วันต่อมา เมืองจินหลิงก็มีข่าวลือหนึ่งออกมา
เห็นบอกว่าที่ชานเมืองสุสานเขาเฟิ่งหวงเกิดคดีเหนือธรรมชาติขึ้น รปภ.ที่เฝ้าสุสานคนหนึ่ง เมื่อคืนได้ถูกผีร้ายฆ่าตาย
แต่ว่า ข่าวลือแบบนี้ไม่นานก็ถูกควบคุมอย่างมีเป้าหมาย บวกกับที่พูดออกมาได้อย่างเหนือธรรมชาติมากเกินไป เพราะงั้นจึงมีเพียงแค่พวกคนสูงอายุที่มีความคิดความคิดงมงายเชื่อเท่านั้น คนหนุ่มสาวได้ยินต่างก็ยิ้มเยาะเท่านั้น
ช่วงเช้า หม่าหลันทำอาหารเช้าเสร็จ ในตอนที่รอเย่เฉินและเซียวชูหรันลงมากินข้าว เธอก็พูดบนโต๊ะอาหารอย่างจริงจังว่า “ชูหรัน เย่เฉิน สองวันนี้พวกเธอสองคนจะต้องออกจากบ้านให้น้อยนะ แม้ว่าจะมีเรื่องที่จำเป็นต้องออกไป ก็จะต้องกลับมาก่อนฟ้ามืด!”
เซียวชูหรันถามด้วยสีหน้าแปลกใจ”แม่คะ เป็นอะไรคะ?”
หม่าหลันพูดอย่างจริงจังมากว่า “ฉันจะบอกให้นะ เมื่อคืนที่สุสานเขาเฟิ่งหวง มีคนถูกผีฆ่าตาย!แม้แต่สมองก็ถูกดูดกินจนหมด!ได้ยินมาว่าตอนที่ตายเลือดไหลออกทุกทางเลย บนหัวสมองมีรูขนาดใหญ่เท่าถ้วย ปรากฏว่าด้านในนั้นว่างเปล่า ไม่มีอะไรสักอย่าง!”
เซียวชูหรันได้ยินอย่างนี้ ก็พูดด้วยสีหน้าเอือมระอาว่า “แม่คะ อย่างน้อยแม่ก็เป็นคนที่เคยเรียนมหาลัยมาก่อนนะคะ ข่าวลือแบบนี้แม่ก็เชื่อ? บนโลกมีผีที่ไหนกัน หลอกคนทั้งนั้น”
หม่าหลันพูดอย่างเป็นจริงเป็นจังว่า “นี่มันหลอกลวงได้ยังไงกัน? นี่เป็นเรื่องจริง!กลุ่มคนแก่ที่ฉันอยู่แชร์กันเต็มไปหมด เดิมทียังมีรูปมาด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ถูกระบบลบทิ้งแล้ว โอ๊ยรูปภาพนั่นน่ากลัวมากเลย ทำเอาฉันตกใจจนแผ่นหลังยังเปียกอยู่เลย”
เซียวฉางควนที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว พูดว่า “พวกกลุ่มที่ฉันอยู่ก็เหมือนว่ากำลังคุยกันอยู่เหมือนกัน แต่ว่าฉันค้นบันทึกบทสนทนาดู ไม่มีพวกรูปภาพหลักฐานอะไร”
เซียวชูหรันพูดยิ้มๆว่า “แม้ว่าจะมีรูปภาพก็คงเชื่อไม่ได้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมัยนี้พัฒนาขนาดไหนแล้ว รูปอะไรก็สามารถทำออกมาได้ พวกนายนี่นะ สบายใจเถอะ อย่าได้คิดมากปั้นน้ำเป็นตัวไปมั่วเลย”
หม่าหลันพูดอย่างเกินจริงว่า “ยอมเชื่อว่ามีดีกว่าไม่เชื่อนะ พวกเธอสองคนกลับบ้านให้เร็วดีกว่า ยังไงซะกลับบ้านเร็วก็ไม่มีอะไรเสียหาย ยังสามารถได้อยู่บ้านกับฉันเยอะหน่อยก็ดีไม่ใช่รึไง?”
เซียวชูหรันพูดอย่างเอือมระอาว่า “แต่ว่าช่วงนี้หนูต้องคอยตามโครงงาน แล้วอีกอย่างต่อไปก็จยิ่งอยู่ยิ่งงานยุ่งด้วย”
หม่าหลันส่ายหัวอย่างจนใจ มองไปยังเย่เฉินที่ไม่พูดจาอะไร และพูดเตือนว่า “ลูกเขยที่แสนดี นายเก่ง ช่วงนี้ตอนค่ำนายก็ไปรับชูหรันนะ เธอกลับบ้านคนเดียวแม่ไม่วางใจ”
“ได้ครับแม่!”
แม้ว่าเย่เฉินจะไม่ได้พูดอะไร แต่บทสนทนาที่หม่าหลันและเซียวชูหรันคุยกัน เขาได้ทำการทวนจดจำในสมองแล้ว
คิดแล้วเรื่องนี้ที่หม่าหลันพูดไม่ใช่แค่ข่าวโคมลอย น่าจะเกี่ยวข้องกับซวนเฟิงเหนียนนั่น
เพียงแค่ว่าคนธรรมดาทั่วไปไม่รู้จักหนอนกู่สิ่งพวกนี้ บวกกับเกิดเรื่องที่สุสาน ดังนั้นจึงคาดเดาไปว่าเกี่ยวข้องกับผีร้ายฆ่าคนไปโดยปริยาย
ดูแล้ว ซวนเฟิงเหนียนคนนี้โหดร้ายอย่างมาก แค่เพียงเพื่อให้อาหารกับหนอนกู่ของเขานั่น ก็ทำลายชีวิตของคนอื่น ร้ายกาจอย่างมากจริงๆ!
ถ้าหากว่าตัวเองไม่ทำอะไรรอให้เขามาหาถึงที่ ระหว่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนตายในกำมือของเขาอีกมากเท่าไหร่!
คิดถึงนี่ เขาก็รีบส่งข้อความให้กับเฉินจื๋อข่าย “ตรวจสอบให้ฉันว่ามีบันทึกที่เกี่ยวข้องกับคนจีนสัญชาติอังกฤษที่ชื่อซวนเฟิงเหนียนเข้ามาในพื้นที่มั้ย แล้วก็ตรวจสอบด้วยว่าในระบบโรงแรมของเมืองจินหลิง มีข้อมูลที่เขาเข้าพักหรือไม่!”