“อีกอย่าง คุณทำตัวให้มันปกติหน่อยได้มั้ย!”
ซูย้าวหายใจลึกๆ ซ้ำๆ อย่างไม่รู้จะรับมือยังไง เธอควบคุมตัวเองให้ใจเย็นลงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งตอนที่เห็นใบหน้าหล่อเหล่าแบดบอยของผู้ชาย และรอยยิ้มที่แฝงด้วยความขี้เล่นเสี้ยวนั้น ได้ทำลายการโค่นล้มอีกครั้ง
เธอเขยิบและหดตัวไปด้านหลัง แทบจะหลบไปที่ตำแหน่งขอบเตียง ตอนที่เห็นเขากระโจนมาอีกครั้ง เธอรีบเปิดปากพูดว่า “อย่าแตะต้องฉันอีก ตกลงคุณรู้หรือเปล่าว่าอะไรคือได้คืบจะเอาศอก!”
สามารถปลูกต้นรักดีๆ กับเขาเหมือนอย่างตอนนี้ เธอถือว่ายอมถอยให้สุดๆ แล้ว แต่เขายังไม่ยอมรักษาสภาพเดิมไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ลี่เฉินซีมองเธอด้วยแววตาอมยิ้ม เฝ้าดูหน้าตาจิ้มลิ้มของเธอที่ทั้งอายทั้งโมโห แถมยังฟันคมปากคล่องด้วย ทำให้เขาชอบจนอดไม่ได้ที่กระโจนเข้าไปกัดเธอคำหนึ่ง ซูย้าวรีบหลบด้วยจิตใต้สำนึก สีหน้าแววตาได้ซ่อนความซับซ้อนและไม่คุ้นชินไว้เสี้ยวหนึ่ง กลับอดไม่ได้ที่จะถูกเขาจับได้ เขาตะลึงจนอึ้ง “เป็นอะไรไป?รังเกียจตัวเอง?”
เขาหัวเราะเสียงเบา “เด็กโง่ ผมเองยังไม่รังเกียจเลย แค่อยากลองชิมดูเฉยๆ หวานเหมือนคุณเลย เหมือนลูกอมที่ทำให้คนอยากจะหยุดกลางคันก็หยุดไม่ได้ มักจะสามารถปลุกอารมณ์ของผม!”
“คุณรีบหุบปากเลยนะ!”ซูย้าวได้เอามือปิดปากเขาอีกครั้งก็ไม่ยอมเขยิบออกอีกเลย แต่ยังไม่รอให้ได้พูดอะไร ลี่เฉินซีก็ถือโอกาสจูบฝ่ามือเธอ แถมยังฉวยโอกาสตอนที่เธอกลัวหนาวกัดนิ้วเธอไว้อีก
เขาเบาแรงมาก แค่กัดเอาไว้เบาๆ แทนที่จะบอกว่ากัดสู้บอกว่าอมไว้ดีกว่า เหมือนกับอมน้ำตาลไว้ก้อนหนึ่ง สายตาที่อ่อนโยนลุ่มลึก เบลอราวกับดวงดาว “รู้สึกวันนี้คุณเหนื่อยเกินไป เลยอยากช่วยคุณผ่อนคลายหน่อย แต่ว่ายังมีอีกวิธีที่สามารถทำให้คุณรู้สึกสบายกว่า จะลองดูมั้ย?”
ซูย้าวถอนหายใจอย่างจนปัญญา เธอใช้หัวเข่าก็ยังสามารถรู้เลยว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ก็ยังไม่มีอารมณ์อยู่ดี แค่ดึงมือเรียวเล็กกลับพร้อมส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ได้ ฉันไม่อยากทำ”
ระหว่างที่พูด เธอได้ฉวยโอกาสหลุดพ้นออกจากอ้อมกอดของเขาอีก ร่างเล็กๆ ได้พลิกลงไปจากเตียง จากนั้นได้ถือโอกาสดึงเสื้อเชิ้ตของเขาที่วางอยู่บนโซฟามาคลุมให้ตัวเอง แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ
ลี่เฉินซีนึกว่าเธอไปอาบน้ำจึงไม่ได้ห้ามปราม ยังคงพิงอยู่บนเตียง รอคอยเธออย่างเงียบๆ แต่แล้วผ่านไปไม่นานซูย้าวก็ได้กลับมาอีก
มือของเธอยังมีครีมอาบน้ำเพิ่มขึ้นมาขวดหนึ่ง ได้ถือโอกาสโยนให้เขา
ลี่เฉินซีอึ้ง แต่ก็ยังได้รับไว้ด้วยจิตใต้สำนึก ใบหน้าหล่อเหลาได้เผยความข้องใจออกมา “อื๊ม?”
“นี่ ถ้าอยากทำจริงๆ ก็ทำเองเลย ลงมือทำเองอุดมสมบูรณ์กว่าเยอะ อย่าเอาแต่พึ่งแต่คนอื่นอยู่เรื่อย ลี่เฉินซี ยังไงคุณก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ไม่ใช่ เป็นผู้ชายที่ใกล้เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ทางด้านนี้ก็ต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเอง”
ซูย้าวแกล้งให้คำอธิบายที่ยาวเหยียด พูดรายละเอียดได้รอบคอบรอบด้าน และเหมือนจะมีเหตุผลมาก หลังจากพูดเสร็จ ก็ได้หันหลังเดินเข้าไปที่ห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับล็อกประตู
เธอเปิดก๊อกน้ำ มองน้ำร้อนในอ่างจากุชชี่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้ค้นบาธบอมบ์ออกมาอันหนึ่งแล้วโยนลงไปในอ่าง บาธบอมบ์ลูกไม่ใหญ่ เสี้ยววินาทีที่โยนลงไปในน้ำก็ได้แตกออกทันที ย้อมจนน้ำในอ่างกลายเป็นสีสันเหมือนดวงดาวในกาแล็กซี่ วิบวับเปล่งประกาย
ในขณะที่เธอชื่นชมพวกนี้อยู่ ผู้ชายที่อยู่ในห้องนอนหลุบตามองครีมอาบน้ำในมืออย่างหมดคำพูด พร้อมสูดหายใจลึกๆ อย่างรับมือไม่ถูก จากนั้นได้โยนครีมอาบน้ำที่หรูหราขวดนั้นลงไปในถังขยะ
ซูย้าวก็ได้สนุกกับการแช่อ่างจากุชชี่อย่างชิวๆ นี่คือเจตนาที่เดิมของเธอและเป็นความตั้งใจเดิมของเธอ แต่สุดท้ายเรื่องก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้
ไม่ใช่ลี่เฉินซีวิ่งมาก่อกวน แต่เธอถูกความคิดในหัวตัวเองขัดขวางและทำเอาสับสน คอยจมปลักอยู่ในน้ำร้อน เธอแหงนหน้ามองสันหลังคาแล้วได้ถอนหายใจเบาๆ อย่างควบคุมไม่ได้
ปฏิกิริยากะทันหันของโม่หว่านหว่านเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวง ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าจะช่วยเธอตรวจสอบเรื่องต่างๆ อย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อยอยู่เลย ต่อมาก็ปิดปากเงียบไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย นอกจากดึงตัวเธอเที่ยวไปทั่วก็ยังคือเที่ยวอีก
เห็นได้ชัดว่าไม่สอดคล้องกับนิสัยของโม่หว่านหว่านเลย
ความเป็นไปได้อย่างเดียว และเป็นสิ่งที่ซูย้าวไม่อยากยอมรับและเผชิญหน้าที่สุด นั่นก็คือโม่หว่านหว่านตรวจสอบเจออะไรแล้ว ได้เห็นอะไรแล้ว อาจจะเกี่ยวโยงกับตัวเอง ดังนั้นถึงจงใจพยายามปิดบัง
เพราะยังไงก็นับว่าเคยใกล้ชิดกับอานเจียเย้นมาสองปีกว่า สำหรับผู้ชายคนนี้แล้ว ไม่กล้าบอกว่ารู้จักดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็รู้จักหกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์อยู่ ซูย้าวรู้ดีแก่ใจว่าเขาสามารถทำอะไรออกมาได้บ้าง
ถึงทุกคนปิดบังเธอ เธอก็สามารถรู้อยู่
ในสองปีกว่านี้ ที่อานเจียเย้นปั้นให้เธอเป็นตัวหลอกของเขาเองกับมือ ตอนที่มีความจำเป็นก็ผลักเธอออกมาโดยตรง ให้เธอกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนโจมตี
นี่ก็เป็นวิธีการที่เพ้ยหยู่เจี๋ยถนัดที่สุดและเคยใช้อยู่เป็นประจำ พวกเขาจะทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกระยะ ล้างไพ่ใหม่ และจะสร้างหุ่นเชิดออกมาตัวหนึ่ง เอามาเป็นแพะรับบาปแทน
เห็นได้ชัดว่าซูย้าวได้ถูกสร้างให้เป็นแบบนี้แล้ว
แต่ถ้าเสียสละตัวเองคนเดียว ก็จะสามารถลากคออานเจียเย้นไปลงนรกด้วย เธอก็รู้สึกไม่เสียดายอะไรเลย
ก็พอๆ กับเมื่อสองปีก่อน ระหว่างเธอกับลี่หมิง เหลือไว้ได้แค่คนเดียว นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดแล้ว
บาทีลี่เฉินซีอาจจะมีความตั้งใจเดิมที่ดีอยู่ เจตนาที่แท้จริงก็คิดเผื่อเธอ แต่สิ่งที่ซูย้าวไม่อยากพูดคือ เขาไม่มีวันรู้ว่าอานเจียเย้นกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ และไม่ความรู้อันตรายของคนคนนั้น
ซูย้าวถอนหายใจยาวๆ อย่างหมดเรี่ยวแรง ถ้า แค่บอกว่าถ้านะ ถึงเรื่องจะเป็นไปในทิศทางที่ดีที่สุด ถึงลี่เฉินซีจะวางแผนรอบคอบและคิดการณ์ไกล อีกทั้งยังสามารถมีทักษะที่เหนือกว่า สามารถล้มอานเจียเย้นจริงๆ เอาเขาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย แต่เขาได้มองข้ามไปจุดหนึ่ง
อานเจียเย้นเป็นแค่อานเจียเย้น เขาเป็นแค่คนคนหนึ่ง ไม่ว่าสถานะจะเป็นยังไง มีภูมิหลังยังไง ก็เป็นแค่คนคนหนึ่งเท่านั้น
ทุกอย่างในตัวเขาล้วนสามารถถูกคนอื่นช่วงชิงจนแทบไม่เหลืออะไร มีแค่สถานะของjoke ตัวแทนของราชาพื้นที่สีเทาที่ดำรงชีวิตอยู่ระหว่างขาวกับดำ อันนี้จะดำรงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยน
เพ้ยหยู่เจี๋ย jokeในอดีต อาจจะทำเรื่องชั่วเพราะความเห็นแก่ตัว อานเจียเย้นอาจจะนิสัยอำมหิต ยิ่งเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเลยทำทุกวิถีทาง เปลี่ยนสถานะของ‘joke’ให้กลายเป็นให้ยิ่งสกปรกและเหม็นเน่จากในนี้ แต่ลบล้างไม่ออก ก็คือลบล้างไม่ออกชั่วนิรันดร์
กำจัดอานเจียเย้นทิ้ง ยังจะมีคนอื่นโผล่มาแทนอีก การจบสิ้นของราชวงศ์หนึ่ง
คือการผุดขึ้นมาของอีกราชวงศ์หนึ่ง ถ้าลี่เฉินซีกำจัดเขาทิ้ง งั้นก็ต้องมาแทนที่เขามาเป็นjokeคนต่อไป
นี่ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่บ้านร่ำรวยมหาศาลและมีเกียรติยศสูงสุดเชียวนะ ถ้าเขาทำได้ถึงขั้นเสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจนจริงๆ งั้นสถานการณ์และจุดจบในภายภาคหน้าของเขาจะดีกว่าอานเจียเย้นสักแค่ไหนเชียว?
ควบคุมกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเงินและไฮโซในสังคมชนชั้นสูงของทั้งในประเทศและต่างประเทศไว้ กุมความลับและข่าวอื้อฉาวของธุรกิจครอบครัวทั้งหมดไว้ อาศัยสิ่งนี้มาทำให้ตัวเองรุ่งเรือง แล้วนี่จะต่างอะไรกับทำงานรับใช้คนชั่ว?
ตอนนี้บริษัทลี่ซื่อคือบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่แค่รับผิดชอบบริหารงานของตัวเอง อีกทั้งยังมีความสามารถที่น่าชื่นชม แบบนี้ก็พอแล้ว เขาเป็นนักธุรกิจที่สามารถสภาพอย่างตอนนี้ไว้ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเหมือนอย่างอานเจียเย้น
ร่วมมือกับสัตว์ป่าไปสู้รบ ถึงไม่ใช่ประเภทเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ประเภทที่ดีแน่นอน
สิ่งที่ซูย้าวกลัวที่สุดก็คือแบบนี้ เธอกลัวจังเลยว่าเป้าหมายสุดท้ายของอานเจียเย้นไม่ได้จะเอาเธอ และไม่ได้จะเอาลี่หมิง แต่จะใช้เกมส์หมากรุกนี้ดูดซึมมาลี่เฉินซีและพวกทีละนิดๆ
ถ้าเป็นแบบนั้น ถึงเป็นสิ่งน่ากลัวที่สุด
พอคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เธอยิ่งคิดในใจยิ่งว้าวุ่น เพื่อป้องกันไม่มีเรื่องเลวร้ายไปกว่านี้ ต้องรีบจบสิ้นทั้งหมดนี้โดยเร็วถึงจะได้
ในใจเธอมีแพลนและแผนการแล้ว ต่อจากนี้ ตอนที่ดำเนินการอาจจะเจออุปสรรคบ้างไม่มากก็น้อย และจะได้รับคำวิจารณ์ แต่ขอแค่ผลลัพธ์ออกมาดี อย่างอื่นก็ไม่มีเวลามาคำหนึ่งเยอะขนาดนั้นแล้ว
หลังจากซูย้าวตัดสินใจอย่างนี้แล้ว ในใจก็อดผ่อนคลายลงไม่ได้ แชช่จนน้ำค่อนข้างเย็นแล้ว ถึงได้ลุกขึ้นมาเช็ดตัวให้แห้ง ใส่ชุดคลุมอาบน้ำไว้และเป่าผมให้แห้ง ตอนที่ออกมาอีกที สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ ห้องนอนที่กว้างใหญ่มืดสนิทหมด
เธอไม่ได้เปิดไฟ แค่อาศัยแสงริบหรี่ของโคมไฟตั้งโต๊ะเดินมาที่ขอบเตียง พอมองดูดีๆ แล้วว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
เหมือนลี่เฉินซีก็ไปแล้ว เธอโล่งอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในใจก็มีความผิดหวังเสี้ยวหนึ่งอย่างไร้สาเหตุ คือความรู้สึกผิดเพี้ยนไปเหรอ?ไม่นึกเลยว่าเธอจะ……เพราะเขาจากไป
เธอยังไม่ได้คิดมาก กำลังคิดอยากจะเขยิบตัวนอนลง ทันใดนั้นด้านหลังได้มีแรงจู่โจมมา ได้ทำให้หวังเสี้ยวนั้นในใจเธอแตกร้าวโดยสิ้นเชิง แรงของผู้ชายเยอะมาก ได้จับไหล่เธอไว้ด้วยแรงที่เยอะมาก และถือโอกาสผลักเธอลงไปกดไว้โดยตรง ในความมืดมนใบหน้าของชายรูปงามได้เผยรอยยิ้มออกมานิ้วมือของเขาหล่นอยู่ที่แก้มของเธอเบาๆ “นึกว่าผมไปแล้วใช่มั้ย?”