ในคืนที่หนาวเหน็บ และแสงไฟสลัว ท่ามกลางผู้คนคึกคัก ใจของเหอเจิงเหมือนตายไปแล้ว
เธอไม่เคยเลยสักครั้งที่จะออกมาสัมผัสบรรยากาศคึกคักของเมืองเหยียนจิงกับจี้ผิงโจว
จี้ผิงโจวเอื้อมมือไปเปิดฟังวิทยุ พิธีกรสาวรายงานสถานการณ์สภาพอากาศทั่วไป หิมะตกเล็กน้อย และอาจจะมีฝนโปรยบ้าง เหอเจิงได้ฟัง ในใจก็ยิ่งว้าวุ่น เธอจึงถามว่า “ถ้าตอนนั้นฉันไม่โกหกคุณ คุณจะทำกับฉันแบบนี้ไหม?”
จี้ผิงโจวไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา
“ฉันไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเธอ”
“ถ้าฉันเลือดเข้ากับพี่สาวคุณไม่ได้ พวกเราคงเลิกกันไปนานแล้วใช่ไหม?”
“ไม่งั้นเธอคิดว่าไง?”
ผู้หญิงที่กล้ามาหลอกเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัว
เขาก็คงไม่เก็บเธอไว้แน่
เขาคือจี้ผิงโจว คนที่ถูกเลี้ยงดูปูเสื่อมาอย่างดี ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยติดขัด แต่พอมีเหอเจิงเข้ามา ก็ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป
เหอเจิงก้มหน้ามองกระดุมเสื้อ รู้สึกเหมือนมีอะไรหยดลง จนทำให้เสื้อเปียก “จี้ผิงโจว ฉันเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจอะไร?”
เหอเจิงเตรียมจะตอบกลับ แต่จี้ผิงโจวก็ปิดวิทยุและพูดขึ้นก่อนว่า
“เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเก็บเธอไว้เหรอ?” เขาประชดประชัน “ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์อันนั้น ฉันจะเก็บเธอไว้ทำไม เธอคิดว่าฉันจะเก็บผู้หญิงที่สวมเขาฉันเหรอ ฟางเหอเจิงเธอคงไม่คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
เหอเจิงรู้สึกเหมือนใจถูกฉีกเป็นชิ้น “เปล่า”
“งั้นต่อไปก็ไม่ต้องถามอะไรไร้สาระแบบนี้อีก ฉันได้ยินแล้วจะอ้วก”
เธอจึงก้มหน้าลง
รถเคลื่อนตัวได้ทีละนิด
กว่าที่จะเดินทางมาถึงบ้านตระกูลฟาง ฝนก็หยุดตกแล้ว ขณะที่เหอเจิงลงจากรถ เธอยังทรงตัวได้ไม่ดีพอ แผ่นหลังของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ
ยังไม่ทันที่จะเข้าประตูบ้าน
ก็มองเห็นฟางลู่เป่ย ยามสองคน และผู้หญิงคนหนึ่งยืนร้องไห้ บริเวณข้างรั้ว
ฟางเหอเจิงก็จะเอื้อมมือไปจับรถเพื่อประคองตัวเอง แต่ก็สัมผัสได้ถึงมือของจี้ผิงโจวแทน
แค่แวบเดียวก็รู้สึกเหมือนโดนไฟลวก เธอรีบชักมือออก แต่จี้ผิงโจวก็กำมือเธอแน่น จากนั้นพูดว่า “ดูซิ ตั้งแต่แต่งงานกับเธอก็วุ่นวาย เรื่องของบ้านเธอเมื่อไหร่จะจัดการให้เรียบร้อย?”
เหอเจิงพยายามดึงมือออก และพูดว่า “คุณกลับไปเถอะ ไม่รบกวนแล้ว”
แต่เขาทำเหมือนไม่ได้ยินคำที่เธอพูด
จากนั้นก็จูงมือเธอ แล้วเดินไปทางกลุ่มคนพวกนั้น
เมื่อเดินเข้าไปใกล้
ก็ได้ยินหญิงสาวคนนั้นร้องเอาเป็นเอาตาย เธอมองไปรอบๆ จากนั้นก็มองไปที่ลู่เป่ย
“คุณบอกจะรับผิดชอบฉัน คุณเป็นคนพูดเอง…”
ฟางลู่เป่ยหันไปสั่งยามสองคนทางสายตา จากนั้นเขาทั้งสองก็เดินไปจับหญิงสาวคนนั้นไว้
“ฉันพูดอะไรก็หมายความว่าแบบนั้นเหรอ ฉันบอกจะซื้อจรวดให้เธอ เธอก็เชื่อ?”
เหอเจิงและจี้ผิงโจวหยุดพร้อมกัน ทั้งสองไม่อยากเดินเข้าไปใกล้มากกว่านี้
ใบหน้าของเธอซีดเผือด และเริ่มจะทนต่อไปไม่ไหว แต่เธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
ยามทั้งสอง เตรียมจะลากผู้หญิงคนนั้นออกไป แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ดิ้นจนหลุด และก็ใช้เล็บตะกุยหน้าพวกเขา
ฟางลู่เป่ยที่เบื่อกับสถานการณ์ตรงหน้าเต็มทน จึงเตรียมจะเดินหนี แต่ก็ถูกหญิงสาวคว้าไว้
เขาโมโหจนควันออกหู
จากนั้นก็ผลักผู้หญิงคนนั้นล้มไปกองที่พื้น จนถลอกปอกเปิก
ด้านมืดของฟางลู่เป่ยน่ากลัวมาก เขาเป็นคนชอบเที่ยวเล่นและเสเพลไปทั่ว แต่ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำอะไรเขาได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาจัดการเรื่องผู้หญิงได้สะอาดเรียบร้อย
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะยาก
เขายกขาขึ้นเตรียมจะเดินหนี แต่ก็ถูกผู้หญิงคนนั้นคว้าขากางเกงไว้ได้ จากนั้นเธอก็ร้องห่มร้องไห้ “คุณจะไปไหนไม่ได้ ฉันท้องกับคุณแล้ว คุณจะไม่สนใจฉันไม่ได้”
เหอเจิงเห็นท่าทางและสีหน้าของลู่เป่ยแล้ว เธอรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ
เธอไม่ลังเล รีบสละมือออกจากจี้ผิงโจว และพุ่งตัวเข้าไปขวางไว้
ฟางลู่เป่ยเห็นเหอเจิงที่โผล่มา ก็รีบเก็บมือและเท้า ไม่ได้ลงมือ
“เธอทำไมกลับมา?”
“รีบกลับเข้าไปซะ”
เหอเจิงจ้องหน้าเขา จากนั้นก็หันเอาเสื้อไปคลุมให้หญิงสาว และพยุงเธอลุกขึ้น
ฟางลุ่เป่ยเห็นดังนั้นก็โกรธจัด “ฟางเหอเจิง เธอกล้ายุ่งเรื่องของฉันเหรอ?”
“พี่หน้าไม่อายถึงขนาดจะฆ่าคนได้เลยเหรอ”
เหอเจิงไม่ได้สนใจฟางลู่เป่ยที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่หันไปพูดกับหญิงสาวคนนั้นว่า “กลางคืนค่อนข้างหนาว ต้องดูแลตัวเองดีๆ มีเรื่องอะไรค่อยพูดค่อยจากัน”
หญิงสาวมองที่ตาเธอ แล้วรู้สึกมีความหวัง
ขณะนั้นเอง ฟางลู่เป่ยก็เอื้อมมือมาดึงคอเสื้อของเหอเจิง เตรียมจะผลักเธอเข้าไป แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ถูกจี้ผิงโจวจับแขนเอาไว้แล้ว จี้ผิงโจวใช้สายตาเตือนอะไรบางอย่างกับเขา
จากนั้นเขาก็ดึงลู่เป่ยมายืนข้างๆ และมองไปทางเหอเจิง
เหอเจิงกระชับเสื้อคลุมให้หญิงสาว ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาให้เธอเช็ดน้ำตา
และเพราะพวกเขายื่นค่อนข้างห่าง
ทำให้ได้ยินไม่ชัดว่าพวกเธอพูดอะไรกัน
เห็นเพียงปากของเธอกำลังขยับ จากนั้นหญิงสาวก็ดูเหมือนจะเย็นลง และค่อยๆพยักหน้า
ฟางลู่เป่ยเห็นบรรยากาศนั้น ก็รู้สึกขนลุก และก็รู้สึกน่าขำไปพร้อมกัน เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาเตรียมจะสูบ แต่ตอนที่จะจุดไฟแช็คเขาก็โดนห้ามไว้ “ขอโทษ ลืมไปว่านายอยู่”
จากนั้นจี้ผิงโจวก็หันไปมองเหอเจิงต่อ
เธอกำลังปลอบหญิงสาวคนนั้น ไม่นานเธอก็กอดหญิงสาวคนนั้น
“ดูเธอซิ ทำเรื่องแบบนี้เก่งที่สุด”
“ตอนแรกก็เพราะแบบนี้ไม่ใช่เหรอที่หลอกฉันได้?”