เพ้ยส้าวหลี่ที่มาเองโดยไม่ได้รับเชิญ เดินตรงเข้าไปในห้องรับแขกอย่างรู้ลู่ทางเป็นอย่างดี เมื่อกวาดตามองดูเล็กน้อย ก็สังเกตเห็นโม่หว่านหว่านที่เพิ่งจะคุยโทรศัพท์เสร็จพอดีเดินเข้ามา
สองคนสบตากัน แววตาของโม่หว่านหว่านปรากฏความเป็นอริขึ้นอย่างเงียบงัน แต่ก็มองไปทางซูย้าวที่ตามเข้ามาจากด้านหลังตามจิตใต้สำนึก “นี่คือ…”
เห็นได้ชัดว่า โม่หว่านหว่านไม่ได้ถามว่าเพ้ยส้าวหลี่เป็นใคร เธอรู้จักมานานแล้ว เพียงแต่ประหลาดใจว่าเขามาที่นี่ทำไมเท่านั้นเอง
ซูย้าวขมวดคิ้ว หลังจากนั้นก็ได้ยินเพ้ยส้าวหลี่เอ่ยว่า “ถ้าหากว่าเป็นไปได้ล่ะก็ สามารถให้พวกเราสองคนคุยกันเป็นการส่วนตัวไหม”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ซูย้าวก็ยิ่งสามารถยืนยันได้แน่ชัดแล้วว่า เขาจะต้องมีธุระ จึงมองไปทางโม่หว่านหว่านแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอก ฉันจะคุยกับเขาครู่หนึ่ง”
โม่หว่านหว่านมองเธออย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง ส่งสัญญาณให้เธอระวังให้มาก จากนั้นก็หมุนตัวเดินขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนลูกที่ชั้นบน
พี่เลี้ยงเห็นว่ามีแขกมา ก็รีบชงชามาเสิร์ฟ หลังจากนั้นก็กลับไปที่ห้องครัว ในห้องรับแขกขนาดใหญ่ จึงเหลือแค่พวกเขาสองคน
ซูย้าวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่อีกด้าน ใบหน้าสงบนิ่งยังคงไร้อารมณ์ใดๆเช่นเคย ไม่เหมือนกับในอดีต ห่อเหี่ยวและหงอยเหงาเศร้าซึมอยู่บ้าง
เพ้ยส้าวหลี่มองเธอ นัยน์ตาสีเข้มปรากฏคลื่นความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขยิบร่างมาทางเธอเล็กน้อย “เรื่องของลูกคุณ ผมได้ยินมาแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วย!”
เป็นคำพูดที่ไม่สำคัญอะไรเท่านั้น แต่ซูย้าวก็ยังคงพยักหน้าเล็กน้อย “พูดเรื่องที่คุณต้องการจะคุยเถอะ!”
เนิ่นนานก่อนหน้านี้ เธอกับเพ้ยส้าวหลี่ได้พูดคุยและกำหนดขอบเขตกันชัดเจนแล้ว ดังนั้นระหว่างทั้งสองคน นอกจากสนทนาธุระกัน ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องพูดคุยกันอีก
เพ้ยส้าวหลี่หลุบตาลงเล็กน้อย หยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “ดูท่า คุณไม่มีความรู้สึกอะไรกับผมแล้วจริงๆ”
“ส้าวหลี่” ซูย้าวเอ่ย “ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์และไม่มีเรี่ยวแรงจะไปสนทนาเรื่องความรู้สึกอะไรกับคุณจริงๆ ฉันปฏิบัติแบบนี้กับคุณ กับคนอื่นก็ใช่ แต่ว่าระหว่างคุณกับฉันจบไปนานแล้ว”
หรือจะพูดให้ชัดเจนกว่าเดิมก็คือ ไม่เคยเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าเธอจะถูกลบความทรงจำไป เพ้ยส้าวหลี่ตามจีบเธออีกครั้งเป็นระยะเวลานานสองปีกว่า เธอก็ยังไม่เคยจิตใจหวั่นไหว
นับตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็น่าจะรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ น่าจะเป็นผู้หญิงที่เขาไม่มีวันได้มาตลอดกาลชั่วชีวิตนี้ แต่ทั้งที่รู้เช่นนั้น ก็ยากที่จะก้าวข้ามเรื่องในใจนี้ไปได้
เขาสูดลมหายใจลึก เริ่มเข้าประเด็น ร่างค่อยๆเอนไปด้านหลัง ขาเรียวยาวไขว่ห้างอย่างสง่างาม และเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องที่ผมจะพูดนี้ คุณอาจจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าคุณฟังผมพูดก่อน”
“โครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ คุณเคยบอกผมอ้อมๆว่า พยายามอย่าไปแตะต้องมัน ในตอนนั้น คุณก็น่าจะเกิดความสงสัยว่าโครงการนี้มีปัญหาแล้ว ผมพูดไม่ผิดสินะ?”
ซูย้าวพยักหน้านิ่งๆ “ถูกต้อง พูดไม่ผิด”
เธอรู้สึกแต่แรกแล้วว่าโครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ของอ้าวไห่มีปัญหา อาจจะมีปัญหาที่ไม่เล็ก มีเหตุผลมากมาย เธอไม่อยากจะคิดให้ละเอียด
“ในระยะเวลาสองปีกว่าที่คุณอยู่ข้างกายอานเจียเย้น นอกจากช่วยเขาบริหารจัดการบริษัท และทำเรื่องมากมายแล้ว เขาก็ใช้ประโยชน์จากคุณ โดยการทำเรื่องต่างๆและธุรกรรมที่ผิดกฎหมายภายใต้ชื่อของคุณ ทั้งยังมีเจตนาให้คุณกลายเป็นแพะรับบาป”
เพ้ยส้าวหลี่มือเท้าคาง เบนสายตามองไปทางอื่น “แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาคิดจะทำร้ายคุณจนถึงที่สุด ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง เรื่องพวกนั้นของเขา ก็จะไม่มีคนเปิดเผยออกมา และไม่มีใครกล้าถามมาก”
แม้ว่าทางตำรวจจะมีใจคิดจะตรวจสอบ แต่ก็ลำบากตรงที่ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจน ส่งสายลับไปหลายต่อหลายครั้งก็ถูกอานเจียเย้นรู้ทันและจัดการลับๆเป็นการส่วนตัว
อีกอย่าง อานเจียเย้นกุมความลับตระกูลมหาเศรษฐีชนชั้นสูงในประเทศเอาไว้มากเกินไป เมื่อมีจุดนี้ จึงได้ยินมานานแล้วว่ามีผู้คนจำนวนมากไม่ชอบเขา แต่กลับทำได้เพียงแค่ยอมปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจไปโดยปริยาย
ซึ่งในนั้นก็รวมถึงบริษัทลี่ซื่อ บริษัทเจียงซื่อ บริษัทLG และบริษัทอื่นๆ ถ้าหากไม่ใช่ว่าครั้งนี้อานเจียเย้นกระทำเกินเหตุ ปรารถนาที่จะควบคุมซูย้าว ลี่เฉินซีก็คงไม่เดินหน้าต่อสู้กับเขาอย่างรุนแรงเช่นนี้
สนามการค้าก็เหมือนกับสนามรบ ไม่สามารถรักษาตัวให้สะอาดไร้มลทินได้ทุกคน อย่างหนึ่งก็คือไม่แบ่งแยกบุญคุณความแค้นอย่างชัดเจน คนที่แยกแยะเอาจริงเอาจังกับเรื่องต่าง ๆจนชัดเจนเกินไปฉันใด เบื้องหลังจะต้องมีมลทินและความลับบางอย่างที่ถูกปิดบังอยู่
สิ่งเหล่านี้ อาจจะมีผลกระทบ แต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรงมากนัก ทว่าอย่าได้ถูกเปิดเผยออกมาเชียว มิเช่นนั้นก็จะเกิดพายุนองเลือดขึ้นได้
นี่คือเหตุผลการดำรงอยู่และพัฒนาJokeของแต่ละยุค
“เป็นไปได้ว่าทางด้านอานเจียเย้นจะเริ่มดำเนินการตามเป้าหมายของเขานานแล้ว นอกจากคุณแล้ว ก็คือลี่เฉินซี” นี่คือการคาดเดาของเพ้ยส้าวหลี่ แต่ก็เป็นการคาดเดาที่มีความมั่นใจ
ถ้าหากว่าอานเจียเย้นไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ลี่เฉินซี เช่นนั้น สองปีก่อนหน้านี้ เขาก็คงไม่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่และพาซูย้าวไป
ยิ่งไม่มีทางที่จะช่วยชีวิตซูย้าวอย่างไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิด ในตอนที่เพ้ยหยู่เจี๋ยคิดร้ายต่อเธอครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่เธอสูญเสียความทรงจำไป
ไร้ซึ่งความรู้สึกสะเทือนเลือนลั่นใดๆ แม้ว่าจะมีอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็เกิดขึ้นอย่างช้าๆหลังจากที่ทำอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ทั้งหมดล้วนคือผลประโยชน์เพียงแค่คำเดียวเท่านั้นเอง
“เขาควบคุมคุณเอาไว้ได้ ผลักคุณออกไปเป็นโล่กันธนู แบบนี้ถึงลี่เฉินซีจะกุมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขาเอาไว้ ก็จะไม่ทำการฟ้องร้องอย่างเปิดเผย เพราะคุณ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เพ้ยส้าวหลี่ก็ขมวดคิ้ว เอ่ยต่อว่า “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คุณน่าจะรู้อยู่แล้ว ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องนี้”
หว่างคิ้วของซูย้าวก็ค่อยๆขมวดเข้าหากัน “ถ้าอย่างนั้นคุณมาที่นี่ทำไมกัน”
เพ้ยส้าวหลี่มองเธอยิ้มๆ ส่ายหน้าเบาๆ “ก็เพื่อคุณไงล่ะ”
เพิ่งจะสิ้นสุดเสียง เขาก็หยิบเอกสารหลายฉบับออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่วางอยู่อีกด้าน ยื่นให้กับเธอ ในตอนที่ซูย้าวรับมาพลิกอ่าน เขาที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยต่อว่า “คุณสงสัยว่าเหมืองแร่คาลาเวอไรต์มีปัญหา แต่คุณเคยคิดไหมว่า ผู้ที่ริเริ่มกระทำโครงการนี้เป็นคนแรกที่อยู่เบื้องหลัง อาจจะเป็นอานเจียเย้น”
การจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ก็ไม่ยาก
โม่หว่านหว่านคนเดียวก็สามารถทำได้ เพ้ยส้าวหลี่ก็ตรวจสอบชัดเจนแล้ว ส่วนทางด้านลี่เฉินซี เป็นธรรมดาที่จะตรวจสอบได้ชัดเจนได้ตั้งแต่เมื่อก่อนหน้านี้นานแล้ว
ซูย้าวอ่านรายละเอียดเอกสารในมือ ละเอียดและชัดเจนมาก แม้ว่าจะไม่สามารถพุ่งเป้าตรงไปที่อานเจียเย้น แต่ก็สามารถมองออกว่า โครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน
“ทางด้านลี่เฉินซีน่าจะรู้เรื่องนี้นานแล้ว แต่ว่าเขายังคงยืนกรานจะทำเช่นนี้ ถึงขั้นเป็นฝ่ายมอบที่ดินผืนหนึ่งให้กับผมอย่างไม่เสียดาย เพื่อให้ผมถอนตัวออกจากการประมูล” เขาเอ่ย
ซูย้าวเลิกคิ้วประหลาดใจ “ที่ดินผืนไหน?”
“เมืองเก่าของเขตตะวันตกของเมือง” เพ้ยส้าวหลี่ตอบ
นั่นก็คือโครงการแรกที่เธอรับช่วงต่อเมื่อกลับมาถึงเมืองAในตอนแรก ที่ดินผืนนั้นผ่านการขยายผืนดินและทำการสร้างใหม่อยู่หลายเดือน ช่วงเวลาต่อมาก็พัฒนาจนสวยงามมาก ถือว่าเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ที่ไม่เล็กผืนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าลี่เฉินซีทุ่มเทกับเรื่องนี้มากจริงๆ ถึงได้มอบให้กับกรุ๊ปเพ้ยซื่อ
เพ้ยส้าวหลี่นั่งตัวตรง หยิบกล่องบุหรี่ออกมา หยิบออกมามวนหนึ่งและไม่ได้รีบร้อนจุดไฟ ทว่าคาบเอาไว้ในปาก พร้อมเอ่ยว่า “ในภายหลังผมถึงได้เข้าใจชัดเจนว่า การที่ลี่เฉินซียืนกรานที่จะประมูลโครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์นั้น ไม่น่าจะเพื่อพัฒนาบริษัทอะไร และก็ไม่ได้ทำเพื่อหาเงิน แต่ทำเพื่อคุณ”
“หือ?” ซูย้าวสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
เขายิ้ม “เขาน่าจะอยากถ่ายทอดสารให้กับอานเจียเย้นผ่านโครงการนี้ ให้ฝ่ายตรงข้ามโอนธุรกิจที่ผิดกฎหมายทั้งหมดให้กับบริษัทลี่ซื่อและภายใต้โครงการนี้ ส่วนลี่เฉินซี ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบหลัก เมื่อตรวจพบเข้า คุณคิดว่าผลลัพธ์ของเขาจะเป็นเช่นไร”
ซูย้าวฟังเข้าใจได้ในทันที และสามารถอธิบายทั้งหมดได้ชัดเจนแล้ว
มิน่าก่อนหน้านี้ลี่เฉินซีถึงได้ปิดบังเธอมาตลอด ไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาต้องการโครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ แต่คือสิ่งที่ทำทั้งหมดในลำดับต่อมา
เขาต้องการทิ้งตัวเองให้กลายเป็นเป้าที่ถูกประชาชนทั่วไปโจมตี กลายเป็นแพะรับบาปที่มีประโยชน์มากที่สุดของอานเจียเย้น แลกเปลี่ยนกับซูย้าว เพื่อให้เธอถอนตัวออกไปได้อย่างปลอดภัยราบรื่น!
เพ้ยส้าวหลี่เผชิญหน้ากับสีหน้าซับซ้อนของเธอ ก็ถอนหายใจเสียงเบา หยิบเอกสารที่หลงเหลือบางส่วนออกมาจากกระเป๋าเอกสารมอบให้กับซูย้าว ยังมีแฟลชไดรฟ์อีกอันหนึ่ง “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหลักฐานเกี่ยวกับอานเจียเย้นที่ผมสามารถหาพบ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้ชื่อของคุณ ไม่สามารถกล่าวหาอานเจียเย้นได้ถึงที่สุด แต่มากน้อยอย่างไรก็สามารถนับได้ว่าช่วยได้อยู่บ้าง!”
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็เอ่ยว่า “แต่ตอนนี้คุณส่งมอบสิ่งนี้ออกไป ก็เกรงว่าจะสายไปแล้ว ไม่สู้ พวกเราลองเปลี่ยนมุมมองและวิธีการ ไม่แน่ว่าจะสามารถช่วยลี่เฉินซีได้เล็กน้อย อยากรู้ไหม”