“คนคุ้นเคยคนไหนเหรอครับ?”เปปเปอร์ถามขึ้น
ส้มเปรี้ยวยิ้มพลางตอบกลับว่า:“เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย แต่ว่าเธอไม่รู้จักฉันแล้ว พอแล้วเปปเปอร์ ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว พวกเราไปแผนกจิตเวชกันเถอะ”
เปปเปอร์ก็ไม่ได้คิดมาก ค่อยๆเงยคางขึ้น เห็นด้วย
อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อการันต์วางสายกับส้มเปรี้ยวแล้ว ก็ติดต่อแผนกนารีเวชทางด้านนั้น“ผู้หญิงที่ผมเคยบอกคุณเมื่อครั้งก่อน ได้ไปยังแผนกของพวกคุณแล้ว พวกคุณระวังล่ะอย่าได้แบไต๋ ออกไป”
“เข้าใจครับผู้อำนวยการการันต์”คนที่รับสายอยู่ทางด้านหนึ่งพยักหน้าพร้อมรับคำ
การันต์ อึม หนึ่งที แล้ววางสายโทรศัพท์ลง
แผนกนารีเวช
ลาเต้พามายมิ้นท์มายังบริเวณด้านนอกของห้องตรวจห้องหนึ่ง
“เต้คุณรอฉันอยู่ด้านนอกก็แล้วกัน”มายมิ้นท์หันศีรษะไปพูดกับลาเต้ที่อยู่ข้างๆ
“ให้ผมเข้าไปเป็นเพื่อนคุณเถอะครับ”ลาเต้ไม่ค่อยวางใจสักเท่าไหร่
มายมิ้นท์ส่ายหัวปฏิเสธ“อย่าเลยค่ะ”
เธอดึงดันเช่นนี้ ลาเต้ก็ไม่มีหนทางอื่น จึงรับปากอย่างจนใจ“ถ้างั้นก็ได้ครับ ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่ มีเรื่องอะไรก็เรียกผม ผมจะรีบเข้าไปทันที”
“ได้ค่ะ”มายมิ้นท์ยิ้ม แล้วก้าวเท้าเข้าไป
หมอที่อยู่ในห้องตรวจวางหูโทรศัพท์ที่อยู่ในมือลง เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาแววตาก็เป็นประกายเล็กน้อย
“คุณมายมิ้นท์ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะครับ”คุณหมอยิ้มพลางทักทายมายมิ้นท์
มายมิ้นท์นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา พร้อมกับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“คุณหมอ คุณยังจำฉันได้เหรอคะ?”
“แน่นอนครับ คราวที่แล้วคุณมาที่นี่ ผมเป็นคนรักษาคุณเอง ผมเป็นคนความจำดีมาโดยตลอด”คุณหมอพูดขึ้น
มายมิ้นท์บีบมุมปาก“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
“คุณมายมิ้นท์ คุณมาครั้งนี้ ลูกในท้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”เมื่อคุณหมอได้รับบัตรลงทะเบียนของเธอแล้วจึงถามขึ้น
มายมิ้นท์ส่ายหัว“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันมาในครั้งนี้ เพราะต้องการเอาเด็กคนนี้ออก”
“เอาออก?”คุณหมอตกใจอย่างเห็นได้ชัด
มายมิ้นท์พยักหน้า“ใช่ค่ะ”
สีหน้าของคุณหมอซับซ้อน“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมคะ?”
“แน่ใจแล้วค่ะ”มายมิ้นท์ตอบอย่างชัดเจน
จู่ ๆ คุณหมอก็เงียบลง ไม่พูดไม่จา
เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะต้องแต่งเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเด็กในครรภ์ หรือเหตุผลที่ว่าร่างกายคุณแม่ไม่เหมาะที่จะตั้งครรภ์ มาโกหกเธอ เพื่อให้เธอยอมทำแท้ง
นึกไม่ถึงเลยว่าการมาของเธอในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะทำแท้ง ช่วยประหยัดแรงของเขาไม่น้อย
“ในเมื่อ คุณมายมิ้นท์ครุ่นคิดอย่างแน่ชัดแล้ว ถ้างั้นก็ได้ แล้วคุณมายมิ้นท์วางแผนที่จะเอาเด็กออกเมื่อไหร่ครับ?ผมจะได้ให้คุณหมอเตรียมผ่าตัด”คุณหมอมองไปยังท้องของเธอ
มือของมายมิ้นท์วางอยู่บริเวณท้องอย่างประหม่า เธอยังไม่ได้ตอบคำถาม อีกทั้งยังหดเปลือกตาลง ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
คุณหมอสังเกตสีหน้าของเธอมาโดยตลอด เมื่อเห็นเช่นนั้นเกรงว่าเธอจะเปลี่ยนใจ และไม่สามารถตัดใจจากเด็กที่อยู่ในท้องได้
ดังนั้นหลังจากที่คุณหมอหรี่ตาลง จึงพูดโน้มน้าวอย่างสงบเยือกเย็นว่า:“คุณมายมิ้นท์ เรื่องแบบนี้จะยื้อเวลาไว้ไม่ได้ หากยื้อเวลาไว้นาน อายุครรภ์มากขึ้น จะไม่ส่งผลดีต่อแม่ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องตัดสินใจให้รวดเร็ว”
“ถ้างั้นก็เร็วที่สุดก็แล้วกันค่ะ”มายมิ้นท์สูดหายใจเข้าลึก พร้อมหลับตา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ในความเป็นจริง ตอนที่หมอถามว่าวางแผนที่จะเอาเด็กออกเมื่อไหร่ ในใจของเธอนั้นเกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์จริงๆ ทำให้เธอไม่สามารถตอบคำถามของคุณหมอได้
แต่ว่าแม้ว่าจะอาลัยอาวรณ์ เธอก็จำเป็นต้องตัดใจด้วยความโหดร้าย
ขอโทษ!
มายมิ้นท์ขอโทษเด็กที่อยู่ในท้อง จากนั้นจริงลงชื่อยินยอมการทำแท้ง
เมื่อคุณหมอเห็นเธอลงลายมือชื่อเรียบร้อยแล้ว ก้นบึ้งหัวใจก็คลายกังวลเป็นอย่างมาก รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“คุณมายมิ้นท์เมื่อสักครู่นี้ผมได้ตรวจสอบระบบแล้วพบว่า สองวันนี้มีนัดหญิงตั้งครรภ์ทำแท้งสองคน ดังนั้นจะนัดการผ่าตัดทำแท้งของคุณเป็นอีกสองวันตอนบ่ายนะครับ”เมื่อคุณหมอหยิบใบยินยอมที่มายมิ้นท์ลงลายมือชื่อเรียบร้อยไปแล้ว ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
มายมิ้นท์พยักหน้า“ฉันทราบแล้วค่ะ งั้นอีกสองวันฉันจะมานะคะ”
“ได้ครับ”คุณหมอยิ้มพร้อมตอบคำถาม
มายมิ้นท์ยืนขึ้น แล้วเดินไปยังห้องตรวจ
“ที่รัก”ด้านนอก เมื่อลาเต้เห็นเธอเดินออกมาก็รีบคว้ามือของเธอไว้ “ผ่าตัดเมื่อไหร่ครับ?”
“อีกหลังจากสองวันค่ะ”มายมิ้นท์ตอบ
ลาเต้ลูบคาง“อีกสองวันเหรอ อีกสองวันก็ดีเหมือนกันจะได้มีเวลาหายใจหายคอ ให้คุณสามารถปรับความรู้สึกในใจ ตอนนี้พวกเรากลับกันแล้วใช่ไหมคะ?”
“กลับไปเถอะ”มายมิ้นท์มองเวลา
ทั้งสองคนมุ่งตรงไปยังลิฟต์
คุณหมอยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นเงาของพวกเขาหายไปจากมุมระเบียง ก็ปิดประตู แล้วกลับมายังห้องทำงาน แล้วยกหูโทรศัพท์ตั้งโต๊ะเพื่อโทรออก
คนที่เป็นคู่สายสนทนาราวกับว่ากำลังรอโทรศัพท์สายนี้อยู่ พอโทรไปก็รับทันที “เป็นยังไงบ้าง?”
“ผู้อำนวยการการันต์ ภารกิจสำเร็จแล้ว เธอได้เซ็นหนังสือยินยอมการทำแท้งแล้ว”คุณหมอตอบกลับ
การันต์ปรับท่าทางในการนั่งครู่หนึ่ง “ดีมาก จะทำการผ่าตัดเมื่อไหร่?”
“อีกสองวันตอนบ่าย”
“ผมทราบแล้ว”เมื่อการันต์พูดจบ ก็วางสายลง จากนั้นจึงโทรหาส้มเปรี้ยว
ขณะนี้ส้มเปรี้ยวกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ห้องตรวจจิตเวช แม้ว่าคุณหมอจะยังไม่มา แต่ว่าในใจของหล่อนนั้นสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก
แม้ว่าการันต์จะบอกว่าไม่ให้เธอต้องเป็นกังวล หล่อนก็ยังกลัวอยู่ดีว่าอีกสักพักตนจะเผยไต๋ออกมา
เพราะว่าหากเปปเปอร์รู้ว่าหล่อนไม่ใช่คนสองบุคลิก เพียงแต่ใช้ข้ออ้างว่าเป็นคนสองบุคลิก เพื่อที่จะต่อกรกับมายมิ้นท์ได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร แม้ว่าตอนนี้เปปเปอร์จะเห็นว่าหล่อนเป็นคนรักของเขา แต่ยังไงก็คงจะต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับหล่อนอย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอจะเผยไต๋ออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เมื่อรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายรู้สึกประหม่า เปปเปอร์จึงหันมามองหล่อน“ส้มเปรี้ยว ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
สีหน้าของส้มเปรี้ยวขาดซีด แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาถาม จึงพยายามเผยรอยยิ้มออกมา“ฉันไม่เป็นไรค่ะ เพียงแต่ว่านี้เป็นครั้งแรกที่มาหาจิตแพทย์ ก็เลยยังปรับตัวไม่ค่อยได้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกสักพักผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”เปปเปอร์ลูบที่ผมของหล่อน
“เปปเปอร์คุณแสนดีจริงๆ”ส้มเปรี้ยวตอบกลับอย่างอ่อนโยน แต่ในใจกลับประหม่าสุดขีด
ถ้าเป็นไปได้หล่อนก็ไม่ต้องการให้เขาอยู่เป็นเพื่อน
ก็เป็นเขาอยู่ที่นี่ หล่อนก็เลยยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่?
แต่ว่ากิจกรรมทางจิตเหล่านี้ ส้มเปรี้ยวไม่กล้าที่จะแสดงออกมาหรอก
ในเวลานี้ โทรศัพท์ของหล่อนก็ดังขึ้น
ส้มเปรี้ยวหยิบโทรศัพท์ออกมาพลางเหลือบดูครู่หนึ่ง เห็นว่าการันต์โทรมา แววตาขรึมลง จากนั้นจึงยืนขึ้น“เปปเปอร์ แม่ของฉันโทรศัพท์มาค่ะ ฉันขอออกไปรับโทรศัพท์สักครู่นะคะ”
“อึม”เปปเปอร์ไม่ได้สงสัยว่าหล่อนพูดโกหก จึงพยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะครับ”
ส้มเปรี้ยวหยิบโทรศัพท์แล้วเปิดประตูออกไปข้างนอก
เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน หล่อนจงใจเดินออกไปไกลหน่อยแล้วจึงรับสาย“รันต์ เป็นยังไงบ้าง สำเร็จไหม?”
“สำเร็จแล้วครับ แต่ว่าการผ่าตัดจะมีขึ้นอีกสองวัน”การันต์ขยับแว่นตาเล็กน้อยพลางตอบกลับ
ใบหน้าของส้มเปรี้ยวดีอกดีใจ ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด “ดีจังเลย สองวันก็สองวันเถอะ นานกว่านี้ฉันก็รอมาแล้ว จะกลัวอะไรกับอีกแค่สองวัน?รันต์การผ่าตัดในอีกสองวัน คุณจะต้อง ……”
“วางใจเถอะครับ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”การันต์พูดขึ้นขัดจังหว่ะการพูดของหล่อน
แน่นอนว่าส้มเปรี้ยววางใจในตัวเขา หล่อนรู้ดีว่า ขอเพียงแค่หล่อนต้องการ เขาก็จะทำมันให้สำเร็จเพื่อหล่อน
เพราะว่าเขาเชื่อแล้วว่า หล่อนเป็นคนช่วยชีวิตเขา
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่าหล่อนเป็นคนช่วยชีวิตเขาก็ตาม
แต่ว่าแล้วไง ในเมื่อเขาเชื่อเช่นนั้น และเต็มใจทำเพื่อหล่อน แล้วทำไมหล่อนจะไม่รับไว้ล่ะ
“ดี งั้นก็ต้องรบกวนคุณแล้วนะรันต์”ส้มเปรี้ยวยิ้มพลางตอบกลับ
หลังจากนั้น ทั้งสองก็คุยกันอีกสองสามประโยคจึงได้จบการสนทนาลง
ส้มเปรี้ยวเก็บโทรศัพท์ แล้วมองไปรอบๆเมื่อพบว่าไม่มีใคร จึงเสแสร้งแกล้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วกลับไปยังห้องตรวจ
พอเข้าไป หล่อนก็พบว่าด้านในมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เป็นฝรั่งที่สวมเสื้อกาวสีขาว
ใจของส้มเปรี้ยวบีบรัดแน่น ทันใดนั้นก็รู้ทันทีว่าชายแก่คนนี้คือจิตแพทย์ที่เปปเปอร์เป็นคนหามาให้กับหล่อน