บอกไว้ว่า 2 วัน
แต่ว่าเหอเจิงหายไปครั้งนี้ นานเกือบครึ่งเดือนเต็มๆ
วันที่หนึ่ง วันที่สองยังพอทนได้ แต่ว่าเวลานานไป แม้แต่คนใช้บ้านตระกูลฟางก็เริ่มจะคาดเดากันแล้วว่า ตกลงจี้ผิงโจวไล่ฟางเหอเจิงออกไป หรือว่าเธอออกไปเอง ข่าวคราวยิ่งแพร่ออกไปยิ่งไม่เข้าท่า
จนในที่สุดก็มาถึงหูของจี้ผิงโจว
ขาของเขาเพิ่งจะหายดี เดินออกจากตึกเหนือก็ได้ยินคุณป้าถาม “คุณหนูฟางจะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหม”
แต่ไหนแต่ไรมา คนใช้ของตระกูลจี้จะไม่ถามคำถามแบบนี้
ส่วนใหญ่แล้ว
จะเป็นเหอเจิงที่ถามว่า “คุณชายจี้จะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหม” เธอจะถามด้วยความสุภาพ และความอ่อนโยน ทำให้ทุกคนเข้าใจว่า เธอเป็นภรรยาที่น่าสงสารที่ถูกสามีทิ้งไว้ในห้องขัง คนของตระกูลจี้ส่วนใหญ่แล้ว จะบอกว่าคุณหนูฟางให้ความสำคัญกับคุณชายมาก แต่ไม่มีใครบอกเลยว่าพวกเขารักกัน
แต่ทำไมตอนนี้เหมือนกับว่าตรงกันข้ามล่ะ
ในใจของจี้ผิงโจวเต็มไปด้วยความสับสน เขาเรียกเป๋ยเจี่ยนกลับมา ถามด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความสุข “ฟางลู่เป่ยบอกว่าไง เหอเจิงจะกลับมาเมื่อไหร่”
เป๋ยเจี่ยนก้มหน้าอย่างเดียวไม่กล้าพูด นิ้วมือสั่นไปหมด ตอบอย่างลังเล “เขา…เขาไม่ได้พูดไว้”
“ไปถามสิ”
“เอ่อ”
“ไปถาม” ความอดทนของจี้ผิงโจวได้หมดลงแล้ว “วันนี้ฉันกลับมาจากโรงพยาบาล จะต้องเห็นเธอ”
นี่ไม่ใช่เป็นการเจรจา
มันเป็นคำสั่ง
เป๋ยเจี่ยนจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องของเหอเจิง ส่วนจี้ผิงโจวขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ตามทางมีท้องฟ้าที่แจ่มใส มีลมเย็นสบายและดวงอาทิตย์ที่งดงาม เมื่อเดินทางได้ครึ่งทาง ก็ได้รับสายจากทางบ้าน เป็นสายโทรศัพท์บ้านของตึกใต้ เสียงพูดของคุณน้าที่ติดๆขาดๆ ยังแฝงด้วยเสียงร้องไห้และเสียงสั่น
“คุณชายจี้ คุณรีบกลับมาด่วนค่ะ โรคของคุณหนูสามกำเริบอีกแล้ว”
จี้ผิงโจวจับพวงมาลัยรถไว้แน่น มองไปยังด้านหน้า ตอบด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ่ายเลือดสิ เรื่องอย่างนี้ยังต้องให้บอกอีกหรอ”
เสียงร้องไห้ของคุณป้ายิ่งหนักขึ้น “คุณหนูฟางไม่อยู่ ไม่มีใครให้เลือดคุณหนูได้ คุณรีบกลับมาเถอะ ทั้งหมอและพยาบาลจะเป็นบ้ากันอยู่แล้ว ควบคุมอาการโรคไม่ได้”
เป็นฟางเหอเจิงอีกแล้ว
เวลาที่ไม่มีเธออยู่ เหมือนจะมีผลกระทบจริงๆ
หลังจากกลับรถ จี้ผิงโจวรีบตรงไปยังตึกใต้ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อไปดูอาการให้กับจี้เหยียนเซียง
ตระกูลจี้เป็นตระกูลหมอ
เมื่อมาถึงรุ่นนี้ ต่างคนต่างก็มีโรคมีภัยเหมือนๆกัน เหลือแต่จี้ผิงโจวที่ยังรับหน้าที่นี้อยู่ อายุยังน้อยก็รับหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขาก็จะเป็นหมอที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับวิจัยที่ประสบความสำเร็จทางด้านวิธีการรักษาโรคที่หลากหลาย
จำได้ว่าตอนที่เหอเจิงพบเขาครั้งแรก นัยน์ตาที่สวยงามเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เธอเขย่งเท้า เข้าไปข้างๆหูของเขา พูดด้วยเสียงนุ่มนวล “ฉันเคยเห็นคุณชายจี้ในสารคดี มีคนเคยบอกคุณไหมว่า ตัวจริงของคุณดูดีกว่าเยอะเลย สมกับคำว่า ‘เป็นผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่าง’จริงๆ”
เป็นคนแบบนี้คนหนึ่ง
ที่ได้แต่งงานกับเขา
แต่ต้องถ่ายเลือดให้กับพี่สาวที่เต็มไปด้วยโรค แบบนี้เขาจะนับว่าเป็นหมอที่สูงส่งได้ยังไง
ตอนที่ได้รับโทรศัพท์ของเฉียวเอ๋อ เหอเจิงกำลังเดินทางกลับเมืองเหยียนจิง
เธอขยับไปมากับการที่นั่งรถเป็นเวลานาน เวลานี้ในสมองมีแต่ความมึนงงทำให้สายตาพร่ามัวเห็นเป็นดาว
“เฉียวเอ๋อ”
เสียงเปล่งออกจากในลำคอ
เพียงเสียง เสียงหนึ่ง
เฉียวเอ๋อก็รู้ว่าสภาพของเหอเจิงไม่ได้ดีเท่าไหร่ เธอพิงอยู่มุมกำแพง มือกอดอกไว้ ในปากอมลูกอมหวานไว้ สายตามองไปยังหน้าของเป๋ยเจี่ยนที่แต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษ “คนล่ะ กี่วันแล้วที่ไม่มีข่าวคราว”
“กลับบ้านแล้ว”
คำพูดหยุดชะงักทันที
บ้านที่เหอเจิงพูดถึงนี้ไม่ใช่บ้านตระกูลฟางหรือว่าบ้านตระกูลจี้ แต่เป็นบ้านของเธอเอง เรื่องนี้เฉียวเอ๋อรู้ดี แต่เป๋ยเจี่ยนไม่รู้แน่ๆ เธอปิดที่เสียงเข้าของโทรศัพท์ พูดแบบไม่เต็มใจ “เธอไม่ได้อยู่เมืองเหยียนจิง”
“ไปไหนหรอ”
“กลับบ้าน”
เป๋ยเจี่ยนยกคิ้วขึ้น “ฉันขอพูดกับคุณหนูฟางด้วยตัวเองได้ไหม”