น้ำเสียงแบบนี้ถึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของจี้ผิงโจว
เพื่อตามหาต้นเสียง ฟางเหอเจิงเลยหันคอ หันหน้าไปดูด้านหลัง สายตาไปหยุดอยู่ที่กางเกงสะอาด รองเท้าบูทที่เป็นประกาย ท่ามกลางค่ำคืนที่สลัวๆแบบนี้ ก็ได้ประกายแสงอ่อนๆที่สวยงาม
“เงยหน้าสิ”
จี้ผิงโจวสั่งเธอ
เหอเจิงเงยหน้าขึ้นมา แสงสว่างกระทบกับสายตาของเธอในขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นใบหน้าสดใสของจี้ผิงโจว เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เชิดตัวตรง ตั้งใจระบายออกมา “คุณมาทำไม”
“ผมมาไม่ได้หรอ”
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ครั้งหน้าเจอกันก็จะเป็นสถานีตำรวจ หรือว่าคุณจะมาส่งใบหย่า”
เธอแต่งตัวที่ดูแล้วธรรมดามาก บนมือถือถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยของใช้ ค่อยๆยืนขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายแห่งการข่มขู่ “หรือว่าวันนี้ คุณพกมาด้วย”
เขากวาดสายตามองไปยังหมาที่อยู่บนพื้นแล้วมองมายังเหอเจิง จี้ผิงโจวยกคิ้ว ถอยไปครึ่งก้าว “ ทำไมเธอไม่กลับไปที่บ้านตระกูลฟาง”
เวลาคุยกับเขาเป็นอะไรที่มีคำพูดน้อยมาก
เหอเจิงหยุดอาการที่จะทำตาขาว หันหลังจะไป ก็ถูกจี้ผิงโจวดึงมือไว้ “ฉันกำลังถามคำถามเธออยู่ เธอมีมารยาทไหมเนี่ย”
“ไม่มี”เหอเจิงสะบัดเขาออก “ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีพ่อให้กำเนิด แต่ไม่มีแม่เลี้ยงดู เลยลบหลู่คุณจี้ผิงโจวพอใจรึยัง คุณเซ็นชื่อ แล้วผู้หญิงที่มีมารยาทมากมายก็จะมาหาคุณ”
“พูดพอหรือยัง”
“คุณจะทำให้ถึงขั้นต้องเข้าถึงทางการจริงๆหรอ”
เธอจริงจังมาก
จริงจังถึงขั้นมองข้ามหัวตัวเองไปแล้ว
จี้ผิงโจวไม่เข้าใจจริงๆ ห่างกันเพียงแค่เสื้อไหมพรม เขาตั้งใจจะเอาใจเหอเจิงโดยการชี้ไปยังข้อมือของเธอ “ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนง้อที่จะแต่งงานกับฉันหรือ”
“ใช่”
ตรงจุดนี้เธอยอมรับแน่นอน
“ตอนนี้ฉันเสียใจที่ตัดสินใจแบบนั้นไป”
ลมยามค่ำคืนที่เย็นและอ่อนนุ่มพัดผ่านใบหน้าของเขาทั้งสองไป
ผมที่ยาวสลวยของเหอเจิงกำลังปลิวไปมา เหมือนกับสาหร่ายทะเลที่ลอยไปมาตามธรรมชาติ เธอจ้องมองจี้ผิงโจว เขาสงบและพูดอย่างแยแส “อยู่ที่ตระกูลจี้ สิ่งที่ฉันให้เธอทั้งอาหาร ของใช้ เครื่องแต่งกาย ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ดีที่สุด เธอคิดดีแล้วหรือยัง”
เหอเจิงไม่ได้ลังเล “คิดดีแล้ว”
ต่อให้ต้องกลับไปใช้ชีวิตคนเดียวในฐานะฟางเหอเจิง เธอก็จะออกจากตระกูลจี้ให้ได้
จี้ผิงโจวไม่ได้พูดอะไร
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
เขาพยายามตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวและทุกๆความรู้สึกของเหอเจิง เขาหาอาการที่แสดงออกมาว่ากำลังล้อเล่นอยู่ของเธอไม่เจอ เขารู้แล้วว่า ยัยบ้าคนนี้กำลังเอาจริง
หรือว่าเบื่อหน่ายแล้ว
หรือว่าเหอเจิงเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เป็นคนที่ไม่มีความอดทน และรู้สึกเบื่อง่าย
“ฉันขอถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถ้าเซ็นแล้วจะไม่มีทางแก้ไขกลับมาได้อีกเลย”
สายตาของเหอเจิงยังคงสว่างวาบ ไม่มีกริยา- เปลี่ยนไปเลย “ฉันหวังว่าคำถามนี้จะเป็นการถามครั้งสุดท้ายที่คุณชายจี้จะถามฉัน”
“โอเค ฉันจะเซ็น”
เขาต้องให้ผู้หญิงคนนี้รู้ซะหน่อยแล้วว่าจากเขาไป จากตระกูลไป เธอจะเป็นแค่ผู้หญิงตระกูลฟางเหมือนเดิม เป็นหนูที่อยู่ข้างถนน
เหอเจิงเหมือนกับว่าโลกทั้งใบถูกถูกยกออกจากตัว เธอยักไหล่ “ไม่ขอส่งนะ”
ในที่สุดก็เป็นอิสระ เธอยกขาหมุนไปรอบๆ ทันใดนั้นก็ไปเตะโดนหมาจรจัดที่อาหารกินอยู่ข้างๆเธอ การเตะทีนั้นน่าจะทำให้มันเจ็บน่าดู หมาที่เชื่องมาตลอดมา กลับอ้าปากยี่เขี้ยวออกมา ทำให้ทั้งตัวก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบ
แต่เพราะเหอเจิงหันหลังกลับไปแล้ว
จึงไม่ได้เห็นฉากนี้
จี้ผิงโจวสังเกตเห็นว่าอันตรายต่อเธอ เสียงพุ่งออกมาจากลำคอ “ฟางเหอเจิง ระวัง”
ปฏิกิริยาของเธอช้าไป ตอนที่หันตัวกลับมานั้นหมาได้พุ่งเข้ามาแล้ว ซึ่งในขณะนั้นมีมือคู่หนึ่งมาดึงเธอเอาไว้ หลังของเธอพิงกับอกของจี้ผิงโจวทันที เนคไทสีฟ้าที่อยู่ข้างหน้าของเขาโบกไปมาทันที
เหอเจิงจำได้ว่า เป็นเนคไทที่เธอถักเองกับมือ
“งับ—-”
ขอเขาถูกกัดอย่างโหดร้าย เหมือนกับว่าจะเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว ถึงขั้นชาเลย