเอ่ยขึ้น

” ทำไมยังอยู่ตรงนี้ ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาทำก็ได้ ”

เธอจึงเอ่ยตอบไปว่า

” ค่ะ แต่งานในหน้าที่ฉันมีให้ทำทุกวัน หากกองไว้ตรงนี้ งานอื่นก็จะล่าช้าออกไปด้วย ”

เตชินไม่เข้าใจหรอกว่าในแต่ละวันเฟิร์นทำงานเยอะและเหนื่อยมากแค่ไหน

ดูเหมือนไม่มีอะไรเยอะ แต่งานหลักและงานจุกจิกกลับมีให้เธอทำไม่ขาดมือ

” งั้นก็ตามใจ พรุ่งนี้วันหยุดคุณ ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก

คุณไปกับผมนะ ผมจะพาคุณไปซื้อของกินมาตุนไว้ในบ้าน ”

ได้ยินดังนั้น เธอจึงเอ่ยตอบเพียง

” ได้ค่ะ ”

แล้วเตชินก็หยิบน้ำดื่มขึ้นไปชั้นบนทันที

ในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาพาเธอมาซื้อของในบิ๊กซี

เธอเกรงใจเขามากและรู้สึกเกรงๆที่มากับเขา

เธอจึงเอ่ยว่า

” เอ่อ คุณชายไปทำธุระของคุณชายก่อนก็ได้นะคะ ฉันจะเดินซื้อของรอคุณชายในนี้ไปก่อน ”

เขาที่มีสีหน้านิ่ง เคร่งขรึม เย็นชาตลอดเวลา

ก็เอ่ยออกมาอย่างนิ่งเฉยว่า

” อืม งั้นคุณก็เลือกซื้ออะไรไปก่อน อยากกินอะไรซื้อเอาเลยไม่ต้องเกรงใจ

ในแต่ละวันคุณต้องใช้พลังงานเยอะ ดังนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรล่ะ

ไม่งั้นคงไม่มีใครคอยทำงานบ้านให้ผม ถ้าคุณป่วยขึ้นมาคงไม่มีใครทำแทนได้ ”

ประโยคหลังทำเอาพิมถึงกับพูดไม่ออก เธอมองเขาอย่างคาดไม่ถึง

ว่าคนคนหนึ่งจะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองได้มากถึงเพียงนี้

เธอถึงกับแอบพึมพำในใจว่า

[ นี่ถ้าเราไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เขาจะปฏิบัติกับเรายังไงเนี่ย

พวกคนรวยนี่คงเป็นแบบนี้ทุกคนเลยสินะ เห็นคุณค่าของคน แค่ตอนที่เขายังมีประโยชน์อยู่

เฮ้อ โลกของคนรวยนี่ช่างอยู่ยากจริงๆ ]

เอ่ยจบเตชินก็ยื่นบัตรใบหนึ่งมาให้เธอแล้วเอ่ยต่อว่า

” รูดได้ตามสบาย ”

เธอรับมาแล้วเอ่ย

” ขอบคุณค่ะ ”

ทั้งสองคน ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป

พิมเดินซื้อของอย่างเพลิดเพลินโดยที่สมองไม่คิดอะไร

ไม่นานของที่เธอหยิบใส่ๆก็เต็มรถเข็น เธอเลยเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ทันที

แล้วเตชินก็กลับมารับเธอ เมื่อคิดเงินเสร็จทั้งสองก็กลับไปที่รถ

เธอหยิบของใส่รถ เสร็จแล้ว ก็เดินมาเปิดประตูขึ้นมานั่งในรถ

แล้วเตชินก็ขับรถออกไป ตลอดทางกลับบ้านทั้งสองนั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

เธอเองก็อึดอัดมาก คิดว่าต่อไป คงจะไม่ได้ออกไปไหนสองต่อสองกับเจ้านายแบบนี้

เพราะเธอไม่คุ้นชินกับการนั่งรถส่วนตัว

สองต่อสองกับคนแปลกหน้าเช่นนี้

ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา

ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset