เมื่อได้ยินคำพูดของณัชชา เตชินก็หยุดนิ่งยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน
แล้วหันมามองณัชชาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาณัชชาอย่างช้าๆราวกับราชสีห์กำลังข่มขวัญศัตรูอยู่
จนทำให้ณัชชารู้สึกเสียใจขึ้นมาที่สติหลุดเผลอพูดออกไปแบบนั้น
เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ แล้วเอ่ยเสียงเย็น
เบาพอได้ยินแค่สองคนด้วยน้ำเสียงราวกับปีศาจร้าย
” ณัชชา เธอโตมากับฉัน เธอคิดอะไร นิสัยยังไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ
การหมั้นที่ไร้สาระครั้งนี้ ใช่แผนการของเธอหรือเปล่า
จุดประสงค์เธอคืออะไร ถูกบังคับหรือเปล่านั้นไม่ต้องมาบอกฉันเธอรู้ดีที่สุด
อย่าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอจะดีกว่า “
เมื่อได้ยินดังนั้น ณัชชาถึงกับอึ้งไป จนพูดไม่ออก
ราวกับถูกตบหน้าแรงๆจนหูอื้อ แววตาเบิกกว้างด้วยความกลัว
เธอไม่คิดว่าเตชินจะมองทุกอย่างออกขนาดนี้
แต่เมื่อความลับในใจถูกเปิดเผย เธอก็ไม่มีทางเลือกแล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนความรู้สึกอีกต่อไป
เธอยิ้มขึ้นที่มุมปาก แววตาร้ายกาจ จ้องเตชินอย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ยอย่างทะนงตนว่า
” ในเมื่อพี่รู้หมดแล้ว ก็ดีค่ะ ต่อไปฉันจะได้ไม่ต้องมากังวลซ่อนความรู้สึกอีก
ฉันเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของบริษัท และเป็นคนที่เหมาะสมกับพี่ที่สุด
หากพี่คิดจะปฏิเสธการหมั้นระหว่างเรา นอกจากจะเสียหุ้นไป30%แล้ว
อาจจะเสียทั้งนักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายอื่นไปด้วย
หากข่าวการตัดความสัมพันธ์ของตระกูลเราสองคน
ถูกเผยแพร่ออกไปเมื่อฉันลาออกตำแหน่งรองประธานบริษัท
บริษัทพี่อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยเลยนะ พี่กลับไปคิดทบทวนให้ดีๆ “
ณัชชารู้ดีว่าจุดอ่อนของเตชินคือบริษัท เพื่อบริษัทแล้วเตชินยอมทุ่มเทสุดกำลังแรงใจที่มี
ต่อให้ต้องเลือกระหว่างคนรักกับบริษัทเตชินก็เลือกบริษัท
เพราะเตชินจะไม่ทิ้งความสำเร็จในอนาคตเพื่อคนรักคนเดียวข้อนี้เธอรู้ดี
เตชินบีบแขนณัชชาด้วยความเดือดดาล
เขาคิดไม่ถึงว่าโตมาเธอจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ถึงขั้นมาขู่เขาแบบนี้
เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้จนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว
แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นอย่างไร้หัวใจว่า
” ณัชชาเธอคิดว่าคุ้มแล้วเหรอ ที่จะมาบีบบังคับกันด้วยวิธีนี้
ได้หมั้นกับฉันสมใจเธอแล้วยังไง เธอรับได้เหรอที่จะถูกทิ้งไว้บนหิ้ง
อยู่อย่างแม่หม้าย มีสามีแต่ก็เหมือนไม่มี เธอคิดดีแล้วเหรอ
หากคิดดีแล้วคิดจะหมั้น จะแต่งงานกับฉันให้ได้งั้นก็เตรียมรับชะตากรรมที่น่ารังเกียจได้เลย “
ณัชชาจ้องมองเตชินด้วยแววตาที่แข็งกร้าวแต่ลึกๆแล้วกลับแฝงไปด้วยความเศร้าเสียใจ แล้วเธอก็เอ่ยขึ้น
” แค่ได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ถึงต้องอยู่บนหิ้ง ฉันก็ยอม “
ได้ยินแบบนี้เตชินถึงกับผลักเธอออกห่างจากตัวด้วยความรังเกียจ เอ่ยเพียงว่า
” ดี ดีมาก เธอเลือกเองนะ “
เอ่ยจบก็เดินจากไปโดยไม่สนใจใยดีณัชชาอีกต่อไป
ปล่อยให้เธอยืนร้องให้ด้วยความน้อยใจอยู่ข้างหลังคนเดียว
ระหว่างทางเตชินนั่งในรถด้วยสีหน้านิ่งและเงียบขรึม
เขากำลังคิดแก้ปัญหาเกี่ยวกับการหมั้นที่จะเกิด
หมั้นไม่เท่าไหร่แต่หลังจากแต่งงานไปแล้วนี่สิ
เขาจะต้องทำยังไงให้ณัชชายอมแพ้และหมดความอดทนจนเลิกรักเขาไป
เมื่อกลับไปถึงบ้านก็หกโมงเย็นแล้ว เขาเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น
แล้วยกขึ้นมาดื่มเพื่อให้ตนเองสดชื่น
ดื่มน้ำเสร็จเขาก็เดินขึ้นไปบนห้องทันทีด้วยความเหนื่อยหน่าย
ผู้ช่วยคังส่งข้อความไปหาพิม
( คุณพิม คุณชายให้ผมไปส่งคุณไปซื้ออาหารและของใช้ส่วนตัวครับ ผมรออยู่หน้าบ้านนะ )
พิมเปิดอ่านข้อความเสร็จเธอก็ตอบไปว่า
( โอเคค่ะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ )
ตอบข้อความเสร็จเธอก็ไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
ด้วยชุดลำลองที่ใส่สบายๆ สวมรองเท้าผ้าใบเก๋ๆรวบผมขึ้นหลวมๆ แล้วเดินออกจากห้องไปทันที
เมื่อไปถึงเธอก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ
เตชินที่อยู่ข้างบนมองออกไปนอกหน้าต่างพอดีเห็นแผ่นหลังของพิมแวบหนึ่ง
ก็บ่นพึมพำออกมาคนเดียวว่า
” ป้าแม่บ้านคนนี้รูปร่างผอม แต่ดูแลผิวดีใช้ได้ “
จากนั้นเขาก็หันมาสนใจงานในคอมของเขาต่อ
พิมกับผู้ช่วยคัง เข็นรถเข็นเดินซื้อของจำพวกอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม รวมถึงของใช้ส่วนตัว
ผู้ช่วยคังจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเอ่ย
” คุณพิมเอาคิวอาร์โค้ดบัญชีคุณมาสิ คุณชายโอนเงินค่าอาหารคุณเข้ามาให้แล้ว ผมจะโอนไปให้คุณสแกนจ่าย “
พิม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยื่นคิวอาร์โค้ดบัญชีของตัวเองให้ผู้ช่วยคังทันที
เมื่อสแกนเสร็จเธอจึงเอ่ยตามมารยาทว่า
” ขอบคุณค่ะ “
แล้วทั้งสองก็เข็นรถเข็นไปยังจุดชำระเงิน พนักงานคิดเงินเสร็จ เธอก็สแกนจ่ายเงินทันที
เมื่อกลับมาที่รถ ผู้ช่วยคังก็เอาของขึ้นมาไว้ในรถ
จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ขึ้นไปนั่งในรถ ผู้ช่วยคังก็ขับออกไปทันที
เธอจึงเอ่ยขอบคุณผู้ช่วยคังว่า
” คุณคัง ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาส่ง ไว้คุณว่างฉันจะทำอาหารเลี้ยงเพื่อเป็นการตอบแทนดีมั้ยคะ “
ผู้ช่วยคังยิ้มแล้วเอ่ย
” ไม่เป็นไรครับคุณพิม แค่คุณพิมกินอิ่ม นอนอุ่น อยู่แล้วมีความสุข
แค่นี้ก็ตอบแทนผมมากแล้ว อีกอย่างนี่เป็นหน้าที่ผมที่ต้องดูแลคุณพิมครับ “
” อย่างงั้นก็ได้ค่ะ แต่ถ้าคุณหิว ก็สามารถทานอาหารที่ฉันทำได้เลยนะคะ หรือคุณอยากทำกินเองก็ได้ตามสบายเลยนะ “
” ครับ “
ผู้ช่วยคังมองดูพิมเอ่ยพูดอย่างไร้เดียงสาด้วยความไม่รู้อะไร
เขาได้แต่ยิ้มให้เธอและคิดในใจอย่างเงียบๆ
[ ในบ้านคุณชายมีตู้เย็นเครื่องเดียวห้องครัวแค่ห้องเดียว
คุณพิมจะลำบากมั้ยนะ แล้วจะไปขัดใจอะไรกับคุณชายหรือเปล่า ]
คุณชายของเขาที่รักอิสระ ต้องการความเป็นส่วนตัว
จะรำคาญพิมที่เป็นแม่บ้านประจำของเขามั้ย เรื่องนี้เขายากที่จะรู้ได้
เมื่อกลับมาถึงบ้าน พิมและผู้ช่วยคังก็ช่วยกันขนของลงจากรถ
เสร็จผู้ช่วยคังก็เดินออกไป เหลือพิมที่อยู่ในห้องครัวคนเดียว
จัดเรียงทุกอย่างเข้าตูเย็น จนเต็มตู้
มีแต่เครื่องดื่มที่เธอชอบ ชาเลมอนน้ำผึ้งมะนาว ของหวาน น้ำอัดลม
อาหารก็จะมี หมูสามชั้น ซีโครง ผักผลไม้มีเล็กน้อย นอกนั้นก็เป็นขนมทานเล่น
จำพวกช็อกโกแลต ทั้งแบบแผ่น แบบแท่ง แบบกลม แบบเม็ด ล้วนเป็นของที่เธอชอบ
ที่ใส่ในตู้เก็บของนอกตู้เย็นก็จะมีขนมมันฝรั่งทอดกรอบ รสสาหร่ายที่เธอชอบมาก และซื้อบะหมี่ไว้ในยามฉุกเฉินอีกด้วย
เรียงเสร็จเธอก็หยิบขนมกับน้ำไปที่ห้องของตัวเองทันที
ในตอนเช้า เตชินตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้า เมื่อออกกำลังกายเสร็จ
เขาเดินเข้าไปในห้องครัวเปิดตู้เย็นออกมาเพื่อหยิบน้ำดื่ม
แต่ก็ต้องตกใจกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า ที่เต็มไปด้วยอะไรก็ไม่รู้มีแต่ของไร้ประโยชน์ในสายตาเขา
แล้วเขาก็พึมพำออกมาอย่างไม่ชอบใจ
แต่ก็ไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าคนแก่ไม่รู้เรื่อง
” ป้าแม่บ้านคนนี้นี่ ไม่รู้หรือไงว่าการที่ทานแต่ของพวกนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะ
สงสัยจะต้องเตรียมไว้ให้เองซะแล้วจะได้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่ช่วยดูแลงานบ้านไปนานๆ “
พึมพำเสร็จก็ไปหยิบถุงขยะ เอาของที่ไม่มีประโยชน์ในตู้เย็นทิ้งจนหมดเกลี้ยง
แล้วออกไปซื้อของคนเดียวในซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้ออาหารที่มีประโยชน์
เครื่องดื่มก็ซื้อแบบไม่มีน้ำตาล โยเกิร์ตก็ซื้อ
ที่แคลลอรี่ต่ำ ไขมัน0%
ซื้อนมที่บำรุงกระดูกสำหรับคนแก่มาให้เธอ รวมถึงซื้อข้าวกล้องและธัญพืชต่างๆไว้ให้พร้อม
แล้วกลับมาจัดใส่ในตู้เย็นให้อย่างเป็นระเบียบเหมือนเดิม
จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปห้องไปเพื่อไปอาบน้ำ ไม่นานเขาก็ออกมาจากห้อง
เดินลงมาแล้วออกจากบ้าน ไปขึ้นรถแล้วขับรถออกไป
พิมตื่นขึ้นมาเธอไปอาบน้ำแต่งตัว ล้างหน้า
แปรงฟัน แล้วเริ่มทำงานบ้านตามปกติ
ตอนบ่ายเธออยากกินส้มตำ จึงคิดจะทำส้มตำกิน
แต่พอเธอไปเปิดตูเย็น ก็ถึงกับไม่มีความอยากอาหารอีกต่อไป
เมื่อของโปรด ของชอบเธอหายเกลี้ยงไปเพียงแค่ชั่วค่ำคืนเดียว
ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่เธอไม่ชอบเกือบทั้งหมด เธอกัดฟันมองตู้เย็นอย่างอารมณ์เสียแล้วบ่นออกมา
” เป็นฝีมืออิตาเจ้าของบ้านแน่เลย นี่กะจะให้เรากินแต่ของพวกนี้รึไง
ไม่รู้หรือไงว่าคนทำงานเหนื่อยๆร่างกายก็ต้องการน้ำตาล เพลียจิตกับอิตาคนนี้ “
จากั้นเธอก็ทำสีหน้ายอมจำนนพร้อมกับเอ่ยอย่างคอตกปลอบใจตัวเองว่า
” ช่างเหอะ เขาเป็นเจ้าของบ้านแถมเป็นนายจ้างที่ให้เงินดี
ทนๆ ยอมๆเขาไปก่อนแล้วกัน กินเท่าที่มีไปก่อนนะเรา “
พูดจบเธอก็เริ่มทำส้มตำรสแซ่บ เผ็ด เปรี้ยว หวานหน่อยๆ หอมปลาร้านิดๆ รสชาตินัวๆแซ่บๆ
แล้วเธอก็นั่งกินคนเดียวอย่างเอร็ดอร่อย เพลินจนลืมความไม่พอใจไปเลย