เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา – ตอนที่ 73 ถ้าแน่ เผาแปลงดอกไม้เลยสิ

ตรงหน้าแววตาที่หวานฉ่ำของนาง ดูเหมือนจะมองทะลุใจของคน
ในใจพ่อบ้านอู๋”ตึกตัก”ไป ใครก็ไม่รับปากว่าดอกที่ปลูกจะมีชีวิตหมด เป็นไปไม่ได้ที่เอาสี่สิบหกกระถางก็ปลูกสี่สิบหกกระถาง ก่อนหน้านี้ เขาปลูกกุหลาบหินแดงไปตั้งหกสิบกระถาง
แต่เสียดายที่กุหลาบหินแดงปลูกไม่ง่ายจริงๆ ถึงจะอยู่ที่แปลงดอกไม้ของพวกเขา แถมยังมีชาวไร่ดอกไม้จำนวนมากผลัดกันดูแล สุดท้ายก็เหลือแค่สี่สิบหกกระถาง เดิมทีพวกนี้ก็สามารถเอาไปรายงานผลงานได้พอดี ใครจะไปรู้ว่าลูกชายสุดที่รักของเขา เมื่อวานนี้กลับแอบขโมยกุหลาบหินแดงสองกระถางไปขาย
เขาค่อยๆ หลับตาลง “เป็นความผิดข้าเอง”
“ความผิดใครข้าไม่สน แต่ตอนนี้ข้าต้องการกุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถาง “มู่จื่อโหรวมองมู่อวิ๋นซีรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของนาง
“ฮูหยินเล็กมู่หูหนวกแล้วรึ?กุหลาบหินแดงไม่มีแล้ว”
สีหน้าของมู่จื่อโหรวดูไม่ค่อยดี เหลือบมองสาวใช้ข้างๆ ห้ามความโกรธไว้และเดินเข้าใกล้มู่อวิ๋นซีลดเสียงต่ำพูดว่า “ถ้าเจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่ง ข้าก็จะให้เวลาเจ้าสามวัน ให้เจ้าไปหากุหลาบหินแดงเพิ่มสองกระถาง เป็นไง?”
ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบหรือ?
มู่อวิ๋นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “เงื่อนไขอะไร?”
“ยาสร้างเนื้อ!เจ้าให้ยาสร้างเนื้อข้าสามเม็ด ข้าก็ให้เวลาเจ้าสามมวัน เยี่ยงไร?” มู่จื่อโหรวจำใจต้องได้แน่นอน “มิฉะนั้นเรื่องนี้กระจายออกไป ทำชื่อเสียงของจวนตระกูลมู่เสียหายเป็นเรื่องเล็ก หากล่วงเกินจวนเจ้าพระยาหย่งชางละก็ เกรงว่าจวนตระกูลมู่จะอยู่ต่อที่เมืองหลวงไม่ได้?”
ยาสร้างเนื้อ?มู่อวิ๋นซีตกใจ พึ่งนึกคำพูดที่เฟิ่งเชียนเย่พูดเมื่อกี้ได้ ก็มีรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นตรงมุมปาก
“พอดี ยาสร้างเนื้อ ข้าไม่มีแล้ว”
“มู่อวิ๋นซี อย่าเหล้าคารวะไม่ทาน ทานเหล้าปรับโทษแทนนะ!” สีหน้ามู่จื่อโหรวดูน่าเกลียดขึ้น

“ข้าไม่ดื่มเหล้า” มู่อวิ๋นซีแกล้งสักพัก สักพักก็แกว่งชิงช้า “อีกอย่าง อย่าบอกกุหลาบหินแดงตอนนี้มีแค่สี่สิบสี่กระถาง ต่อให้มีสี่สิบหกกระถาง เพราะว่าเจ้าเอาข้าก็ไม่ให้”
“นี่เจ้า……ดี ดีมาก”มู่จื่อโหรวโกรธจนหน้าแดง ในสายตามีความเหี้ยมโหด “กุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถาง น้อยไปหนึ่งกระถาง วันนี้ข้าก็จะเผาแปลงดอกไม้นี้ทิ้ง”
ทิ้งคำร้ายแรงไว้ นางหันมองหญิงรับใช้ข้างๆ “จินเยว่!”
จินเยว่ยกมือขึ้นแล้วสบาด เสียงชิงช้าขัดแควกอย่างชัดเจน มู่อวิ๋นซีล้มลงกับพื้น เถาที่คายดอกกระดิ่งสีม้วงโดนนางอย่างหนัก “โอ้ย!”
“คุณหนูรอง!”ฉีอินอุทานอย่างตกใจ รีบพุ่งไปประคองมู่อวิ๋นซีขึ้น “ท่านเป็นไรมากไหมเจ้าคะ?”
“ฮ่าๆๆ ……”มู่จื่อโหรวหัวเราะอย่างสะใจ
นามมาก นางถึงหยุดเสียงหัวเราะแล้วมองมู่อวิ๋นซี “นี้เป็นเพียงบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่ให้เจ้า ให้เจ้ารู้ว่า ข้ามู่จื่อโหรวพูดได้ก็ทำได้ กุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถาง รีบ เดี๋ยวนี้ เอามาให้ข้า น้อยไปหนึ่งกระถาง ข้าก็จะเผาแปลงดอกไม้นี้ให้เกลี้ยง”
มู่อวิ๋นซีคิดอย่างเร็ว สูบลมหายใจเย็นเข้า ทนความเจ็บปวดของก้น เดินไปข้างหน้า ปะเชิงกับสายตาที่ประชดเหน็บแนมของมู่จื่อโหรว “ข้า ยังคงคำเดิม อย่างบอกว่าตอนนี้ในแปลงสวนนี้ไม่มีกุหลาบหินแดงเยอะขนาดนั้น ต่อให้มี ข้าก็ไม่ให้เจ้ารึก”
“ดี ดีมาก มู่อวิ๋นซี เจ้าแน่มาก!”มู่จื่อโหรวหัวเราะอย่างเย็นชา หันมองจินเยว่ “ไป ไปเพาะแปลงดอกไม้นี้ทิ้งให้ข้า”
“เผาไม่ได้นะ!”พ่อบ้านอู๋คุกเข่าลงป๋อมตรงหน้ามู่จื่อโหรว “ตรงนี้ยังมีดอกไม้ที่นายท่านจวนอื่นต้องการ ถ้าเผาแล้ว พวกข้าจะเอาไรไปรายงาน?”
“เกี่ยวไรกับ……”
“ฉีอิน ตรงไหนมีน้ำมัน?”

ไม่รอมู่จื่อโหรวพูดจบ เสียงอันน่าฟังของมู่อวิ๋นซีดังขึ้น
ทุกคนต่างนิ่งเฉยไปหมด พ่อบ้านอู๋มองดูมู่อวิ๋นซีอย่างตะลึง ฉีอินงง แกล้งลองถามดูว่า “คุณหนู ท่านเอาน้ำมันทำไมเจ้าค่ะ?”
“ก็ช่วยฮูหยินเล็กมู่เผาแปลงนี้ทิ้งไงละ” มู่อวิ๋นซีก้มลงเด็ดดอกกระดิ่งสีม้วงบนเถาลงมาหนึ่งดอก
“เจ้าดูสินี่มันดอกอะไร?ทุเรศและน่าเกลียด ยังมีที่แปลงดอกไม้ข้างนอกอีก แดงทั้งแปลง ฟ้าทั้งแปลง เชยจริงๆ เลย!ก็มีแต่คนที่จากหอโคลเขียวอย่างหลิ่วเย่ ถึงจะมีรสสนิยมที่เชยแบบนี้ เผาให้ทิ้งจะได้ไม่ต้องวุ่นวาย”
รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากมู่อวิ๋นซี แสงแห่งความหวังแปร่งประกายในดวงตาใส
“พอเผาเสร็จ ข้าก็จะได้จัดแต่งแปลงดอกไม้ใหม่ ปลูกกุหลาบไว้ด้านนอกสุด แล้วปลูกซุนอีเฉ่าแปลงหนึ่ง ยังมีดอกยิปโซ ใช่แล้ว ฉีอิน เจ้าเคยได้ยินดอกไม้นรกหรือไม่?”
“ได้ยินว่าดอกนั้นแดงเหมือนไฟในนรก อีกอย่างเมื่อมีใบดอกไม่บาน ดอกไม้บานจะไม่มีใบ……ถึงตอนนั้นแดงก่ำทั้งแปลง เหมือนกับไฟ สวยมากเลย……”
“แต่ดอกไม้นรกไม่สามารถทำเครื่องประทินโฉมได้ ” ฉีอินตัดขัดความเพ้อฝันของมู่อวิ๋นซี
“ใครบอกข้าจะทำเครื่องประทินโฉมล่ะ?” บนใบหน้ามู่อวิ๋นซีมีความรังเกียจ “เครื่องประทินโฉมถูกผู้อื่นทำไรมิดีมิร้ายได้ง่าย ถึงตอนนั้นใครๆ ก็มาหาปัญหาข้า ข้าจะทนไหวได้รึ?”

“อีกอย่าง” นางหัวเราะคิคิมองดูหน้าที่แดงของมู่จื่อโหรว “ข้าไม่ใช่แหนไร้รากเช่นหลิ่วเย่สักหน่อย ถ้าไม่กำเงินไว้ในมือก็ไม่สบายใจ เงินจวนตระกูลมู่ชาตินี้ข้าคงใช้ไม่หมดแล้ว ยังจะคิดอะไรมากเช่นนั้น?”
“นิ่งเฉยไว้ทำไม?” มู่อวิ๋นซีเห็นฉีอินยังไม่ขยับ ก็อดไม่ได้ที่จะเร่ง “รีบไปหาน้ำมันสิ!หาน้ำมันทั้งแปลงดอกไม้มาให้หมด”
“ใช่แล้ว ฮูหยินเล็กมู่” มู่อวิ๋นซีมองดูมู่จื่อโหรวอย่างจริงจัง “ถึงแม้ ข้ายินดีมากที่ช่วยเจ้าจุดไฟ จะว่าไปแล้วแปลงดอกไม้นี่ก็เป็นของข้า ถ้าข้าลงมื่อเผามันไปจริงๆ ก็คงไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้น ไฟนี้ ก็ต้องรบกวนเจ้าไปจุดด้วยเมื่อเองแหละ”
“เฮ้ย ฉีอิน!”ตัวนางเอนไปข้างหน้า คนทั้งคนเหมือนไม่มีกระดูกพิงไปหาฉีอิน “เมื่อกี้นั้นข้าต้องล้มหนักมากแน่เลย ตอนนี้เวียนหัว ปวดไปทั้งตัวเลย เหมือนแม้แต่นิ้วข้างหนึ่งยังยกไม่ได้เลยได้”
นางหันไปมองพ่อบ้านอู๋ที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น “ยังนิ่งเฉยไว้ทำไมล่ะ รีบไปเชิญหมอมาให้ข้าเร็ว”
พูดเสร็จ นางก็มองดูมู่จื่อโหรว หัวใจหนักแน่น แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับทำคนใจละลาย ในดวงตามีแสงสว่างนับไม่ถ้วน “ไปเผาเร็ว เผาให้สะอาดหน่อย!”
ใบหน้าอันเล็กของมู่จื่อโหรว แดงแล้วม่วง ม่วงแล้วก็เขียวต่อ “มู่อวิ๋นซี เจ้ารอไว้นะ!ข้าจะไปหามู่เซิ่งตอนนี้เลย เจ้าทายว่า ถ้าเขาได้ยินคำพูดเจ้า จะทำเช่นไร?เป็นไปได้หรือไม่ที่จะยึดแปลงดอกไม้นี่กลับคืนไปอีก?”
“จินเยว่ พวกข้าไปกัน!”มู่จื่อโหรวหันกลับไปอย่างโมโห
“เจ้าไม่เผาจริงแล้วรึ?”มู่อวิ๋นซีแอบโล่งใจไปหน่อย แหกปากตะโกนอย่างดัง “ฉีอินจ๊ะ เจ้าไปส่งฮูหยินเล็กมู่หน่อยสิ หากนางเหยียบดอกไม้เสียหนึ่งดอกเจ้าก็เผาดอกไม้ทั้งหมดในทุ่งนั้นเลย จดไว้ที่บัญชีฮูหยินเล็กมู่ทั้งหมด”
มู่จื่อโหรวตัวแข็ง ก้าวจากไปเร็วกว่าเดิม
ทันใดนั้นมู่อวิ๋นซียืนตัวตรงทันที มองดูฉีอิน “ไปดูไว้หน่อย”
เห็นฉีอินจากไป นางถึงจะหันมองพ่อบ้านอู๋ที่ลุกขึ้นจากพื้น “เรื่องวันนี้ถือว่าจัดการเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ท่านรองมู่มา เจ้าเอากุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถางให้เขาได้ไหม?”
หน้าพ่อบ้านอู๋ขาวซีด “เป็นเพราะความผิดพลาดของข้า”
มู่อวิ๋นซีไม่รู้ว่าได้หรือเปล่า ผ่านไปนาน ถอนหายใจเบาๆ “ฤดูกาลเช่นนี้ ที่เมืองหลวงกุหลาบหินแดงหนึ่งกระถางสามารถขายได้เงินเท่าไหร่?”

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset