เรือเหล่านี้เป็นเรือของโจรสลัดที่ล่องอยู่ในทะเลหลวง
บนเรือลำหนึ่ง มีคนจำนวนหนึ่งมายืนขวางซูวานไว้
“คุณซู” หลายคนพูดด้วยน้ำเสียงทหนักแน่น “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ซูวานกวาดมองพวกเขาและพูดว่า “ดอกบัวหิมะหมื่นปีอยู่ที่ใคร?”
สีหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพวกเขาก็มองหน้ากัน
จากนั้นก็พูดว่า “เรียนคุณซู ดอกบัวหิมะหมื่นปีอยู่กับหางเสือของกลุ่มฉื่อยวี่”
ฉื่อยวี่เป็นกลุ่มโจรสลัดกลุ่มแรกในทะเลหลวง
หางเสือของกลุ่มฉื่อยวี่เป็นคนที่ชำนาญในศิลปะการต่อสู้
ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มฉื่อยวี่ยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่างๆ ในมือมีอาวุธสงครามมากมาย มีความแข็งแกร่งเหนือทะเลหลวง
“ฉันต้องการดอกบัวหิมะหมื่นปีนี้” ซูวานไม่กลัวชื่อของกลุ่มฉื่อยวี่
สีหน้าของหลายคนเปลี่ยนไป “ไม่มีทางที่จะเอาดอกบัวหิมะหมื่นปีมาจากหางเสือของกลุ่มฉื่อยวี่ได้หรอก นอกจากเอาของที่มีค่าเท่าเทียมกันมาแลก”
“ถ้าพวกเขาไม่ให้ ก็ต้องแย่งมา” ซูวานกล่าวอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น ทุกคนดูตึงเครียดขึ้น พวกเขาก็กวาดสายตามมองไปที่เกาะ เหมือนว่าจะมองหาชายชราลึกลับ
น่าเสียดายที่เกาะใหญ่แห่งนั้นมีเพียงแค่ซูวาน
“คุณซู คุณคงสู้กับกลุ่มฉื่อยวี่ไม่ได้อาวุธที่เขามีมาจากพ่อค้าอาวุธชั้นนำเท่านั้น หากเราสู้กับเขาก็เกรงว่า …. …”
ซูวานเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา เขาจึงหยุดพูดทันที
…
มณฑลปินโจว ฉินเฉิงตั้งใจว่าจะพักผ่อนสักสองสามวัน
ซูวานนานๆจะกลับมาสักที ดังนั้นเขาจึงไม่ออกไปไหน และพบใคร
เนื่องจากการพูดของฉูเป่ยชวนาในการอภิปรายของสมาคมศิลปะการต่อสู้ในประเทศ ทำให้คนจำนวนมากในปินโจวอยากเจอกับฉูเป่ยชวน และ ฉินเฉิง
“ท่านอาจารย์ ดูสิ ที่ปินโจวมันดูท้าทายมาก” ฉูเป่ยชวนพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ฉันบอกเขาไปแล้วว่าให้รอเขาอยู่ที่หเมืองยุน ถ้าไม่มาก็ถือว่าอ่อนหัด”
ฉินเฉิงกลอกตามองและพูดว่า “นายอยู่ปินโจว แต่ไปนัดที่เมืองยุน?”
“ไม่งั้น ฉันก็เอาชนะเขาไม่ได้หน่ะสิ” ฉูเป่ยชวนกล่าวอย่างเฉยเมย “แล้วก็ ฉันจะไปหรือเปล่า เขาก็ไม่มีทางรู้ ”
ฉินเฉิงส่ายหัว บุคลิกของฉูเป่ยชวนกับชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าต่างกันอย่างสุดขั้วจริงๆ
สามวันผ่านมา คืนนั้นฉินเฉิงกับซูวานมาที่ห้าง
หลังจากที่พวกเขาทานหม้อไฟเสร็จ ซูวานก็บอกให้ฉินเฉิงเปลี่ยนชุด
“เสื้อผ้าของนายชุดนี้ ใส่ตั้งแต่ฉันรู้จักกับนายหรือเปล่า?” ซูวานพูดแล้วมองที่ฉินเฉิง
ฉินเฉิงก้มศีรษะลงและพูดว่า “น่าจะใช่ ฉันไม่สนหรอก”
“ไปซื้ออีกสักชุกป่ะ” ซูวานจับมือฉินเฉิงแล้วเดินไปทั่วห้าง
หลังจากเดินไปรอบ ๆ ห้าง ไม่นานฉินเฉิงก็ถือถุงเล็กถุงน้อยมากมาย ในถุงเต็มไปด้วยเสื้อผ้า
“พอแล้วมั้ง?” ฉินเฉิงถามออกมา “ฉันถือไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ซูวานเหลือบมองที่ฉินเฉิงและกล่าวว่า “งั้นพอแค่นี้ละกัน”
ตอนจ่ายเงิน ใบหน้าของซูวานก็ซีดลง เธอเดินโซเซและเกือบจะล้มลงกับพื้น
ฉินเฉิงรีบประคองซูวานขึ้นและถามอย่างเป็นกังวลว่า “คุณโอเคไหม?ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ซูวานส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันสบายดี แค่เวียนหัวนิดหน่อย”
แต่ที่พูดมากลับตรงกันข้าม ใบหน้าของซูวานซีดเผือด รวมไปถึงริมฝีปากของเธอด้วย
การเดินของเธอดูไร้เรี่ยวแรง ราวกับต้องใช้พลังมหาศาลในการเดิน
ฉินเฉิงรีบวางเสื้อผ้าไว้ เอื้อมมือไปแตะข้อมือของซูวาน จิตวิญญาณก็แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเธอ
น่าแปลกที่ร่างกายของเธอไม่มีอะไรผิดปกติและไม่พบร่องรอยอะไรภายใน
“ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อย” ซูวานโบกมือของเธอเบาๆ “กลับไปนอนเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
ฉินเฉิงพยักหน้า เขาไม่สนใจเสื้อผ้าของเขา อุ้มซูวานขึ้นเพื่อกลับบ้าน
ตอนนี้ที่เขตขั้วโลกเหนือ กำลังมีสงครามเกิดขึ้น
เรือรบจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเผา หน้าอกของซูวานเต็มไปด้วยรอยแดง
ผมของเธอพลิ้วไหว มือถือดาบยาว มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเธอ
อีกมือหนึ่งเธอถือดอกบัวหิมะที่ใสราวกับน้ำแข็ง
“คุณซู ไม่เป็นไรใช่ไหม?” คนรอบข้างถามด้วยความเป็นห่วง
ซูวานส่ายหัว เธอยื่นดอกบัวหิมะให้ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “เอาไปส่งที่ปินโจวที”
“ครับ!” เขารีบตอบรับซูวาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นซูวานก็กลับไปที่เกาะอันแสนโดดเดี่ยว
เธอนั่งขัดสมาธิพลังแห่งจิตวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเธอจากทุกทิศทุกทาง
…
วันรุ่งขึ้น ซูวานกลับมาเป็นปกติตามที่คาดไว้
แต่ถึงอย่างนั้น ฉินเฉิงก็ยังเป็นกังวลอยู่
เขานำพืชสมุนไพรหลายชนิดพร้อมรวมพลังจากจิตแห่งมังกรออกมากลั่นยาให้ซูวาน
หลังจากที่ซูวานกินยา เธอก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ฉันต้องการพบคุณปู่ของฉัน”
ฉินเฉิงอึ้งไป ใช่สิ ตั้งแต่ซูวานกลับมายังไม่เจอคุณปู่ซูเลย!
ไม่จริงสิ คุณปู่ซูน่าจะมีสายตาคอยสอดส่องอยู่รอบเมือง น่าจะรู้ตั้งแต่ซูวานกลับมาถึงแล้วสิ
แต่… คุณปู่ซูทำไมถึงเงียบขนาดนี้!
“ได้สิ” ฉินเฉิงไม่คิดอะไรมาก แค่คิดว่าจะพาซูวานไปที่เมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ เมื่อถึงเวลาก็คงจะรู้เอง
อย่างไรก็ตาม วันรุ่งขึ้น มีคนมารอมากมาย ทำให้การเดินทางต้องล่าช้าออกไป
ทันทีที่ฉินเฉิงตื่นขึ้น ก็มีคนสี่คนอยู่ในลานกว้างเพื่อรอเขาแต่เช้า
มีชายชราในชุดสีน้ำเงินเป็นหัวหอก ชายชราคนนี้มีบุคลิกที่ไม่ธรรมดา ดูไม่เสแสร้ง รูปลักษณ์ไม่สูงมาก แต่ก็มีรัศมีบางอย่าง
“ตง…คุณตง” เมื่อชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเห็นคนนี้ ใบหน้าของเขาดูตกใจมาก
“คุกเข่าคารวะท่านอาจารย์สิ!” สองคนข้างๆตงเทียนหนานตะโกนเสียงดัง
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไม่พูด ได้แต่ยืนนิ่ง
“เจ้านี่นับวันมันยิ่งอวดดี” ชายหนุ่มข้างๆตงเทียนหนาน ลูบมือแล้วพูดว่า “สวะก็คือสวะ ไม่ได้ใช้พลังมานานแล้วเหมือนกันนะ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เดินมาตรงหน้าของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
หลังจากนั้นเขาพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา: “ฉันบอกให้นายคุกเข่าลงคารวะอาจารย์!”
“เขาไม่ใช่อาจารย์ของฉันอีกต่อไป” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“พูดอย่างงี้อยากตายเหรอ!” ชายหนุ่มโกรธจัด และตบหน้าชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าอย่างแรง!
“โครม!”
เสียงดังลั่นในสนามใหญ่ ชายหนุ่มถูกชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าฟาดกลับและโยนร่างเขาออกไป!
“ท่านี้มัน?” ดวงตาของตงเทียนหนานหรี่ลง “ฉันไม่คิดว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “คุณตง คุณขับไล่ฉันออกจากตระกูลตง คุณอย่ามายุ่งกับคุณฉินเลย”
ตาของตงเทียนหนานหรี่ลง และทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็ฟาดออกมาข้างหน้า พลังมหาศาลก็พุ่งเข้าใส่ร่างของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า!
เมื่อเผชิญหน้ากับตงเทียนหนาน ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไม่สามารถตอบโต้กลับ ร่างของเขาลอยไปหลายสิบเมตร และกระแทกเข้ากับกำแพง!
“คนอย่างตงเทียนหนาน ไม่ต้องการให้ใครมาสั่ง?” ตงเทียนหนานเก็บมือ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา