“ขอบคุณคำชมของประธานเตค่ะ อยู่ในตำแหน่งสูง ถ้าไม่มีความห้าวหาญ จะคุมคนมากมายขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ คุณว่าใช่มั้ยคะ?ประธานเต?” มายมินท์พูดพร้อมยิ้มอย่างมีมารยาท
เตชิตสีหน้าไม่ดี แต่จะโต้แย้งมันก็ไม่ดี ได้แต่กัดฟันพูดว่า:“หลานสาวพูดถูก”
“ในเมื่อประธานเตก็คิดแบบนี้เหมือนกัน งั้นดูท่าฉันไล่คนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองพวกนั้นออกคือถูกต้องแล้ว เพราะปล่อยให้คนแบบนี้อยู่เทนเดอร์กรุ๊ปต่อ วันนี้สามารถไปญาติดีกับคนอื่น อีกวันก็สามารถย้อนกลับมาหักหลังเทนเดอร์กรุ๊ปได้ ไล่ออกโดยเร็วเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว” มายมินท์ได้พูดด้วยรอยยิ้มอีก
เตชิตแสยะยิ้มมุมปาก ในใจโมโหจนอยากฆ่าคน แต่ปากกลับยังชื่นชมว่า “ถูกต้อง หลานสาวทำได้ดีมาก”
ดีกับผีสิ
ผู้บริหารระดับสูงหลายคนนั้น เขาทุ่มเงินไปมากแค่ไหนถึงให้พวกมันมาอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา ปรากฏตอนนี้กลับถูกมายมินท์ไล่ออกหมด เขาไม่ได้คน เงินที่จ่ายออกไปยังเสียไปโดยเปล่าประโยชน์อีก เขาจะบ้าตายอยู่แล้ว
“ขอบคุณความเชื่อมั่นของประธานเตค่ะ งั้นฉันขอตัวเข้าไปก่อนนะคะ” มายมินท์เหมือนกับมองไม่เห็นรอยยิ้มที่ฝืนใจของเตชิตยังไงอย่างงั้น ได้พยักหน้าทีนึงก็เข้าไปในห้องประชุมเลย
จู่ๆเตชิตได้เรียกเธอไว้ “เดี๋ยวก่อน หลานมายมินท์”
“ประธานเตยังมีธุระอะไรอีกคะ?” มายมินท์หยุดลงมามองหน้าเขาไว้
เตชิตปรับเน็กไทให้ตรง “อาได้ยินมาว่าวันนี้คือวันที่ส่งแผนการร่วมงานของเทคโนโลยีพลังงานใหม่พวกเธอใช่มั้ย?”
แววตาของมายมินท์ระยิบระยับ ไม่รู้ว่าเขาถามเรื่องนี้คือจะทำอะไร แต่ก็ยังได้ตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ”
“ในเมื่อแบบนี้ งั้นหลานสาวก็ต้องสู้ๆแล้วนะ อาเตจะรอดูว่าเธอจะสามารถชิงเก้าอี้ร่วมงานได้หรือเปล่า” เตชิตพูดพร้อมแสร้งยิ้ม
ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกมายมินท์นะ ความสามารถของมายมินท์ระดับไหน ความสามารถของเทนเดอร์กรุ๊ประดับไหน?
ถ้าเธอสามารถเขียนแผนการที่ดีออกมา และชิงเก้าอี้ร่วมงานมาได้ พระอาทิตย์ก็คงขึ้นทางตะวันตกแล้ว แน่นอน ถ้าเธออยากคบคิดกับประธานเปปเปอร์ชิงเก้าอี้ ก็ต้องดูว่าตระกูลภักดีพิศุทธิ์จะเห็นด้วยหรือเปล่า
สรุปก็คือเตชิตไม่เคยคิดว่ามายมินท์จะสามารถชนะเดิมพันได้ เขาพูดพวกนี้ ก็แค่จะแก้แค้นมายมินท์ที่เมื่อครู่ทำให้เขาตกที่นั่งลำบากเฉยๆ
มายมินท์จะไม่รู้ได้ยังไง แววตาได้มืดลงเสี้ยววินาที ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มไว้ “จะสามารถชิงเก้าอี้ร่วมงานมาได้หรือเปล่า ยังต้องรอผลออกมาแล้วถึงจะรู้ ตอนนี้ใครจะพูดได้แม่นยำล่ะคะ”
“ในเมื่อแบบนี้ งั้นอาก็รอข่าวดีของหลานสาวแล้วนะ แต่อย่ารอถึงสุดท้าย ข่าวดีกลายเป็นข่าวร้าย งั้นก็ขายหน้าแย่เลย”เตชิตหัวเราะเหอะๆ พร้อมตบไหล่มายมินท์เบาๆแล้วเข้าไปในห้องประชุม
หลังจากเขาไป มายมินท์ยกมือค่อยๆเก็บรอยยิ้มของใบหน้าไว้ ปัดไหล่ที่เขาเคยตบสองทีเบาๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกำลังปัดสิ่งสกปรกยังไงอย่างงั้น
ต้องยอมรับว่าคำพูดของเตชิตได้สร้างแรงกดดันให้กับเธอจริงๆ
ถึงแม้เธอมีความมั่นใจกับแผนการของตัวเองมาก และศาสตราจารย์หลายคนก็บอกว่าไม่เลว แต่ใครสามารถรับประกันว่าแผนการของบริษัทอื่นจะดีกว่าของเธอหรือเปล่า เพราะฉะนั้นจะสามารถชิงเก้าอี้ร่วมงานมาได้หรือเปล่า เธอไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆ
“เฮ้อ……” มายมินท์นวดระหว่างคิ้วแล้วถอนหายใจทีนึง
ช่างเถอะ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง อย่างน้อยตัวเองได้พยายามสุดความสามารถแล้ว
ถ้าสามารถทำสำเร็จ งั้นก็ย่อมดีที่สุด ถ้าทำไม่สำเร็จ ต่อไปค่อยคิดหาวิธีอื่น ชิงอำนาจมาจากในมือของเตชิตเถอะ
มายมินท์คิดแล้วได้ตบแก้มตัวเอง จัดระเบียบสีหน้าใหม่อีกทีแล้วเข้าไปที่ห้องประชุม
พอประชุมเสร็จก็เที่ยงแล้ว
มายมินท์กินอาหารเที่ยงที่เลขาซินดี้ซื้อมาให้อย่างเร่งรีบไม่กี่คำ ก็ได้ถือแผนการขับรถไปที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์เลย
หลังจากพนักงานหน้าเคาน์เตอร์รู้เจตนารมณ์ของเธอแล้ว ได้พาเธอมาถึงที่หน้าลิฟต์ “คุณมายมินท์ คุณขึ้นไปที่ห้องรับรองตรงชั้น38ก็พอค่ะ ผู้ช่วยเหมันตร์จะคอยรับแผนการร่วมงานอยู่ที่นั่นค่ะ”
“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” มายมินท์พยักหน้า หลังจากกล่าวขอบคุณแล้วได้เดินเข้าลิฟต์
ไม่นานก็ได้มาถึงที่ห้องรับรอง
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยินเสียงเคาะประตู ได้หยุดท่าทางที่จัดระเบียบเอกสารลง แล้วเงยหน้ามองไป พอเห็นว่าเป็นมายมินท์ก็ได้รีบลุกขึ้น “คุณมายมินท์ เชิญเข้ามาครับ”
“รบกวนแล้วค่ะ” มายมินท์ยิ้มให้เขาทีนึง จากนั้นได้ถือเอกสารเดินเข้ามา “นี่เป็นแผนการของฉันค่ะ”
“โอเคครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ใช้มือสองข้างรับมา จากนั้นได้เอาไปวางอยู่บนกองเอกสารที่หนาเป็นปึกของบนโต๊ะ
มายมินท์ยักคิ้ว “พวกนี้ล้วนเป็นแผนการที่บริษัทอื่นส่งมาเหรอคะ?”
“ใช่ครับ นอกจากของประธานเยี่ยมบุญ ล้วนส่งมากันครบหมดแล้วครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าพร้อมตอบ
มายมินท์ยกคางขึ้นอย่างเข้าใจทันที
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ทำท่าเชิญให้เธอ “คุณมายมินท์ เชิญนั่งครับ ผมไปชงกาแฟให้คุณแก้วนึงครับ”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันยังมีธุระต่อ ต้องขอตัวก่อนค่ะ”มายมินท์ปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
มีธุระเป็นเรื่องจริง แต่เธอไม่อยากอยู่ที่นี่นานก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน
เพราะคนที่รู้ว่าเธอคืออดีตภรรยาของเปปเปอร์ไม่น้อยเลย ขืนเธออยู่นี่นานแล้วมีคนพูดไปถึงหูของส้มเปรี้ยว ส้มเปรี้ยวผู้หญิงบ้าคนนั้นจะต้องก่อเรื่องอีกแน่
ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นมายมินท์ตัดสินใจแล้วว่าจะไป จึงไม่รั้งไว้ต่อ ได้ส่งเธอมาถึงที่หน้าลิฟต์ด้วยรอยยิ้ม
มายมินท์กล่าวอำลาอีกครั้งแล้วเดินเข้าลิฟต์ไป จากนั้นได้ขับรถไปจากบริษัทตระกูลนวบดินทร์โดยตรง
เธอเพิ่งไป ก็มีรถสีแดงคันนึงได้จอดลงตำแหน่งที่เมื่อครู่เธอได้จอดรถไว้
ส้มเปรี้ยวเปิดประตูรถแล้วลงมาจากในรถ มองทิศทางที่มายมินท์จากไปด้วยแววตามืดมน พร้อมกำหมัดไว้แน่น
รถที่เพิ่งขับไปครู่เป็นรถของมายมินท์ เพราะเธอจำทะเบียนรถได้
เพราะฉะนั้น มายมินท์ได้มาที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์?
ส้มเปรี้ยวหรี่ตาลง ไม่นานก็ได้กลับคืนสู่ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มเหมือนปกติ แล้วเดินเข้าไปในบริษัท
มาถึงหน้าเคาน์เตอร์ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์เห็นเธอแล้วได้รีบทักทาย “คุณส้มเปรี้ยวมาแล้วเหรอคะ”
คุณส้มเปรี้ยวเป็นว่าที่ภรรยาของท่านประธาน คนในบริษัทต่างก็รู้กันทั้งนั้น
บวกกับคุณส้มเปรี้ยวชอบมาหาประธานอยู่เป็นประจำ ดังนั้นพวกเขาล้วนเคยเจอหน้ากันหมด เลยมองแว๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นเธอ
ส้มเปรี้ยวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เปปเปอร์อยู่บริษัทหรือเปล่า?”
“อยู่ค่ะ วันนี้ท่านประธานไม่มีโปรแกรมที่จะต้องออกไปข้างนอกค่ะ” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ตอบ
ส้มเปรี้ยวตอบอืมคำนึง แล้วกล่าวขอบคุณอย่างอ่อนโยน “ฉันรู้แล้ว ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ คุณส้มเปรี้ยว”พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ตอบ
สายตาของส้มเปรี้ยวระยิบระยับเล็กน้อย ได้ถามอีกว่า “อ้อใช่ คุณผู้หญิงที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่……”
“คุณหมายถึงคุณมายมินท์เหรอคะ?”
“ใช่ เธอมาที่นี่ทำไม?” ส้มเปรี้ยวหลุบตาลง บังความเย็นชาของแววตาไว้
พนักงานเคาน์เตอร์เพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน ไม่รู้ว่ามายมินท์ก็คือภรรยาเก่าของเปปเปอร์ แค่คิดว่ามายมินท์กับส้มเปรี้ยวรู้จักกัน จึงได้ตอบด้วยรอยยิ้ม:“คุณมายมินท์มาส่ง
แผนการร่วมงานเทคโนโลยีพลังงานใหม่ค่ะ”
ที่แท้แบบนี้นี่เอง
ส้มเปรี้ยวได้เม้มปาก
สำหรับเรื่องที่มายมินท์ก็ได้เข้าร่วมชิงที่นั่งของการร่วมงานนี้ เธอเคยได้ยินพ่อพูดถึงอยู่
“ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันไปหาเปปเปอร์ก่อน” ส้มเปรี้ยวยิ้มให้กับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ จากนั้นได้เดินไปที่ลิฟต์
แต่แล้วเธอกลับไม่ได้ไปหาเปปเปอร์ที่ชั้นบนสุดเหมือนที่ได้กล่าวเอาไว้ แต่ได้ไปที่ห้องรับรองตรงชั้น38
“คุณส้มเปรี้ยว” ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นส้มเปรี้ยวก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย ได้เชิญเธอเข้ามาด้วยความเกรงใจ
ส้มเปรี้ยวพยักหน้าให้กับเขา “ฉันมาช่วยคุณพ่อส่งแผนการค่ะ ต้องขอโทษด้วยพอดีรถติด ให้ผู้ช่วยเหมันตร์รอนานแล้ว”
“ไม่ครับๆ คุณส้มเปรี้ยวเชิญนั่งครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์รับแผนการที่เธอยื่นมา แล้วชี้ไปที่โซฟา
ส้มเปรี้ยวได้ปัดชายกระโปรงพร้อมนั่งลง สายตาหล่นอยู่บนกองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ แววตาได้มีอะไรแว๊บผ่านอย่างไว ไม่นานก็ได้สูญหายไป
ในนี้ก็น่าจะมีแผนการของมายมินท์อยู่สินะ?
ส้มเปรี้ยวคิดแล้วจู่ๆได้หัวเราะทีนึง “ผู้ช่วยเหมันตร์ มีน้ำหรือเปล่าคะ?ระหว่างทางมาก็รู้สึกหิวน้ำแล้ว”
“มีครับ คุณส้มเปรี้ยวรอสักครู่นะครับ ผมจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้เลยครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พูดจบ ก็ได้ออกจากห้องรับรองไป
ในห้องรับรองเหลือแค่ส้มเปรี้ยวอยู่คนเดียว เธอลุกขึ้น จากนั้นได้มองทิศทางของประตูอย่างระแวดระวัง พอแน่ใจว่าไม่มีคนแล้ว ได้สูดหายใจแรงๆ และเอามือยื่นไปที่เอกสารกองนั้น
คิดไม่ถึงว่ายังถือว่าโชคดีอยู่ เพิ่งพลิกแค่เล่มเดียว ก็พลิกเจอแฟ้มเอกสารของมายมินท์แล้ว