ตอนที่ 802 : หอบันหลง

ตอนที่ 802 : หอบันหลง
 
ภายในเขตแดนอ้างว้างชนเผ่ายุคโบราณซึ่งถูกผนึกแห่งนี้ ทรัพยากรธรรมชาติขาดแคลนเพราะการคงอยู่ของเมืองภูตผีต้องห้าม เพื่อคงสภาพพลังงานการผนึกเอาไว้ ดังนั้นแล้วตลอดปลายปีที่ผ่านมา ผนึกจึงได้ดูดกลืนพลังงานของเขตแดนอ้างว้างส่วนใหญ่ไป
 
เมืองภูตผีต้องห้ามที่ผนึกเริ่มอ่อนแรง ทรัพยากรธรรมชาติของเขตแดนอ้างว้างจึงเริ่มกลับคืนทีละน้อย
 
ดังนั้นแล้ว เปาเฉิงโจ่วและเจี้ยนสือเทียน รวมถึงคณะคนที่เข้าสู่เขตแดนอ้างว้างนี้จึงไม่สนใจเรื่องอื่นใด เป็นเวลาหลายปีแล้วที่พวกเขาต้องการค้นหาเขตแดนอ้างว้างที่ดีเพื่อให้สํานัก ได้ยืนหยัดทว่าไม่เคยได้พบแม้เพียงหนึ่ง ตํานานกล่าวว่ามีเขตแดนอ้างว้างที่ดีคงอยู่ ทว่ามันเป็นที่ภายในเขตแดนลึกล้ําของแดนวิญญาณอ้างว้าง
 
เปาเฉิงโจ่วและเจี้ยนสือเทียนต่างนําคนของตนเองกลับคืนสู่สํานักเปาเฉิงโฉ่วนํา เรือบินลําใหญ่ให้ผู้คนโดยสาร จากนั้นจึงบินกลับมุ่งหน้าสู่นครเซียนยุทธภัณฑ์ด้วยความเร็วสูงเชียวเย่ว์เหม่ยติดตามเปาเฉิงโจ่วและคณะกลับสู่นครเซียนยุทธภัณฑ์เช่นกันนางยังคงจดจําได้ดีถึงช่วงเวลาที่อยู่ภายในเมืองภูตผีต้องห้ามว่ามันอันตรายมากล้นเพียงใด
 
“พี่หลิงหลง ข้าไม่คล้ายเห็นพี่สาวซาลาเปากับพี่สู่ย และไม่ทราบด้วยว่าพวกนางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว!” เย่ว์เหม่ยกล่าวร้อนใจ เพราะฉินหยุนไม่ได้บอกอันใดแก่นาง
 
“พวกนาง” เจี้ยนหลิงหลงไม่คิดพูดกล่าวถึงเรื่องนี้ เจี้ยนรั่วหยานพอนึกขึ้นได้ ดวงตา พลันต้องเกิดน้ําตาเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่อาจอดกลั้นจนน้ําตาร่วงหล่นนางรู้จักทั้งสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อมาเป็นเวลานานสัมพันธ์ของพวกนางกล่าวได้ว่าดีพวกนางนับเป็นพี่น้องร่วมสาบานที่ดีต่อกันด้วยซ้ํากระนั้นตอนนี้พวกนางไม่อยู่ที่นี่ฉินหยุนนั่งอยู่ข้างเจี้ยนหลิงหลงหยิบยืมกายนางเป็นที่พักพิงเวลานี้เขาอ่อนแรงยิ่ง
 
“ พี่ชาย อย่าได้บอกว่าพวกนาง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงโศกศัลย์
 
“เด็กโง่ ข้าหรือจะปล่อยให้พวกนางตาย!” ฉินหยุนค่อยลืมตาขึ้นมาพร้อมหัวเราะ
 
“อย่างนั้นพวกนางอยู่ที่ใดแล้ว?” เจี้ยนรั่วหยานเกิดความรู้สึกหนักอึ้งเมื่อครู่ เวลานี้ค่อยดีขึ้นมาก
 
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแปรเปลี่ยนจากโศกเศร้าเป็นยินดี นางทุบตีฉินหยุนเบามือพร้อมถาม “พี่ชายเหตุใดท่านไม่พูดกล่าวแต่แรกเล่า?”
 
เจี้ยนหลิงหลงสูดลมหายใจเข้าลึกและถามออก “ฉินหยุน พวกนางอยู่ที่ใดแล้ว?”
 
เปาเฉิงโจ่วเผยคิ้วขมวด “ฉินหยุน อย่าได้บอกว่าพวกนางยังอยู่ที่เมืองภูตผีต้องห้ามแห่งนั้น?”
 
ฉินหยุนส่ายศีรษะตอบกลับ “คนตระกูลหลงใช้คําสาปแก่พวกนาง ทุกชั่วยามพวกนางจะ ต้องเจ็บปวดสาหัส ข้าผนึกพวกนางเอาไว้และให้อยู่ภายในอุปกรณ์วิเศษมิติเก็บของแล้ว”
 
เขามอบสุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิงให้เหยาเพิ่งดูแลต่อ เหยาเพิ่งรับมือกับคําสาปมานานนับ ดังนั้นสําหรับนางจึงไม่ใช่เรื่องยากประคองสถานการณ์ นางสามารถรับมือกับคําสาปตระกูลหลงได้กระนั้นก็ต้องใช้เวลานาน ด้วยเหตุนั้น ฉินหยุนจึงคิดไปยังตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าเพื่อสอนสั่งบทเรียนอันสาหัส
 
ฉินหยุนอธิบายเรื่องราวทั้งหมดแก่เปาเฉิงโจ่วและคณะผู้อาวุโส หลังได้ทราบ สีหน้าพวกเขาจึงเผยความหนักอึ้งออกมา
 
บินอวสายศีรษะ “ตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหา ตระกูลหลงถึงกับใช้วิธีการโฉดชั่วเพียงนี้ คําสาปสลายหัวใจแยกจิตวิญญาณ ความเจ็บปวดจะตรงเข้าสู่จิตวิญญาณจน ทําให้แหลกสลายไปพร้อมหัวใจและมันยังจะเกิดขึ้นซ้ําแล้วซ้ําเล่าจนกว่าจะตาย”
 
“โชคดีนักที่พี่สาวทั้งสองถูกผนึกไว้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงต้องแบกรับความเจ็บปวดชวนสะพรึงแล้ว!” ใบหน้าจิ้มลิ้มของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยโทสะ “ตัวบัดซบตระกูลหลง อย่าได้คิดว่าพวกมันจะลอยนวลได้!”
 
เจี้ยนหลิงหลงกล่าวถามเสียงเบา “ฉินหยุน เจ้าคิดไปยังแคว้นมังกรทะยานฟ้าหาตัวตระกูลหลงหรือ?”
 
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยคําขึ้น “ให้ข้าไปด้วย!”
 
เจี้ยนหลิงหลงและเจี้ยนรั่วหยานต่างมองที่ฉินหยุน ทั้งสองเผยเจตนาเดียวกันนี้ออกมา
 
“เย่ว์เหม่ย เจ้าควรกลับเกาะจันทราปีศาจก่อน” ฉินหยุนกล่าว
 
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยังจําได้ว่านางต้องคอยสะกดจิตวิญญาณไว้ทุกชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นจึงได้แต่คํารามอย่างโกรธแค้น
 
“ข้าจะไปเอง ข้าย่อมมีผู้ช่วย!” ฉินหยุนหัวเราะ “ให้ข้าพักผ่อนก่อนแล้ว อาการบาดเจ็บทางร่างกายนี้ยังต้องการเวลารักษา”
 
เจี้ยนหลิงหลงช่วยพยุงตัวฉินหยุนขึ้น นําเขาไปยังห้องแห่งหนึ่ง หลังเข้าสู่ห้องแล้ว ฉินหยุนจึงค่อยนําหลันซูเหยาออกมา อาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างรุนแรง หลังตรวจสอบอาการฉินหยุน จึงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
 
“เสี่ยวหยุน พี่สาวปิงชิงย่อมต้องช่วยรักษานางได้” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “พี่สาวเหยาเฟิงนําเนตรศักดิ์สิทธิ์ชวนสะพรึงของนางกลับคืนมาแล้ว กระนั้นข้าไม่ทราบ ว่าพวกมันสามารถปลูกถ่ายได้ใหม่หรือไม่”
 
หลันซูเหยามีกําลังใจและกําลังกายมากล้น แม้นางบาดเจ็บสาหัส ขนาดดวงตาถูกควักออก เวลานี้ก็ยังฟื้นสติกลับคืนมาได้
 
“ฉินหยุน ชิงเฉิงและเทียนสือเล่า? พวกนางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” หลันซูเหยาขยับริมฝีปากเบาเอ่ยคํา น้ําเสียงนี้เผยท่าที่อิดโรย เป็นนางอ่อนแรงยิ่ง กระนั้นฉินหยุนก็ยังสามารถได้ยิน
 
“อาการทรงตัว อีกทางหนึ่ง สถานการณ์ของท่านต่างหากที่ดูแย่!” ฉินหยุนถอนหายใจยาวก่อนจะเริ่มถ่ายเทพลังเข้าสู่ร่างกายนางเพื่อประคองอาการ เขาคิดกลับพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์เพื่อให้ปิงชิงช่วยเหลือนําดวงตากลับคืนแก่หลันซูเหยา
 
“พวกนางไม่เป็นไร… วิเศษนัก” หลันซูเหยากล่าวคําเบา
 
ได้เห็นช่องดวงตาที่โชกเลือด ฉินหยุนรู้สึกปวดใจยากบรรยายออก เดิมฉินหยุนไม่ชอบหลันซูเหยาผู้นี้ กระนั้นนางก็ดูแลสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเป็นอย่างดี กระทั่งแทบถูกสังหารเพื่อช่วยพวกนาง ฉินหยุนพบว่าแปลก หลันซูเหยาหาได้รู้จักสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเป็นเวลานานแต่อย่างใด กระนั้นความสัมพันธ์ต่อกันกลับดีเยี่ยม
 
หลายวันผ่านไป เปาเฉิงโจ่วและคณะค่อยกลับถึงนครเซียนยุทธภัณฑ์
 
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหลังกล่าวลากับฉินหยุน นางจึงติดตามเจี้ยนหลิงหลงกลับสู่เกาะจันทราปีศาจ
 
หลังพักผ่อนบนเรือบินอยู่หลายวัน ฉินหยุนค่อยฟื้นฟูมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ทว่าร่างกายยังคงไม่หายดี ตั้งแต่กลับมาถึง เขาก็เร่งรีบมุ่งหน้ามาที่ตําหนักพระราชวังเขียนยุทธภัณฑ์แล้ว
 
ปิงชิงนั่งอยู่ริมสระเซียนดูดกลืนพลังงานเซียนอย่างเงียบงัน นางกําลังฝึกฝนวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร ทันทีเมื่อฉินหยุนมาถึง นางที่จดจําออร่าได้จึงเร่งรีบลุกขึ้นเดินมา
 
ฉินหยุนพบว่าผิดคาด ทันทีเมื่อเปิดประตูออก ที่เขาได้เห็นคือภูติหญิงผู้งดงามร่ายรํากลางอากาศเคลื่อนคล้อยบินมา
 
“เหตุใดเจ้าบาดเจ็บ?” ชิงชิงขมวดคิ้วกล่าวถาม
 
“เกิดเรื่องมากมายนัก เรื่องยาวยิ่ง” ฉินหยุนเวลานี้อารมณ์หนักอึ้ง เขาก้าวเดินไปยังสระเซียนพร้อมนําหลันซูเหยาที่บาดเจ็บสาหัสออกมาข้างสระเซียน
 
“สตรีใหม่ของเจ้าหรือ?” ชิงชิงมองที่หลันซูเหยาพร้อมขมวดคิ้ว “นางมาจากชนเผ่ายุคโบราณ…”
 
ฉินหยุนบอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองภูตผีต้องห้ามแก่ปิงชิง นางได้ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของหลันซูเหยาระหว่างรับฟังไปด้วย
 
“ให้ข้ารักษาอาการบาดเจ็บแก่นางก่อน!” ชิงชิงนําหลันซูเหยาสู่ภายในสระเซียน พร้อมชําระคราบเลือดตามร่างของนางด้วย
 
หลันซูเหยาย่อมมีสติกระจ่างชัด นางตระหนักได้ดี ว่ามีสตรีผู้แข็งแกร่งช่วยเหลือชําระกายแก่นางจนเกิดความรู้สึกสบายอบอุ่น
 
ฉินหยุนมาถึงด้านล่างสระเซียน เข้าสู่พื้นที่ของต้นกําเนิดเซียน เขาได้เห็นหลันซูเหยาสวมใส่ชุดกระโปรงสีขาวของบังชิง เวลานี้กําลังนอนอย่างสงบที่บรรทมเซียนตะวันจันทรา
 
ฉินหยุนนําเนตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองออกมา ส่งพวกมันให้แก่ปิงชิง “พี่สาวปิงชิง นี่เป็นเนตรศักดิ์สิทธิ์ของนาง ท่านช่วยปลูกถ่ายให้แก่นางได้หรือไม่? สิ่งนี้สําคัญกับนาง และยังเป็นต้นกําเนิดความแข็งแกร่งของนาง”
 
“สมควรทําได้! อาการบาดเจ็บของนางตอนนี้คงสภาพชั่วคราว น่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่านางจะฟื้นฟูได้โดยสมบูรณ์” บิงชิงรับเนตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมาชมด้วยความสนใจอย่างยิ่ง
 
“วิเศษนัก!” ฉินหยุนได้ทราบแล้วจึงเร่งรีบไปยังหอพิทักษ์กฏ เขาต้องการพบแม่เฒ่าหม่า
 
ทันทีเมื่อมาถึงที่พํานักแม่เฒ่าหม่า เขาได้ทราบว่าหลงเฉียวเฟิงไม่คล้ายอยู่ที่นี่หลายวันแล้วฉินหยุนกังวลว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น ดังนั้นจึงไปยังห้องของหลงเฉียวเฟิงพร้อมแม่เฒ่าหม่า ทันที่เมื่อถึงห้อง เขาจึงได้พบจดหมายที่นางเขียนทิ้งไว้
 
“เพราะบางเรื่อง ข้าจึงต้องกลับสู่ตระกูลหลง ฉินหยุน ขอบคุณที่เข้าช่วยเหลือข้า แต่เป็นข้าทําเจ้าผิดหวังแล้ว!” จดหมายของหลงเฉียวเฟิงมีถ้อยคําน้อยนิด ทว่ามันก็มากพอให้ฉินหยุนและแม่เฒ่าหม่าได้ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
 
“ท่านยายหม่า มีบุคคลน่าสงสัยจากหอพิทักษ์กฏที่ติดต่อกับหลงเฉียวเฟิงในช่วงนี้บ้างหรือไม่? มันผู้นั้นต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหลงแน่!” ฉินหยุนกล่าวด้วยคิ้วขมวด “ตระกูลหลงสูญเสียมังกร ทั้งยังสงสัยต่อเฉียวเฟิง พวกมันย่อมต้องค้นหานางไปทั่วสารทิศแน่!”
 
แม่เฒ่าหม่าครุ่นคิดก่อนจะกล่าวตอบ “มีคนหนึ่ง เป็นราชันยุทธ์ บิดาเป็นจักรพรรดิยุทธ์ เขารับหน้าที่จัดการกิจการของตระกูลมาก่อน เพราะยังมีตระกูลหลงจํานวนหนึ่งยังไม่ถอนตัวจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ สัมพันธ์กับตระกูลหลงกล่าวได้ว่าดี!”
 
“ต้องเป็นมันแน่แล้วที่ตระเวนหาเฉียวเฟิงจนพบ และเป็นเหตุให้นางไปจากที่นี่!” ฉินหยุนถูกความร้อนรนเข้าครอบงํา หากหลงเฉียวเฟิงกลับสู่ตระกูลหลง ผลที่ตามมาแทบไม่ต้องคิดก็นึก
 
ก่อนหน้านี้ หลงเฉียวเฟิงกล่าว ว่านางไร้ซึ่งห่วงใดกับตระกูลหลงแล้ว ทว่าตอนนี้นางกลับไปยังที่แห่งนั้น เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลงต้องข่มขู่อันใดต่อนาง! เป็นไปได้ที่สุด ว่าจะมีคนเข้าใกล้นางเพื่อข่มขู่จนเกิดเรื่อง
 
“ท่านยายหม่า เร่งรีบส่งคนไปสืบสวนเป็นการลับ ข้าต้องการทราบว่า ฉินหยุนกล่าว
 
แม่เฒ่าหม่านําเอาเปลือกหอยเสียงสื่อสารออกมาถ่ายทอดคําสั่ง
 
ไม่นานนัก นางจึงได้ทราบ ว่าพ่อลูกคู่ดังกล่าวอยู่ที่ใด “จักรพรรดิยุทธ์ยังอยู่ที่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ บุตรชายเล่นพนันอยู่ที่บ่อนภายในเมือง ช่วงนี้กําลังมีงานพนันครั้งใหญ่จัดขึ้น!”
 
“เห็นได้ชัดว่ามันคงได้โชคลาภมาไม่ใช่น้อย ให้ข้าไปพบมัน ท่านนําคนไปคุมตัวจักรพรรดิยุทธ์ผู้นั้นไว้!” ฉินหยุนกล่าวเสียงเย็นเยือก
 
“แม้ตี้หมิงจั่นผู้นี้เพิ่งเป็นราชันยุทธ์ กระนั้นก็แข็งแกร่งไม่ใช่น้อย เจ้ารับมือเองไหวหรือ?” แม่เฒ่าหม่าเผยความกังวล “นอกจากนี้แล้ว ในบ่อนนั้นยังมีราชันยุทธ์อีกหลายคน… บ่อนนั้นเป็นตระกูลหลงครอบครองในเบื้องหลัง!”
 
“ให้ข้าจัดการเอง!” ฉินหยุนกล่าวตอบ
 
หลังจากได้ทราบข้อมูลจากแม่เฒ่าหม่าครบถ้วน เขาจึงเปลี่ยนรูปลักษณ์พร้อมออกไปจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ที่ภายในนครเชียนยุทธภัณฑ์ ฉินหยุนมีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นบิงชิงและเปาเฉิงโจ่วตราบเท่าที่เขาไม่ทําเกินเลย ทุกเรื่องราวล้วนสามารถพูดกล่าว
 
กลางดึก พื้นที่ฝั่งตะวันออกของนครเซียนยุทธภัณฑ์ แสงสว่างยามค่ําคืนสาดส่องสิ่งปลูกสร้างงดงาม ที่นี้คือบ่อนที่ใหญ่ที่สุดของนครเซียนยุทธภัณฑ์ หอบันหลง
ฉินหยุนที่มาถึงเขาจึงมุ่งหน้าสู่ชั้นที่เก้า ก่อนหน้านี้ฉินหยุนได้ขอให้เจี้ยนหลิงหลงช่วยซื้อหาแกนกลางดวงดาวจํานวนมากเหรียญม่วงเกือบทั้งหมดของเขาละลายหาย ที่มีติดตัวจึงเพียงไม่ กี่สิบล้าน หลังเผยจํานวนเงินที่มีเขาจึงมีคุณสมบัติพอให้ขึ้นไปยังชั้นที่เก้า
 
ชั้นที่เก้ากว้างใหญ่และสว่างไสว โต๊ะพนันตัวใหญ่ตั้งเอาไว้ตระหง่าน ฉินหยุนที่มาถึง เขาสะดุ้งตระหนกตกใจ เดิมเขาคิดว่าผู้คนเดิมพันกันด้วยเหรียญม่วง กระนั้นที่บนโต๊ะพนัน มันมีของสารพัดทั้งแขนหรือว่าขา แก่นเต๋ และสิ่งอื่นอีกหลายอย่าง กระทั่งมีอุปกรณ์ลึกล้ําและอุปกรณ์วิญญาณด้วยเช่นกัน ผู้คนที่เล่นพนันกันที่ชั้นเก้าของหอบันหลงล้วนสามารถนําสารพัดสิ่งมาเดิมพัน
 
ทันทีเมื่อฉินหยุนมาถึง เขาจึงได้เห็นชายวัยกลางคนใบหน้าอ้วนกลมไว้หนวดเครา นั่นคือตี้หมิงวุ่น!
 

Related

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset