แต่ก่อนมายมิ้นท์จะเป็นคนที่ยืนอยู่ที่เดิมสายตามองเขาที่กำลังเดินจากไป เขารู้ดีว่าเขาไม่เคยหันหลังกลับมามองเธอเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่าวันนี้ กลับเป็นเขาที่ต้องมายืนอยู่ที่เดิม สายตามองดูเธอเดินจากไป
ที่แท้การที่มองดูคนอื่นจากไป และไม่ได้รับการหันมามองหรือการตอบสนองกลับ ทำให้คนรู้สึกทุกข์ทรมานเช่นนี้นี่เอง
เปปเปอร์ก้มหน้าลงเล็กน้อย มือกุมที่หน้าอก รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ยังคงมีความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
ที่จอดรถ
มายมิ้นท์กับลาเต้มาถึงยังบริเวณหน้ารถ
ลาเต้เปิดประตูรถ“ที่รัก คุณว่าเปปเปอร์ประสาทหรือเปล่า แค่ขอโทษทำไมจะต้องมาที่นี่ด้วยตนเองด้วย?”
“ใครจะไปรู้กันล่ะ”มายมิ้นท์ยักไหล่ มุดเข้าไปในรถ แต่ตอบกลับหนึ่งประโยคอย่างไม่สนใจ
ลาเต้ก็ขึ้นรถตามมา“ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเขาทำแบบนี้ทำไม”
มายมิ้นท์ยิ้ม“หากคุณรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ความสำเร็จในวันนี้ของคุณก็คงเหมือนกับเขาแล้ว พอได้แล้ว ออกรถเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักคุณป้าน่าจะโทรมาถามแล้วว่าทำไมพวกเรายังไม่ถึงอีก”
“ได้ ได้ ได้”ลาเต้พยักหน้า พร้อมสตาร์ทรถ
ระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือของมายมิ้นท์ก็ดังขึ้น
เธอเบิกตากว้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูครู่หนึ่ง สีหน้าแสดงความประหลาดใจ
สายตาบางส่วนของลาเต้จับบางอย่างได้จึงรีบถามว่า“ใครเหรอ?”
“ราเม็ง!”หลังจากมายมิ้นท์ตอบกลับ ก็รับโทรศัพท์
เมื่อลาเต้ได้ยินว่าคือราเม็ง ก็เบ้ปาก ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ราเม็ง”มายมิ้นท์ตะโกนเข้าหาโทรศัพท์ด้วยความดีอกดีใจ
น้ำเสียงอ่อนโยนของราเม็งดังเข้ามา“พี่สาว ช่วงนี้พี่มีเวลาว่างไหม?”
“มีสิ ทำไมเหรอ?”มายมิ้นท์ถาม
เนื่องจากตอนนี้เธอได้สิทธิ์ในการเข้าร่วมความร่วมมือ และได้รับอำนาจในการบริหารจากเตชิตมาครึ่งหนึ่ง ตอนนี้สถานะของเธอในเทนเดอร์กรุ๊ปนั้นสูงกว่าเมื่อก่อนมาก มีเวลามากขึ้น ไม่ต้องทำทุกอย่างด้วยตนเอง สามารถสั่งให้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทำแทนได้
ดังนั้นแน่นอนว่าจะต้องมีเวลาว่าง
“งานของผมที่ต่างประเทศเสร็จสิ้นแล้ว อีกไม่กี่วันก็เตรียมที่จะกลับประเทศแล้ว อยากจะชวนพี่ออกมากินข้าว”ราเม็งตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ ถ้าลองนับดูเวลา ก็ออกเดินทางไปทำธุรกิจได้สองเดือนกว่าแล้ว ก็ควรที่จะกลับมาได้แล้ว ได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็โทรหาฉัน ฉันจะไปรับคุณที่สนามบิน”มายมิ้นท์รับปาก
“ได้ครับ”ราเม็ง อึม หนึ่งที จากนั้นหรี่ตาลงแม้ว่าน้ำเสียงจะอ่อนโยนแต่กลับมีรังสีความเย็นเยือกออกมา“พี่ สองเดือนมานี้คุณเป็นยังไงบ้าง ส้มเปรี้ยวได้มากลั่นแกล้งอะไรคุณหรือเปล่า?”
ช่วงที่หล่อนออกเดินทางไปทำงานนั้น งานยังไม่ค่อยยุ่งมาก จึงมีเวลาสนใจเรื่องภายในประเทศอยู่บ้าง
แต่ว่าต่อมางานเริ่มยุ่งขึ้น เขาจึงไม่ได้เวลาได้ใส่ใจ จึงไม่รู้ว่าพวกของส้มเปรี้ยวยังมารังแกเธออยู่ไหม
“ฉันสบายดี ส่วนพวกของส้มเปรี้ยว”รอยยิ้มของมายมิ้นท์ลดลงไปเล็กน้อย“วางใจเถอะ พี่ของคุณไม่ได้กินเจ ฉันตอกกลับพวกเขาไปบ้างแล้ว”
“ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่า พวกเขากลั่นแกล้งพี่จริงๆใช่ไหม?”เปลือกตาของราเม็งหย่อนลงเล็กน้อย เพื่อปกปิดความหนาวเหน็บ
มายมิ้นท์ยิ้ม“พอได้แล้ว ฉันบอกแล้วไง? ว่าฉันไม่ได้กินเจ ดังนั้นอย่ากังวลไปเลย ฉันไม่เป็นไรหรอก ใช่แล้วที่นั้นน่าจะเป็นช่วงกลางคืน คุณไปนอนเถอะ”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่เต็มใจที่จะพูดเยอะ ราเม็งก็ไม่ได้บังคับอะไร เผยอมุมปากพลางเผยรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมา “ได้ งั้นผมวางสายก่อน เดี๋ยวอีกไม่กี่วันพวกเราเจอกันนะครับ”
“อึม ไว้เจอกัน”มายมิ้นท์พยักหน้า
เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง ลาเต้จึงถามขึ้นว่า:“ราเม็งจะกลับมาแล้วเหรอ?”
“ใช่ อีกไม่กี่วัน”มายมิ้นท์เก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม
ลาเต้กระแอม“เมื่อสักครู่นี้เหมือนราเม็งถามว่าพวกส้มเปรี้ยวได้กลั่นแกล้งคุณหรือเปล่าใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ เขาเป็นห่วงฉัน”
“ดูเหมือนว่าพวกส้มเปรี้ยวควรที่จะต้องเป็นห่วงตัวเองบ้างแล้วล่ะ”ลาเต้ยิ้มด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น
มายมิ้นท์มองไปที่เขาด้วยความสงสัย“หมายความว่ายังไง?”
“ไม่มีอะไรครับ”ลาเต้ส่ายหัว ไม่อยากจะพูดรายละเอียด
“จริงเหรอคะ?แต่ว่าฉันมีความรู้สึกว่าคุณกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่”มายมิ้นท์หรี่ดวงตาอันสวยงามขึ้น
ลาเต้ยืดเอวตรง “ไม่มีครับ ไม่มีจริงๆ”
“ช่างเถอะ ไม่มีก็คือไม่มี ฉันก็ขี้เกียจจะรู้”มายมิ้นท์เหลือบตามองเขาครู่หนึ่ง และก็ไม่มองเขาอีก
ลาเต้อดไม่ได้ที่คลายความกังวลลง ในใจพลางแอบยิ้ม
ราเม็งกลับมาก็ดี เจ้าหนุ่มนั้นมันบ้า
มีเขาอยู่ ที่รักก็จะปลอดภัยขึ้นมาก อีกทั้งพวกของส้มเปรี้ยวจะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง
เมื่อคิดเช่นนี้ ลาเต้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
มายมิ้นท์เหลือบตามองเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และก็ไม่ได้ถาม ใส่หูฟังแล้วฟังเพลง
……
วันต่อมา และก็เป็นวันหยุด
ลาเต้ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนมายมิ้นท์
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล มายมิ้นท์ลงจากรถ ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาล เงยหน้ามองยังตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนว่าโรงพยาบาลอันดับหนึ่ง นานแล้วที่ไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไป
ลาเต้จอดรถเรียบร้อยแล้ว ก็มายังข้างกายของเธอ มองดูท่าทางของเธอ ราวกับเดาอะไรบางอย่างออก จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า“ที่รัก ถ้ากลัว เราก็ไม่ต้องทำแท้งหรอก เก็บเขาไว้แล้วกัน”
มายมิ้นท์หดสายตากลับ ส่ายหัว สายตายืนหยัด “ไม่ ต้องเอาออก ฉันยอมรับว่าฉันกลัว เพราะว่าฉันไม่เคยผ่าตัดอะไรแบบนี้มาก่อน หากเป็นเพราะกลัวจึงเก็บเขาไว้ คงไม่ยุติธรรมกับเขา เพราะว่าฉันไม่รักเขา ฉันไม่สามารถให้ความรักของแม่กับเขาได้”
ลูกควรที่เป็นที่ครอบครองร่วมกับคนที่รัก แต่เด็กที่อยู่ในท้องของเขานี้ เกิดขึ้นมาด้วยความไม่ตั้งใจ เธอไม่ได้รักพ่อของลูก แล้วจะรักเด็กคนนี้ได้ยังไง
อีกอย่าง แม้ว่าเธอจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ เด็กคนนี้ก็ไม่มีพ่อ Z-Hคนนั้นพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาเต็มใจที่จะเลี้ยงดู แต่จะไม่ยอมรับเด็กคนนี้ ถ้าอย่างนั้นเด็กคนนี้ก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า
ดังนั้นการที่จะยอมให้เด็กคนนี้เกิดมาทนทุกข์ทรมาน สู้ไม่ให้เกิดมาตั้งแต่แรกเสียดีกว่า
เมื่อคิดได้แล้ว มายมิ้นท์ก็สุดหายใจลึก ตั้งสติแล้วก้าวเท้าเข้าไปในโรงพยาบาล
ลาเต้ก็รีบตามเข้าไป
หลังจากที่ลงทะเบียนเสร็จ ทั้งสองก็เดินเข้าไปยังแผนกนารีเวช
ไม่ไกลนัก ส้มเปรี้ยวมองเห็นทั้งสองหายเข้าไปในลิฟต์ จึงกัดริมฝีปากล่าง แล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์แผนกลงทะเบียน “สวัสดีค่ะ คุณพยาบาล ขอโทษนะคะเมื่อสักครู่นี้คุณมายมิ้นท์มาหาหมอแผนกอะไรเหรอคะ?ฉันเป็นเพื่อนของเธอ ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ฉันก็เลยแอบสะกดรอยตามเธอมา คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมาโรงพยาบาล ดังนั้นก็เลยอยากขอร้องคุณพยาบาลช่วยบอกได้ไหมคะ ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆ”
สีหน้าของส้มเปรี้ยวดูเป็นกังวลทำให้คนรู้สึกสงสาร หล่อนพูดจนทำให้พยาบาลตั้งใจอ่อน จึงเปิดดูบันทึกการลงทะเบียนของมายมิ้นท์ แล้วบอกหล่อนว่า“คือแผนกนารีเวช”
เมื่อได้ยินคำสามคำนี้ มุมปากของส้มเปรี้ยวเป็นจะงอยเล็กน้อย ไม่นานก็เก็บความรู้สึกกลับไป กลายเป็นความรู้สึกเป็นกังวล“ฉันทราบแล้วค่ะ ขอบคุณคุณพยาบาลมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”พยาบาลโบกมือ
ส้มเปรี้ยวหันหลังแล้วจากไป ความกังวลที่อยู่บนใบหน้าจางหายไปไม่เหลือร่องรอย แต่สิ่งที่ทดแทนเข้ามาคือความตื่นเต้นเต็มใบหน้า
หล่อนเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาการันต์“ฮัลโหล รันต์ มายมิ้นท์มาโรงพยาบาล เดิมทีฉันคิดว่าเธอน่าจะเลือกโรงพยาบาลอื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเลือกมาโรงพยาบาลของคุณ รันต์ที่เหลือฉันต้องรบกวนคุณแล้วนะ”
“ผมทราบแล้วครับ วางใจเถอะ”แว่นของการันต์สะท้อนแสงเป็นประกาย
ส้มเปรี้ยววางโทรศัพท์ลง เปปเปอร์ก็มายังข้างกายของหล่อน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ส้มเปรี้ยว ผมให้คุณรอที่หน้าปะตูโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?ทำไมคุณถึงได้มาที่นี่ล่ะ?”
แววตาของส้มเปรี้ยวเป็นประกายครู่หนึ่ง จากนั้นตอบขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า:“ต้องขอโทษด้วยนะเปปเปอร์ เมื่อกี้นี้ฉันเห็นคนคุ้นเคย ก็เลยร้อนใจตามมา ลืมบอกคุณ คุณอย่าถือโทษฉันเลยนะคะ”
หล่อนจับแขนของเขาแกว่งไปแกว่งมา พลางออดอ้อน
หล่อนไม่ได้พูดปลด ตอนที่รอเขาอยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาล ก็เห็นมายมิ้นท์กับลาเต้ ดังนั้นก็เลยรีบแอบซ่อน จากนั้นจึงรีบตามพวกของมายมิ้นท์เข้ามา
คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ตอนนี้มาหาจิตแพทย์ กับเจอมายมิ้นท์มาตรวจครรภ์โดยบังเอิญ พอดีเลยวันนี้จะเอาชีวิตของมายมิ้นท์ให้ได้ เพื่อถอนรากถอนโคน !