ฉีฉีก้มต่ำมากที่สุด พูด”ฉัน….ฉันไม่ชอบเพลย์บอย”
คำนี้พูดออกมา สถานที่ตรงนั้นยิ่งเย็นลงไปอีก
เย่ชูวเสวียหัวเราะเสียงดังอย่างไม่กลัวตาย พูดว่า”ฮาๆ ฉีฉี เธอพูดตรงเกินไปแล้ว ฮาๆ——”
ปฏิเสธก็ปฏิเสธเถอะ พูดคำพูดน่าฟังก็ได้ อย่างน้อยที่สุดก็อย่าให้ตัวเองเสียหน้ามากเกินไป
แต่ฉีฉีก็ดีจริงๆ ปักมีดหนึ่งเล่มลงมาเสร็จ ก็ปักลงมาอีก ยังอยากให้คนมีชีวิตอยู่?
เย่ชูวเสวียยินดีปรีดาในความโชคร้ายของคนอื่น ทำให้มู่ยู่วฉีโมโหมาก
“เย่ชูวเสวีย เธอหุบปาก! “มู่ยู่วฉีตะคอก หลังจากนั้นหันมาถามฉีฉีว่า”ใครพูดกับเธอว่าฉันเป็นเพลย์บอย ใช่เย่ชูวเสวีย?”
ฉีฉีรีบโบกมือพัลวัน พูดว่า”เย่ชูวเสวียไม่ได้พูด คุณมีชื่อเสียงขนาดนี้ ฉันไม่ต้องสอบถามก็รู้เรื่องเกี่ยวกับคุณแล้ว”
อืม ใช่ มู่ยู่วฉีเป็นเพลย์บอยที่มีชื่อเสียง ทุกคนรู้นานแล้ว จุดนี้มู่ยู่วฉีเองก็รู้ตัวเอง
แต่มู่ยู่วฉีรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ยุติธรรม เขาพูด”คนอื่นพูดมั่วๆ เธอก็เชื่อ หรือว่าลืมแล้วว่าข่าวลือพวกนั้นน่าเกลียดแค่ไหน”
“นี่ไม่เหมือนกันกับข่าวลือ หรือว่าคุณไม่เคยคบกับดาราเลย?”
มู่ยู่วฉีเงียบไปชั่วขณะ พูด”ใช่มีเรื่องอย่างนั้น แต่…….”
“คบกับดารา ใช่หรือไม่ใช่ว่าคุณก็สมคบกับนางแบบอีก?”
มู่ยู่วฉีเหงื่อแตกเล็กน้อย พูดอธิบายว่า”นั่นไม่ใช่สมคบ เพียงแค่กินข้าวด้วยกันไม่กี่ครั้งเองแล้วถูกคนปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้น”
“แต่ว่า แฟนของคุณเกินยี่สิบคน ก็เป็นเรื่องจริงสินะ”
หันศีรษะจ้องมองเย่ชูวเสวีย มู่ยู่วฉีพูดด้วยความโมโหว่า”ทำไมเธอรู้เยอะขนาดนี้ เธออยู่เบื้องหลังรายงานใช่ไหม?”
เย่ชูวเสวียรีบยกมือยืนยัน”ฉันกล้ารับรอง ไม่ใช่ฉันที่พูดจริงๆ”
ฉีฉีพูด”คุณอย่าดุเย่ชูวเสวียอย่างนั้น เธอไม่ได้พูดอะไร ฉันเป็นคนหาข้อมูลเอง ถ้าหากคุณรู้สึกว่าฉันพูดมาไม่ถูกต้อง คุณโต้แย้งฉันได้นะ”
มู่ยู่วฉีอยากโต้แย้ง แต่เขาจะใช้อะไรมาโต้แย้ง?เขาเป็นคนทำเรื่อง คนก็เป็นเขาที่เลือก ในเลานี้เป็นครั้งแรกที่เขาขัดเคืองหงุดหงิด ตอนที่เบื่อทำไมต้องไปหาผู้หญิงมากขนาดนั้นด้วย ตัวเองขุดหลุมให้ตัวเองจริงๆ
ลูบขยี้ผมด้วยความหงุดหงิด มู่ยู่วฉีพูดว่า”นั่นเป็นเรื่องเมื่อก่อน สามารถยืนยันอะไร?และฉันชอบเธอ คือเรื่องในตอนนี้ หรือว่าคนไม่ควรที่จะมองไปข้างหน้าเหรอ?”
ฉีฉีก้มศีรษะลงเล็กน้อยพูดว่า”แต่ว่า ยืนยันได้ว่าคุณปฏิบัติกับความรู้สึกอย่างง่ายดายชอบของใหม่ลืมของเก่า และฉันเพียงแค่อยากหาคนคนหนึ่ง ที่แก่หัวหงอกไม่แยกจากกัน พวกเราทัศนคติไม่ตรงกัน ถึงจะคบกันแล้วก็สามารถที่จะสิ้นสุดลงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ถ้าอย่างนั้นเป็นเพื่อนกันจะดีกว่านะ”
“เธอลองก็ยังไม่ลองเลย เธอก็กลัวจุดจบแล้ว?”
“รู้ว่าจะจัดการแก้ไขอย่างไร ทำไมต้องให้ตัวเองแพ้อย่างย่อยยับปนปี้”
มู่ยู่วฉีมองฉีฉีทันใดนั้นหัวเราะออกมาเสียงเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“ดี ดีมาก นอนต่อเถอะ ฉันรบกวนเธอแล้ว”
พูดจบมู่ยู่วฉีได้หมุนตัวเดินออกไป ด้านหลังแสดงให้เห็นถึงความอ้างว่างไม่กี่นาที
ฉีฉีมองตามแผ่นหลังของเขา ในใจรู้สึกทุกข์ทรมาน
กลับมาในห้องนอนอย่างเงียบๆ ฉีฉีปีนขึ้นเตียง ใช้ผ้าห่มคลุมตัวเองอยู่ด้านใน ไม่มีความอยากนอน
เย่ชูวเสวียนอนมองเพดานอยู่ที่เตียงใหญ่อีกด้าน นานกว่าจะเอ่ยปากถาม
“ยังไม่นอนใช่ไหม?”
“ยังเลย”
“คุยกันหน่อยเถอะ”
“คุยอะไร?”
“ฉันนึกว่าเธอชอบมู่ยู่วฉีมาก”
ฉีฉีก็ตอบโดยไม่คิดว่า”ฉันชอบเขามาก”
คำตอบนี้เหนือความคาดหมายทั้งหมดของเย่ชูวเสวีย เธออดไม่ได้ที่จะจ้องมองฉีฉี สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“อย่างนั้นแล้วทำไมถึงปฏิเสธเขา? เธอต้องรู้นะว่ามีผู้หญิงมากมายใฝ่ฝันที่จะคบหากับมู่ยู่วฉี”
“ความชอบกับการคบหาเป็นคนละเรื่อง รู้อยู่แล้วว่าไม่เหมาะสมกับเขา ทำไมยังต้องเอาหัวดันทุรังเข้าไป?ต่อไปถ้าเปลี่ยนเป็นคู่แค้น ฉันยินยอมที่จะเป็นอย่างตอนนี้ รักษาระยะห่างที่เหมาะสม”
พอฟังถึงประโยคนี้ เย่ชูวเสวียเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจฉีฉีเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอรู้สึกว่าฉีฉีเป็นคนตรงๆ มีความคิดอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้า
และตอนนี้ เย่ชูวเสวียเพิ่งจะรู้ว่าฉีฉีมีความคิดของตัวเอง เธอไม่ใช่เด็กสาวที่สมองว่างเปล่า
มู่ยู่วฉีคำนวนผิด ไม่ดูฉีฉีให้แน่ชัด ทำลงไปโดยไม่เข้าใจมองโลกในแง่ดี เดาผิดพลาดก้าวเดียวแพ้ทั้งกระดาน
แต่ว่าอย่างนี้ก็ดี ฉีฉีเป็นเด็กดี มีสิทธิอะไรที่มู่ยู่วฉีจะจีบให้ติดอย่างง่ายดาย?ก่อนที่ยังไม่แน่ใจว่ามู่ยู่วฉีน่าเชื่อถือ เย่ชูวเสวียก็ไม่ยอมตกลงให้ทั้งสองคนคบกัน
ถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งใจ เย่ชูวเสวียยิ้มออกมาแล้วพูดว่า”นึกว่าเธอจะเป็นคนโง่ คาดไม่ถึงว่าจะมีสติปํญญา จนกระทั่งมีสติปัญญาจนน่ากลัว”
“โอเคแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว นอนเถอะ”
ฉีฉีพลิกตัว หลับตาลงแกล้งทำหลับไป
เฮ้ เวลานี้นอนหลับก็แปลกแล้ว
เย่ชูวเสวียเข้าใจ ฉีฉีเพียงแค่หลบเลี่ยง แต่เธอก็ไม่อยากจี้จนแตก และพลิกตัวหันไปอีกทิศทางหนึ่ง นอนหันหลังชนกับฉีฉี
ผ่านไปชั่วครู่ เย่ชูวเสวียก็ถามขึ้นมาอีก
“ฉีฉี ต่อไปเธอจะเสียใจภายหลังไหม?”
“ตอนนี้ฉันก็เสียใจ แต่ต่อให้เสียใจ ฉันก็ไม่มีทางเปลี่ยนจุดมุ่งหมาย”
“ไอ๋ เด็กคนนี้ดื้อรั้นจริงๆ”
เย่ชูวเสวียถอนหายใจออกมาเบาๆ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เป็นกังวลใจอยู่ไม่กี่นาทีแล้วค่อยๆหลับไป
และฉีฉีนอนไม่หลับทั้งคืน
วันที่สอง——
เย่ชูวเสวียกลับห้องล้างหน้าเปลี่ยนชุด ฉีฉีอยู่ในห้องเก็บของอยู่เพียงลำพัง
นำของที่เป็นของตัวเองเก็บห่อเรียบร้อย ฉีฉีปัดมือ วางแผนว่าสักครู่กินข้าวเช้าเสร็จ แล้วออกไปจากที่นี่
ถ้าหากไม่มีเรื่องเมื่อวานเกิดขึ้น ฉีฉีก็จะอยู่พักที่นี่ต่ออีกสักหน่อย
แต่ตอนนี้เรื่องแตกมาแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไป จะทำให้ทุกคนขายหน้า ถือโอกาสกลับมหาวิทยาลัยเถอะ
ในเวลาเดียวกัน เย่ชูวเสวียเก็บของเสร็จแล้ว อยู่ชั้นล่างกินอาหารเช้ากับมู่ยู่วฉี
พูดถึงอาหารเช้า แต่คล้ายกับทุกคนกำลังหยั่งเชิงฝ่ายตรงข้ามอย่างละเอียด
เย่ชูวเสวียสีหน้าเรียบเฉยมองมู่ยู่วฉี ยิ้มแล้วพูดว่า”ใต้ตาดำขนาดนี้ เมื่อคืนนอนหลับไม่ดีสินะ”
มู่ยู่วฉียกไหล่ขึ้น พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า”นี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ”
ยักไหล่เบาๆ เย่ชูวเสวียทำหน้าเสียดาย พูดว่า”อ้อ ใช่เหรอ?เดิมที่ฉันสอบถามความในใจของฉีฉีมานะ อยากพูดให้นายฟัง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า นายไม่ได้ต้องการ”
หัวคิ้วขมวดขึ้น มู่ยู่วฉีถามเสียงทุ้มต่ำว่า”ฉีฉีพูดว่าอะไร?”
เชอะ เด็กคนนี้ เป็นไปอย่างที่คิดยังไม่สามารถข่มอารมณ์ได้จริงๆ
เย่ชูวเสวียยักคิ้ว พูดว่า”นี่ เป็นท่าทางของคนที่กำลังขอร้องเหรอ?”
“จากอารมณ์ของฉันตอนนี้ ใช้ท่าทางอย่างนี้คุยกับเธอก็เป็นขีดความสามารถสูงสุดแล้ว”
เย่ชูวเสวียมองเห็นเปลวไฟในตาของมู่ยู่วฉี รู้ว่าไอ้เด็กคนนี้กำลังจะโมโหแล้ว ก็ไม่อยากที่จะโต้เถียง พูดว่า”เอาเถอะ เห็นแก่ความน่าสงสารของนายนะ ฉันก็ไม่โต้เถียงกับนายละกัน”
พูดจบ เย่ชูวเสวียมองมู่ยู่วฉีด้วยสีหน้าจริงจัง พูดว่า”กับฉีฉีนายวางมือเถอะ”
เดิมทีที่มู่ยู่วฉีรอก็คือสามารถรู้ข้อมูลที่ใช้ได้จากเย่ชูวเสวีย คาดไม่ถึงว่าเธออ้าปากขึ้นก็ปฏิเสธตัวเอง ทำให้มู่ยู่วฉีโกรธตะคอกออกมาว่า”ไม่มีทาง!”
มู่ยู่วฉีมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างนี้ เย่ชูวเสวียไม่ได้แปลกใจเลย ยังคงพูดอย่างเรียบเฉยนิ่งเหมือนเดิมว่า”ทำไมจะไม่มีทาง ระหว่างพวกนายก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง วางมือเร็วก็เป็นผลดีกับทุกคน”
“พวกเรามีความสุขได้ เพียงแค่ฉีฉีระวังเกิน ไม่กล้าที่จะลองก็จบแล้ว”
แต่เย่ชูวเสวียส่ายศีรษะไปมาพูดว่า”นายอย่ามองว่าฉีฉีอายุน้อย แต่เธอรู้แน่ชัดว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่มีทางถูกคำพูดที่น่าประทับใจของนายหลอกได้หรอกนะ เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เห็นแก่เงินของนาย กับสถานภาพของนายไม่ได้อยู่ในสายตา”
“หรือว่าฉันไม่สามารถที่จะพึ่งพาเสน่ห์ของตัวเอง คว้าหัวใจของเธอเหรอ!”
“อันนี้เหรอ ยากมาก”
เย่ชูวเสวียโจมตีพลังบวกของมู่ยู่วฉีอยู่บ่อยครั้ง นี่ทำให้เขาหงุดหงิดใจ พูดอย่างไม่พอใจว่า”เย่ชูวเสวีย ถ้าหากว่าเธออยู่ที่นี่เพื่อจะทำลายพลังงานบวกของฉันนะ อย่างนั้นเธอกลับไปได้แล้ว กับฉีฉี ฉันต้องได้มาครอบครอง!”
“นายยืนหยัดอย่างนี้ แท้ที่จริงแล้วนายชอบฉีฉี หรือนายก่อเรื่องราวเพราะรักในศักดิ์ศรีของตัวเอง”
คำพูดของเย่ชูวเสวียทำให้มู่ยู่วเสวียนิ่งไปสักพักหนึ่ง และหลังจะนั้นก็พูดเสียงดังว่า”แน่นอนว่าเพราะชอบ”
แต่คำพูดเสียงดังของเขาไม่ได้ทำให้เย่ชูวเสวียเชื่อ สิ่งที่พูดออกมาย้อนแย้งกับสิ่งที่ในใจคิดเธอหรี่ตาลง พูด”หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ”
ไม่รู้ว่าทำไม มู่ยู่วฉีมองตาเย่ชูวเสวียแล้วรู้สึกใจหวิว
เขารู้สึกว่าเหลื่อเชื่อ ตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์กินข้าว พูดว่า”เธอไม่รู้จักพูด พูดจนฉันไม่อยากอาหารเลย”
มู่ยู่วฉีพูดออกมาแล้วลุกขึ้น
แต่พอเวลาที่หมุนตัว เขาก็มองเห็นฉีฉี ยังมีกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างตัวเธอ
มองเห็นฉีฉีในแวบแรก มู่ยู่วฉียังคิดทบทวนว่าจะพูดอะไร ที่ทำให้ทั้งสองคนไม่อึดอัด
แต่เมื่อเขาเห็นกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้านิ่งขรึมจนน่ากลัว
“นี่เธอกำลังทำอะไร?”
ฉีฉีก้มศีรษะลงต่ำอย่างไม่สบายใจ พูด”ร่างกายฟื้นฟูพอประมาณแล้ว ฉันควรกลับมหาวิทยาลัย”
มู่ยู่วฉีหัวเราะเยือกเย็น ถาม”เธอใช่หรือไม่ใช่รู้สึกว่าฉันสารภาพรักล้มเหลว ก็ไล่เธออกไป? ดูเหมือนว่า ในใจของเธอฉันไม่ใช่เพียงแค่เพลย์บอย ยังเป็นคนที่ทำเรื่องให้คนรังเกียจ”
“ไม่ใช่…..”
“ถ้าไม่ใช่ก็อยู่ต่อไป ฉันจะไปทำงานแล้ว”
มู่ยู่วฉีไม่ให้โอกาสฉีฉีต่อต้าน มุ่งตรงเดินออกไป
มองตามแผ่นหลังของเขา ฉีฉีจนปัญญาเล็กน้อย เหมือนกับอยู่ก็อยู่ไม่ได้ ไปก็ไปไม่ได้
เย่ชูวเสวียเดินมาถึงข้างกายของฉีฉี ตบแล้วตบอีกที่ไหล่ของเธอ พูดว่า”เธอก็พักต่อไปก็พอแล้ว ถึงอย่างไรก็ลาพักให้เธอหนึ่งเดือน ถ้าหากรู้สึกว่าอาการไม่เลว ก็ทบทวนบทเรียนเถอะ ที่นี่ก็ไม่มีใครรบกวนเธอ”
“แต่ว่า…..”
“เธอก็เห็นแล้ว มู่ยู่วฉีเป็นเด็กที่เล่นแง่แย่มาก เธอไปตอนนี้ เขาก็เสียหน้า เขาเห็นด้วยก็แปลกแล้ว”
ฉีฉีสีหน้าลำบากใจ พูด”ถ้าหากว่าฉันพักอยู่ที่นี่จริงๆ ทุกคนเงยหน้าไม่เจอ ก้มหน้ามาเจอ นั่นถึงแย่มากจริงๆ”
“วางใจ มีฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอ บางทีรอมู่ยู่วฉีเข้าใจหัวใจตัวเอง ก็สามารถปล่อยวางแล้ว เขาก็ไม่ใช่คนโง่ ที่จะไม่มีทางลืมนานขนาดนั้น เธอวางใจเถอะ”
ได้ฟังคำพูดนี้ของเย่ชูวเสวีย ฉีฉีไม่รู้ว่าจะดีใจหรือทุกข์ใจ
“โอเคแล้ว อย่ากลุ้มใจ มากินข้าวก่อนเถอะ ครั้งนี้ฉันไม่ได้ทำ เธอกินให้เต็มที่นะ”
ได้ยินคำพูดหยอกล้อของเย่ชูวเสวีย ฉีฉียิ้มอย่างเกรงใจให้
หลังจากที่เธอยิ้มแล้วก็ยิ่งกลัดกลุ้มใจ
ใครก็คิดไม่ถึง เพิ่งจะคืนเดียวเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าเธอกับมู่ยู่วฉีจะมีความสัมพันธ์พัวพันกัน อีกทั้ง ยังเป็นมู่ยู่วฉีเป็นคนมาสารภาพรักกับตัวเอง พูดออกไปไม่มีใครเชื่อหรอกนะ
ที่จริงขนาดฉีฉีเอง ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อ
คนเรียบง่ายอย่างเธอ มีเสน่ห์อะไรที่สามารถให้มู่ยู่วฉีทุ่มเทใจ?หรือว่ามู่ยู่วฉีรู้สึกว่าตัวเองอ่อนหัด หยอกล้อเล่นสักหน่อย?
ฉีฉีคิดไปเองเรื่อยเปื่อย เย่ชูวเสวียช่วยเธอจัดวางตะเกียบกับถ้วยเรียบร้อย พูดว่า”วันนี้อาหารเช้า ทั้งหมดคือมู่ยู่วฉีเป็นคนเตรียม เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาคล่องแคล่วชาญฉลาดแบบนี้ เมื่อก่อนนะ ฉันคิดว่าเขาก็แค่เพลย์บอย นอกจากแช่อยู่กับสาวๆ ก็ไม่มีอะไรที่โดดเด่น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนมีจุดที่คนนอกมองไม่เห็น บางทีพวกเราไม่ได้เห็นมู่ยู่วฉีอย่างลึกซึ้ง”
อย่ามองว่าเย่ชูวเสวียมักจะแค้นมู่ยู่วฉี แต่เธอก็หวังว่ามู่ยู่วฉีจะหาความสุขเจอ เพราะฉะนั้น เย่ชูวเสวียยังมักจะช่วยหนุนมู่ยู่วฉีอยู่
แต่ว่าตอนนี้ ฉีฉีไม่มีความสุข ก้มศีรษะพูดว่า”อาจจะนะ แต่สิ่งเหล่านี้เกี่ยวอะไรกับฉัน”
คำพูดเดียว ทำให้เย่ชูวเสวียที่อยู่ด้านหลังพูดไม่หยุดนั้นต้องอุดตันแน่นสนิท เธอหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน พูด”อือ ก็ใช่ อย่างนั้นพวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ”
วันต่อๆมา มู่ยู่วฉีไม่ได้พูดเรื่องสารภาพรักกับฉีฉีอีก เหมือนกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้น เป็นเพียงภาพลวงตา
ในเมื่อมู่ยู่วฉีไม่พูด ฉีฉีก็ไม่ทำให้ลำบากใจ ทั้งสองต่างฝ่ายต่างไม่รบกวนกัน พยายามรักษาความสมดุล
เพีงแต่ ฉีฉีไม่รู้ว่าวันที่ระมัดระวังอย่างนี้ จะรักษาไว้ได้นานแค่ไหน
วันนี้ฉีฉีทำแบบฝึกหัดเสร็จหนึ่งชุด หลังจากนั้นเดินออกไปเคลื่อนไหวร่างกายที่ระเบียง
บางทีอาจจะทำนาน ร่างกายของฉีฉีกระดิกไม่ได้ แค่เคลื่อนไหวแขนยังมีเสียงดังตุ้บตั้บ
“เหนื่อยแล้ว?”
ได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง ฉีฉีหันกลับไปยิ้มให้ พูด”นิดหนึ่ง”
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้ว แนะนำว่า”อย่างนั้นพวกเราออกไปเดินเล่นกัน ก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลายอารมณ์”
ตั้งแต่หลังจากที่ย้ายเข้ามาในอาพาร์ทเมนต์ ฉีฉียังไม่เคยได้ออกไปเดินเล่นเลย เพราะฉะนั้นหลังจากที่เธอได้ยินคำแนะนำของเย่ชูวเสวีย ยิ่งตื่นเต้น
“อย่างนั้น มีอะไรที่น่าสนใจ?”
เย่ชูวเสวียคิดอยู่สักพัก ก็พูด”ไปดื่มกาแฟเป็นอย่างไร ให้สดชื่น ถือโอกาสกินของอร่อยด้วย ถ้าหากว่าพวกเราโชคดี ยังสามารถเห็นคนหล่อเล่นกีต้าร์ในร้านกาแฟด้วยนะ”
คนหล่ออะไร ฉีฉีไม่ได้สนใจเท่าไหร่ กินของอร่อยเหล่านั้นก็ทำให้เธอตื่นเต้นแล้ว
ตัดสินใจดีแล้ว เย่ชูวเสวียได้พาฉีฉีออกเดินทาง
ทั้งสองหยุดอยู่หน้าประตูร้านกาแฟ ฉีฉีเงยศีรษะขึ้นมองร้านกาแฟนี้ พบว่าที่นี่ตกแต่งได้โดดเด่นมาก มีสไตล์โลหะ ลักษณะไม่เหมือนกัน
เข้ามาในร้านกาแฟ เย่ชูวเสวียมองรอบหนึ่ง หลังจากนั้นดึงมือฉีฉีเดินไปทางหน้าต่าง
“ด้านนั้นมีที่ว่าง ไป พวกเราไปนั่งด้านนั้นกัน”
ฉีฉีนั่งตรงไหนก็ได้หมด
ตั้งแต่ที่เข้าร้านมา เธอก็ได้กลิ่นหอมของกาแฟ ทำให้ท้องของเธอดึงดูดความอยากกินขึ้นมา
เดิมทีฉีฉีไม่ค่อยชอบกาแฟ หลังจากที่มาร้านเบเกอรี่ ได้สัมผัสรสชาติกาแฟที่ไม่เหมือนกัน เลยค่อยๆชอบเครื่องดื่มกาแฟ พอถึงตอนนี้ วันไหนไม่ดื่มยังคิดถึงรสชาติที่ขมฝืดนั้น