ตอนที่ 813 : ทัณฑ์พิบัติครั้งสุดท้าย
มังกรทองคําที่ปรากฏตัว มันไม่ใช่มังกรเขียน กระนั้นก็ยังเป็นตัวตนชวนสะพรึง ดังนั้นหากคิดจินตนาการถึงพลังอํานาจของมังกรเซียน เช่นนั้นก็คงพอคาดการณ์ได้
ได้ยินเรื่องมังกรเซียน ฉินหยุนจึงลอบตื่นเต้นยินดี เป็ดน้อยหยางหยางเป็นสัตว์เทวะอย่างนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์ ในระยะเริ่มต้น มันต้องการกินเนื้อสัตว์ที่แข็งแกร่งจํานวนมหาศาลเพื่อเติบโตอย่างรวดเร็ว
หลังได้กินเนื้อมังกรอย่างสาแก่ใจ หยางหยางจึงเข้าสู่สภาวะการจําศีลและหลับใหลถึงตอนนี้มันกําลังเติบโตระหว่างที่หลับใหล เมื่อใดตื่นขึ้น เมื่อนั้นมันยิ่งต้องการกินเนื้อสัตว์ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ฉินหยุนก่อนหน้านี้ได้ลงมือสังหารมังกรของตระกูลหลง และรวบรวมเนื้อมังกรเอาไว้แล้ว ทว่านั่นก็ยังไม่น่าเพียงพอให้หยางหยางได้ใช้กิน หากเขาสามารถจับมังกรเซียน ถึงตอนนั้นคงไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงหา
“ฉินหยุน เจ้าก่อปัญหามากพอแล้ว! พวกเราจะให้เจ้าได้ชดใช้ในวันนี้!” ชายชรากล่าวคําจบปากมังกรพลันอ้ากว้าง
ผู้คนต่างคิด ว่ามังกรกําลังจะปลดปล่อยพลังงานรุนแรงจากปากใหญ่ยักษ์ ทว่าแท้จริงมันกําลังสูดอย่างรุนแรง
ฮู่ ฮู่ ฮู่…
เสียงสายลมร่ำร้องดังก้อง ทุกสิ่งอย่างบนพื้นเริ่มพุ่งเข้าหาปากมังกร มังกรทองคําร่างใหญ่ตัวนี้คิดกลืนกินทุกสิ่งอย่างเบื้องหน้า ก้อนอิฐของลานกว้าง ก็เริ่มลอยตัวขึ้นไหลเข้าไปในปากมังกรในพริบตา ลานกว้างทางเข้าคฤหาสน์รัศมีมังกรจึงไร้ซึ่งสิ่งใดหลงเหลือ
หลันซูเหยาจับมือฉินหยุนไว้ขณะลอยกลางอากาศ พร้อมต้านทานพลังอํานาจการดูดกลืน
ดินมวลใหญ่จากบนพื้นถูกสูบหายเกิดเป็นเสียงดังประหลาด เพียงไม่นาน ลานกว้างใหญ่โตจึงกลับกลายเป็นหลุมใหญ่ยักษ์ มังกรทองคํากระทั่งสูบเอาดินจํานวนมหาศาลเข้าไปราวกับเป็นหลุมไร้กันให้ถมเต็ม
ฉินหยุนและหลันซูเหยายังคงความยอดเยี่ยม แม้เป็นสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งสองก็ยังไม่ถูกมังกรทองคํากลืนกินแต่อย่างใด คฤหาสน์รัศมีมังกรมีม่านพลังคุ้มกัน ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบใดเช่นกัน
ครึ่งเซียนทั้งสามคนผู้ซึ่งยืนอยู่บนหลังมังกรทองคําค่อยตระหนักได้ ว่าฉินหยุนและหลันซูเหยาไม่ใช่ง่ายเล่นงาน อันที่จริง แม้เป็นครึ่งเซียน มังกรตนนี้ก็สามารถสูบกลืนกินเข้าไปได้ง่ายดายภายในท้องมังกร มันมีพื้นที่อันเป็นเอกเทศ หลังถูกดูดกลืนเข้าไปแล้ว ผู้คนจะถูกผนึกเอาไว้ภายในมิติดังกล่าว
“โฮก!”
มังกรทองคําเผยเสียงคํารามร้องกราดเกรี้ยว เสียงคํารามด้วยโทสะนี้มันมาพร้อมพลังการดูดกลืนรุนแรงยิ่งขึ้น
ฉินหยุนได้ทราบ ว่าพลังงานวิญญาณใกล้เคียงต่างถูกมังกรตรงหน้าสูบหายเข้าไป หลันซูเหยายังคงเกาะกุมฉินหยุนเอาไว้ขณะเคลื่อนเข้าใกล้ระยะกลืนกินมังกรทีละน้อย
ฉินหยุนจึงใช้โอกาสนี้ ปล่อยคนออกจากหม้อราชสีห์สวรรค์มังกรไปยังไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวันที่เหยาเพิ่งคงอยู่
ให้นางช่วยสังหารผู้คนเหล่านั้น นําเอาผลึกแก้วชีวิตครึ่งเซียนออกมา รวมถึงแก่นเต๋ของจักรพรรดิยุทธ์และราชันยุทธ์
มีแต่หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรจึงสามารถรับมือมังกรตัวนี้ได้ เนตรศักดิ์สิทธิ์ของหลันซูเหยาได้ปลดปล่อยลําแสงสีครามออกไปแล้ว ทว่ามันกลับถูกมังกรทองคําสูบหาย เป็นผลให้มันไม่อาจควบแน่นทางพลังเผยซึ่งอํานาจของเนตรศักดิ์สิทธิ์
“ฉินหยุน เจ้ามีวิธีผนึกปากมังกรนี้หรือไม่?” หลันซูเหยาส่งเสียงสื่อสารถามต่อฉินหยุน
“มี!”
ฉินหยุนนําหม้อราชสีห์สวรรค์มังกรออกมาขวางทางปากมังกร มังกรตรงหน้าทรงพลัง มันสมควรทัดเทียมครึ่งเซียนระดับสูงสุด
ครึ่งเซียนจากแคว้นมังกรทะยานฟ้าได้พบ ว่าหลันซูเหยาสามารถปลดปล่อยลําแสงสีครามอันชวนสะพรึง ดังนั้นพวกเขาจึงระวังตัวอย่างยิ่ง เป็นพวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่าม และเชื่อว่าพลังอํานาจการดูดกลืนเช่นนี้จึงเป็นวิธีการดีที่สุดเพื่อรับมือกับนาง
ขณะหลันซูเหยาเกาะกุมมือฉินหยุนเอาไว้ เพื่อต้านทานพลังกลืนกินรุนแรง นางได้ใช้พลังของนางจนถึงขีดสุด พลังงานได้ควบแน่นเกิดขึ้นเป็นมวลใหญ่ หากเป็นเช่นนี้ต่อ ไม่ช้ามันจะต้องถูกกลืนกิน
อย่างกะทันหัน ฉินหยุนพลันส่งหม้อราชสีห์สวรรค์มังกรออกมา มันขยายขนาดใหญ่ขึ้นตามใจผู้ใช้ จากนั้น มันจึงถูกพลังอํานาจดูดกลืนรุนแรงสูบเข้าหาจนกระทั่งขวางปากมังกรเอาไว้ได้
ครึ่งเซียนทั้งสามจากแคว้นมังกรทะยานฟ้าต่างไม่คาดคิดถึงสถานการณ์นี้ บรรดาฝูงชนที่รับชมต่างอุทานร้องกันถ้วนหน้า พร้อมกล่าวนับถือในการกระทํา
หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร เวลานี้พบเห็นชัดเจนว่าได้ขวางปากกว้างใหญ่ของมังกรตรงหน้าไว้ มันขวางที่ภายในลําคอของมังกร ครึ่งเซียนทั้งสามกลับกลายเป็นร้อนรน และเวลานี้เองหลันซูเหยาก็ทะยานร่างไปแล้ว
“หนี!” ครึ่งเซียนผู้หนึ่งร้องตะโกน
คําเพียงกล่าวจบ ทั่วทั้งลานกว้างจึงถูกปกคลุมด้วยแสงสีครามเจิดจ้า ครึ่งเซียนทั้งสามที่คิดหลบหนี พริบตาต้องร่างชะงักค้างกลางอากาศ กระทั่งมังกรทองคํา ก็ยังต้องหยุดนิ่งเพราะแสงสีคราม
ฉินหยุนควบคุมหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร หดขนาดของมันเล็กลง จากนั้นจึงให้บินออกจากลําคอมังกร ก่อนจะส่งมันขึ้นไปบนฟ้าสูง จากนั้น ฝาหม้อจึงเปิดออกพุ่งทะยานลงมาเข้าหาร่างมังกรทองคํา ขนาดหม้อขยายใหญ่ขึ้นอย่างมหาศาล!
มังกรทองคํามีโทสะคํารามร้อง จากนั้น ทั้งร่างของมันได้ถูกกลืนหายเข้าไปในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรที่ขนาดราวภูเขาลูกหนึ่ง!
บรรดาผู้รับชมจากระยะไกลต่างต้องเบิกดวงตากว้างตื่นตะลึง ดวงตาพวกเขาแทบถลนออก เมื่อครู่ พวกเขายังหารือกันว่าฉินหยุนมีระดับการฝึกฝนต่ำเตี้ย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถลักพามังกรพิทักษ์คฤหาสน์รัศมีมังกร
ทว่าตอนนี้พวกเขาล้วนได้เห็นกับตาตนเอง ว่ามังกรทองคําที่แข็งแกร่งเลิศล้ำ ได้ถูกกลืนหายเข้าไปในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร ครานี้พวกเขาค่อยแน่แก่ใจ ว่าฉินหยุนคือผู้ที่ลักพามังกรพิทักษ์สํานักของคฤหาสน์รัศมีมังกร
หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรหดขนาดเล็กลง ก่อนจะบินกลับคืนสู่มือของฉินหยุน
ครึ่งเซียนทั้งสามจากแคว้นมังกรทะยานฟ้านิ่งค้างตะลึงงัน แม้ตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าเลี้ยงดูมังกรจํานวนหนึ่ง ทว่าตัวอื่นล้วนเป็นมังกรเด็ก แม้ว่ามีมังกรเซียนคงอยู่ ทว่าตัวตนนั้นยิ่งใหญ่และอหังการ ตามปกติแล้ว คิดร้องขอให้อีกฝ่ายออกหน้าในบางปัญหาที่ต้องเผชิญยังยากลําบาก
มังกรทองคําจึงกลายเป็นหนึ่งเดียวที่พวกเขาสามารถนําออกมาเปิดศึกต่อสู้ ทว่าตอนนี้ มันได้ถูกฉินหยุนฉกชิงเอาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉินหยุนเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน ว่าหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรสามารถกลืนกินอีกฝ่ายง่ายดายเช่นนี้ มันถึงขั้นสามารถกลืนกินทั้งร่างมังกรทองคําได้ราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น
ตอนนี้เขาค่อยทราบกระจ่างชัด ย้อนกลับไปครั้งหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก เหตุใดมังกรแข็งแกร่งแห่งแดนยุทธ์อ้างว้างตนนั้น จึงปรากฏตัวเข้าหยุดยั้งทุกผู้คนไม่ให้ได้รับมันไปครอง
เห็นได้ชัด ว่าเพราะหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรคือตัวตนชวนพรั่นพรึงต่อบรรดามังกรทั้งมวล
ครึ่งเซียนทั้งสามจากแคว้นมังกรทะยานฟ้า เวลานี้กลายเป็นโศกศัลย์และโกรธแค้น ทว่าร่างพวกเขาได้ถูกแสงสีครามปกคลุม พวกเขาไม่อาจไหวติง มังกรถูกจับตัวแล้ว ฉินหยุนจึงอารมณ์ดียิ่ง เขาเร่งรีบพุ่งทะยานพร้อมสับฟันสังหารครึ่งเซียนทั้งสามด้วยกระบี่เพียงไม่กี่กระบวนท่า ก่อนจะเก็บร่างพวกเขาเหล่านั้นไป
ฝูงชนที่รับชมไม่ทราบว่าเหตุใดฉินหยุนต้องการเก็บร่างคนตาย กระนั้นพวกเขาต่างรู้สึก ว่าการสังหารและเก็บศพไว้ อาจเป็นงานอดิเรกชวนขนลุกที่ฉินหยุนนิยมชมชอบ
กําลังเสริมจากแคว้นมังกรทะยานฟ้า ครึ่งเซียนทั้งสาม และมังกรทองคําที่แข็งแกร่ง ทั้งหมดแตกพ่าย เป็นผลให้ทั่วทั้งคฤหาสน์รัศมีมังกรเกิดความหวาดกลัวเกาะกุม
ทันใดนี้เอง คฤหาสน์รัศมีมังกรจึงเริ่มสั่น มีคนเปิดม่านพลังออก ทันทีเมื่อเส้นทางเปิดโล่ง คนกลุ่มใหญ่จึงเร่งรีบเผ่นหนีหายกระจายทั่วสารทิศประหนึ่งหนูแตกรัง คฤหาสน์โบราณที่งดงามเวลานี้กลายเป็นรกร้างในเวลาเพียงอึดใจ ประชากรที่พํานักอาศัยอยู่ภายในนั้น หลบหนีกันไปอย่างไม่คิดชีวิตแล้ว
ผู้คนต่างถอนหายใจยามรับชม พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นตระกูลหลงแห่งแคว้นมหาดวงดาวต้องพินาศเช่นนี้ด้วยตาของตนเอง สายตาพวกเขามองที่ฉินหยุนและหลันซูเหยาซึ่งลอยกลางฟากฟ้า พบว่าคนทั้งสองทั้งลึกลับและชวนสะพรึง
โดยเฉพาะกับหลันซูเหยา นางแทบไม่กล่าวคําใด กระนั้นดวงตาที่นางครอบครอง มันคือพลังอํานาจระดับต้านสวรรค์แล้ว
ฉินหยุนมองไปยังคฤหาสน์รัศมีมังกรที่ว่างเปล่าเบื้องล่าง พลางต้องถอนหายใจ เพราะเขาไม่อาจทวงวิญญาณยุทธ์ของหลงเฉียวเพิ่งกลับคืน
วิญญาณยุทธ์ของนางได้ถูกส่งต่อไปยังตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โชคยังดีที่เขามีหลันซูเหยาร่วมทาง เพียงนึกถึงตรงนี้ ฉินหยุนก็วางใจได้มาก
แต่แล้วทันใดนี้เอง สีหน้าของหลันซูเหยากลับกลายเป็นแปรเปลี่ยน
“องค์ราชินีซูเหยา เกิดเรื่องอันใดหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ข้าเผชิญปัญหาแล้ว!” หลันซูเหยากล่าวเสียงลุ่มลึก “เจ้าเร่งรีบไปให้พ้นจากข้า!”
“ข้าย่อมไม่ไป!” ฉินหยุนกล่าวตอบทันควัน “ปัญหาอันใดกัน? ผู้ใดในแดนวิญญาณอ้างว้างยังจะสร้างปัญหาแก่ท่านได้?”
“ทัณฑ์พิบัติของข้าใกล้มาเยือนแล้ว!” หลันซูเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ทัณฑ์พิบัติครั้งที่เจ็ดของข้า ทัณฑ์ต้านสวรรค์!”
ฉินหยุนกลับกลายเป็นเหม่อลอย ทัณฑ์พิบัติครั้งที่เจ็ดของหลันซูเหยาใกล้มาถึง นั่นหมายความ หากนางข้ามผ่านไปได้ นางก็ต้องจากไปยังแดนเซียนอ้างว้าง!
“องค์ราชินีซูเหยา… อย่างนั้นท่านจะไปแคว้นมังกรทะยานฟ้ากับข้าได้เช่นไร?” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะเกิดความผิดหวัง
“ข้าไม่ทราบ ต้องขออภัยแล้ว!” หลันซูเหยามองขึ้นท้องฟ้าด้วยสีหน้าอันหนักอึ้ง
ฉินหยุนนึกย้อนถึงครั้งที่เขาขัดเกลาจารึกวิญญาณขึ้นมา ตอนนั้นก็เป็นทัณฑ์ต้านสวรรค์เช่นกัน
เขาจึงกล่าวถามต่อเหยาเพิ่งที่อยู่ในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน “พี่สาวเหยาเฟิง หลันซูเหยากําลังเผชิญทัณฑ์พิบัติครั้งที่เจ็ด นางสามารถหลบซ่อนในวิญญาณเทวะเก้าตะวันเช่นท่านได้หรือไม่?”
“ไม่ได้ หากนางเข้ามา ทัณฑ์พิบัติจะมุ่งเป้ามาที่เจ้า! ด้วยระดับการฝึกฝนเจ้าตอนนี้ เผชิญหน้าทัณฑ์ต้านสวรรค์ ความตายคือสิ่งเดียวที่รอคอย!” เหยาเฟิงยังต้องตื่นตะลึง นางกล่าวตอบอย่างเร่งร้อน “เร่งรีบออกให้พ้นจากตัวนาง!”
“อย่างนั้นแล้ว… ครั้งที่ข้าขัดเกลาจารึกวิญญาณจ้าวเตนั้นรอดมาได้อย่างไรกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“หลันซูเหยาคือคน จารึกวิญญาณจ้าวเต่เป็นเพียงร่างวิญญาณ ทั้งสองไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง! ร่างวิญญาณนําพามาซึ่งทัณฑ์ต้านสวรรค์ มันเป็นเพียงทัณฑ์พิบัติโดยหน้าฉาก!” เหยาเฟิงเร่งร้อนกล่าว “เร่งรีบออกห่างจากตัวนาง!”
หลันซูเหยาคว้าจับฉินหยุน ก่อนจะโยนร่างของเขาออกไปห่างไกลด้วยแรงอันมหาศาล พร้อมกันนี้ มวลเมฆสสีดําสนิทได้ปรากฏบนฟากฟ้าแล้ว!
ครืน!
เสียงฟ้าคํารามร้องสั่นสะท้านแดนดินปรากฏ ก่อนที่จะฟาดอย่างรุนแรงเข้าใส่หลันซูเหยาประหนึ่งขุนเขาร่วงหล่นปกคลุมทั้งกายนาง ได้เห็นเช่นนี้ ครึ่งเซียนผู้อื่นจึงเผยใบหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัว
“ฉินหยุน เร่งรีบออกมา!” เจี้ยนสือเทียนดึงทั้งฉินหยุนและเจี้ยนหนันหูทิ้งระยะออกห่าง
“นี่เป็นทัณฑ์ต้านสวรรค์! เร่งรีบหนี!”
“สตรีโฉดชั่ว! หากเจ้าต้องการข้ามผ่านทัณฑ์พิบัติ เหตุใดจึงมาทําในที่นี้? นี่จะทําพวกเราตายกันหมด!”
“เจ้าไม่เห็นหรือไร? ครึ่งเซียนผู้อื่นต่างหวาดกลัวราวกับจิตวิญญาณถูกพรากจากแล้ว! พวกเขาหวาดกลัวยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก!”
“เจ้าไม่ทราบ พวกเขาสะกดการฝึกฝนเอาไว้เพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นทัณฑ์พิบัติ! และตอนนี้ พวกเขาต่างก็เข้าใกล้ทัณฑ์ต้านสวรรค์ หากพวกเขาหย่อนความระวัง เช่นนั้นทัณฑ์พิบัติของพวกเขาจะมาเยือน!”
ขณะฝูงชนเผ่นหนีหาย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไป พื้นที่ซึ่งหลันซูเหยาคงอยู่ มันเกิดมวลสายฟ้าอสนีบาตสีดําเข้าปกคลุมฟาดฟันลงมาไม่หยุดหย่อน ราวกับมันเป็นน้ำตกสายฟ้าที่ไหลจากสวรรค์ เกิดขึ้นเป็นคลื่นพลังงานสั่นสะเทือนฟากฟ้าจนภูเขาใกล้เคียงต้องพินาศย่อยยับ
สายฟ้าอสนีบาตได้ควบรวมเป็นหนึ่ง ออร่าแห่งความตายและการทําลายล้างเผยชัด มันฟาดหวดลงอย่างรุนแรงราวกับคิดทะลวงถึงแกนโลก เป็นพลังที่ทําให้ทุกผู้คนในที่นี้ต้องพรั่นพรึง
ครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ในที่นี้ ต่างสัมผัสได้ถึงออร่าพลังงานชวนขนลุก ภายในใจพวกเขามีแต่ความหวาดกลัววิ่งพล่าน
นี่คือพลังของทัณฑ์พิบัติครั้งที่เจ็ด!
“น่ากลัวยิ่งนัก แต่สตรีผู้นั้นก็ยังต้านรับไว้ได้จนถึงตอนนี้”
“หากเป็นข้า ร่างคงระเบิดแหลกออกเป็นเสี่ยงไปนานแล้ว!”
“ตราบเท่าที่นางไม่ตาย ทัณฑ์ต้านสวรรค์จะไม่หายไปอย่างนั้นหรือ?”
“เดิมข้าคิดก้าวข้ามทัณฑ์พิบัติที่สอง ทว่าตอนนี้คงไม่แล้ว!”
ครึ่งเซียนหลายคนที่นี้ต่างเกิดความหวาดกลัวเกาะกุมในหัวใจ พวกเขามองสายฟ้าอสนีบาตสีน้ำเงินดําที่แล่บแปลบปลาบระเบิดรุนแรงจากระยะไกลพลางต้องถอนหายใจ
หลันซูเหยาเวลานี้ไม่อาจร่วมทางกับฉินหยุนไปยังแคว้นมังกรทะยานฟ้าได้อีก แม้ฉินหยุนรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้ ทว่าตอนนี้เขากังวลถึงความปลอดภัยของหลันซูเหยายิ่งกว่า
หมัดของฉินหยุนกําเอาไว้แน่น สายตาจับจ้องไปยังทัณฑ์พิบัติที่ฟาดหวดลงมารุนแรงอย่างคลุ้มคลั่ง “ตราบเท่าที่นางไม่เป็นไรถือเป็นเรื่องดี! แม้นางไม่อาจร่วมทางไปต่อ แต่ลําพังเราก็จะไปยังตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า ทวงวิญญาณยุทธ์ของเฉียวเฟิงกลับคืนมาพร้อมหาวิธีถอนคําสาปด้วยตนเองให้จงได้!”
Related