“ทำไมจะไม่ได้?” ส้มเปรี้ยวขมวดคิ้ว
มายมินท์หัวเราะ “ก่อนอื่นคุณส้มเปรี้ยวบอกว่าพวกเราซ้อมคุณ มีคนเห็นหรือเปล่าคะ?”
ส้มเปรี้ยวอึ้งอยู่ครู่นึง จากนั้นได้กัดริมฝีปากตอบว่า:“ไม่มี”
ในวิลล่าก็มีแค่พวกเขาเจ็ดคนเท่านั้น
ตอนนั้นเปปเปอร์หลับอยู่ที่ห้อง พ่อครัวและพนักงานของสนามแข่งม้าก็ไม่ได้พักที่นี่ มายมินท์และพวกห้าคนซ้อมเธอคนเดียว ย่อมไม่มีคนเห็นอยู่แล้ว
“รองลงมา พวกเราใช้อะไรซ้อมคุณ และซ้อมคุณที่ไหนคะ?”มายมินท์ได้ถามอีก
ส้มเปรี้ยวบีบฝ่ามือไว้ “พวกคุณวางยาสลบฉัน ใช้กระสอบนำตัวฉันมาที่สนามแข่งม้า แล้วใช้มือชกต่อยกับใช้เท้ากระทืบ”
“อ๋อ แล้วยาสลบอยู่ที่ไหน กระสอบอยู่ที่ไหนคะ?” มายมินท์มองเธอด้วยรอยยิ้ม
ส้มเปรี้ยวกัดฟันไว้ “จะต้องอยู่ที่ห้องของพวกคุณแน่นอน ถ้าไม่อยู่ งั้นก็คือพวกคุณทำลายมันทิ้งไปแล้ว”
“เพราะฉะนั้นพูดถึงสุดท้าย คุณส้มเปรี้ยวก็ไม่แน่ใจว่าตกลงพวกเรามียาสลบกับผ้าถุงหรือเปล่าใช่ไหมคะ” มายมินท์กลอกตาไปมา “ในเมื่อคุณส้มเปรี้ยวไม่แน่ใจ และไม่มีคนเห็นพวกเราซ้อมคุณ งั้นก็แสดงว่าพวกเราถูกคุณส้มเปรี้ยวปรักปรำ คุณส้มเปรี้ยวนี่คือกำลังใส่ร้ายพวกเราอยู่นะคะ”
“ฉันไปใส่ร้ายพวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ บาดแผลบนตัวฉัน พวกคุณเป็นคนทำชัดๆ!” ส้มเปรี้ยวชี้รอยเขียวรอยช้ำบนใบหน้า
มายมินท์แบมือ “บาดแผลบนตัวคุณมีรอยนิ้วมืออยู่หรือเปล่า?ถ้าไม่มี จะพิสูจน์ยังไงว่าพวกเราเป็นคนทำ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ลาเต้พูดคล้อยตาม
ทามทอยและพวกอีกสองคนย่อมพยักหน้าตามอยู่แล้ว
ส้มเปรี้ยวเสียงสั่น “รอยนิ้วมือจะทิ้งไว้ที่ผิวได้ยังไง!”
“นี่ก็สิ้นเรื่อง เพราะฉะนั้นคุณพิสูจน์ไม่ได้ว่าพวกเราซ้อมคุณ ขืนคุณยังใส่ร้ายป้ายสีพวกเราต่อ พวกเราจะฟ้องคุณหมิ่นประมาทแล้วนะคะ”มายมินท์มองหน้าเธอพร้อมยิ้มตาหยี
“คุณ……”
ส้มเปรี้ยวยังอยากพูดอะไรอีก แต่ได้ถูกเปปเปอร์ดึงตัวไว้ “เอาล่ะ ส้มเปรี้ยว เรากลับกันเถอะ”
ส้มเปรี้ยวเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ “กลับไป?เปปเปอร์ ฉันถูกพวกมันรังแก จะให้กลับไปแบบนี้เลยเหรอคะ?”
“ไม่กลับไปแล้วคุณจะทำยังไง คุณไม่มีหลักฐานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?” เปปเปอร์มองหน้าเธอ
ที่จริงเขาก็เชื่ออยู่ว่า ส้มเปรี้ยวถูกพวกมายมินท์ซ้อมจริงๆ
แต่พวกเขาทำได้เนียบเนียนไม่มีข้อบกพร่องเลย ส้มเปรี้ยวไม่มีหลักฐาน ถึงรู้ว่าผู้ริ่เริ่มกระทำความผิดคือใคร ก็ไม่สามารถทวงความเป็นธรรมให้ตัวเองได้
“……”ส้มเปรี้ยวเงียบกริบ และเดินไปกับเปปเปอร์อย่างเชื่อฟัง
ก่อนจะไป เปปเปอร์ได้หันมามองมายมินท์แว๊บนึงด้วยแววตาลึกซึ้ง
มายมินท์หรี่ตาและเม้มริมฝีปากแดงทีนึง
ลาเต้เดินมาที่ข้างกายเธอ “ที่รัก คุณว่าแววตาของเขาหมายความว่ายังไง?”
มายมินท์ส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
พูดตามหลักแล้ว ส้มเปรี้ยวถูกพวกเขาซ้อม แววตาที่เขามองเธอต้องรังเกียจหรือถึงขั้นโกรธสิ
แต่ว่าไม่มี ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ไม่เคยใช้สายตาแบบนั้นมองเธอเลย แม้กระทั่งแววตาของเมื่อครู่ยังมีอะไรปะปนอยู่ เธอบอกไม่ถูก
“เขานี่ท่าจะบ้า” ลาเต้พึมพำ
มายมินท์เอามือปิดปากหาวทีนึง “เอาล่ะ ยังเช้าอยู่เลย กลับไปนอนต่อเถอะ”
“กลับๆๆ” ทามทอยและคนอื่นๆก็พยักหน้า และกลับห้องนอนตัวเอง
ชั้นสอง หน้าห้องของส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวสลัดมือของเปปเปอร์ทิ้ง “เปปเปอร์ ฉันรู้สึกเจ็บใจจังเลยค่ะ!”
“ผมรู้ แต่นี่เป็นเรื่องที่จนปัญญา เห็นได้ชัดว่ามายมินท์พวกเขาได้วางแผนไว้ตั้งนานแล้ว ถึงไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย” ริมฝีปากของเปปเปอร์ได้พูดอย่างเรียบเฉย
เบ้าตาของส้มเปรี้ยวแดงก่ำ “แล้วเราจะปล่อยเลยตามเลยแบบนี้เลยเหรอคะ?”
“ไม่งั้นล่ะ ตอนที่คุณอาศัยใช้บุคลิกที่สองไปกัดมายมินท์เมื่อช่วงบ่าย ก็ไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ กลางคืนมายมินท์และพวกซ้อมคุณ ก็คือชำระแค้นของช่วงกลางวัน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ก็ถือว่าเสียเปรียบครั้งนึงก็แล้วกัน ช่างมันเถอะ”เปปเปอร์นวดขมับและพูดอย่างค่อนข้างเหนื่อยล้า
ส้มเปรี้ยวก้มหน้าไว้ไม่พูดจา
ช่างมันเถอะ?จะช่างมันได้ยังไง
ที่ผ่านมามีแต่เธอที่ไม่ให้คนอื่นได้อยู่ดีมีสุข ไม่มีคนที่สามารถให้เธออยู่ไม่เป็นสุขหรอก ถึงเธอรู้ว่ามายมินท์กำลังแก้แค้นก็เหอะ เธอก็ไม่ปล่อยเลยตามเลยหรอก คอยดูเถอะ!
ในใจคิดแบบนี้ แต่ปากส้มเปรี้ยวกลับรับปากอย่างเชื่อฟัง “ฉันรู้แล้วค่ะ”
เปปเปอร์เห็นว่าเธอฟังเข้าหูแล้ว ได้จับศีรษะเธอ “เอาล่ะ กลับห้องก่อนเถอะ พรุ่งนี้ผมพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาล”
“อืม” ส้มเปรี้ยวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เปปเปอร์ดึงมือกลับแล้วเดินไปที่ห้องข้างๆ
วินาทีที่ร่างเงาของเขาสูญหายไปจากประตู รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของส้มเปรี้ยวได้ค่อยๆจาบหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้ายกาจ
วันถัดมา หลังทานอาหารเสร็จ ทุกคนต่างก็เก็บข้าวของๆตัวเองเตรียมตัวจากไป
ถึงแม้สุดสัปดาห์นี้ได้ประสบเรื่องที่ไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว แต่ก็ถือว่าดีอยู่
ลาเต้ถือสัมภาระของตัวเองกับมายมินท์ไปไว้ที่รถ
มายมินท์นั่งดื่มน้ำผลไม้อยู่บนโซฟาของห้องรับแขก รอลาเต้ใส่สัมภาระเสร็จแล้วมาเรียกตัวเอง
ส่วนทามทอยและพวก ยังเก็บข้าวของอยู่ที่ในห้อง
“คุณมายมินท์” จู่ๆส้มเปรี้ยวได้เดินมาในเวลานี้
มายมินท์เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างเรียบเฉยแว๊บนึง “มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?คุณส้มเปรี้ยว”
ส้มเปรี้ยวเอามือสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง พร้อมมองมายมินท์ด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้คุณมายมินท์คงจะมีดีใจมากเลยสินะ?”
มายมินท์ยักคิ้ว “ทำไมฉันถึงฟังความหมายของคุณส้มเปรี้ยวไม่รู้เรื่องเลย ฉันดีใจอะไรคะ?”
“เมื่อคืนพวกคุณซ้อมฉัน ฉันไม่มีหลักฐาน ครั้งนี้ได้แต่ถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่บอกใครไม่ได้ คุณไม่ดีใจหรือไง?” ส้มเปรี้ยวยิ้มหยัน
มายมินท์แสยะยิ้มมุมปาก “ขอโทษด้วยค่ะคุณส้มเปรี้ยว เมื่อคืนฉันบอกแล้ว พวกเราไม่ได้เป็นคนซ้อมคุณ เพราะฉะนั้นต่อไปรบกวนคุณอย่าพูดจาแบบนี้อีก ไม่งั้นฉันจะโกรธเอาได้นะ”
พอพูดจบ เธอได้วางน้ำผลไม้ลง แล้วลุกขึ้นเตรียมไปดูว่าลาเต้ทำอะไรยู่ นี่ก็ครึ่งค่อนวันแล้ว ยังใส่ไม่เสร็จเหรอ?
ในขณะที่มายมินท์เพิ่งเดินได้สองก้าว ส้มเปรี้ยวได้ย่ำเท้าทีนึงและเรียกเธอไว้อีก “เดี๋ยวก่อน คุณมายมินท์”
“ยังมีธุระอะไรอีกเหรอคะ?คุณส้มเปรี้ยว?”มายมินท์หันมามองส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวหรี่ตา “คุณมายมินท์ ที่นี่มีแค่เราสองคนเท่านั้น คุณยังแกล้งทำเป็นไม่ได้ลงมือกับฉันอีก ไม่รู้สึกว่ามันเสแสร้งไปหน่อยเหรอ?”
มายมินท์หัวเราะ “เสแสร้ง?ที่แท้ในสายตาของคุณส้มเปรี้ยว เรื่องที่ไม่เคยทำ ไม่ยอมรับก็คือเสแสร้งเหรอคะ”
“เห็นๆอยู่ว่าพวกคุณเป็นคนทำ!” ส้มเปรี้ยวพูดเสียงสูง
รอยยิ้มของมายมินท์ไม่เปลี่ยน “ฉันยังยืนยันคำเดิม ในเมื่อคุณว่าพวกเราเป็นคนทำ งั้นคุณก็เอาหลักฐานออกมาเลย เอาหลักฐานออกมาไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคุณก็หุบปากไปซะ อย่าพูดคำพูดประเภทที่ว่าพวกเราทำอีก ไม่งั้นฉันจะไปฟ้องคุณจริงๆ ลาก่อนค่ะ!”
มายมินท์ได้ก้าวเท้าจากไป ภายใต้สายตาที่โกรธจนจะกินคนอยู่แล้วของส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวเอามือที่ไขว้อยู่ด้านหลังมาที่ตรงหน้า เผยมือถือที่กำลังเปิดอยู่ที่ฟังก์ชั่นอัดคลิปเสียงอยู่ แววตาร้ายกาจน่ากลัว
เดิมทีเธออยากอัดคลิปเสียงที่มายมินท์ยอมรับว่าเมื่อคืนได้ซ้อมเธอ จากนั้นเอาไปโพสต์ลงในโซเชียล ให้มายมินท์ถูกชาวเน็ตโจมตีอีกครั้ง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามายมินท์จะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ไม่หลงกลเลย!
“ส้มเปรี้ยว” เปปเปอร์ได้ถือสัมภาระมา
ส้มเปรี้ยวรีบจัดเก็บสีหน้าให้ดี ปิดมือถือแล้วหันมาพร้อมกับรอยยิ้ม “เปปเปอร์ คุณเก็บสัมภาระเสร็จแล้วเหรอคะ?”
“อืม ไปกันเถอะ” เปปเปอร์พยักหน้า
ส้มเปรี้ยวควงแขนของเขาไว้ และออกจากวิลล่าพร้อมเขา
เพิ่งออกมาจากวิลล่า ทั้งสองก็ได้ยินเสียงหัวเราะไพเราะจับใจของมายมินท์
เปปเปอร์มองไป เห็นข้างรถที่อยู่ไม่ไกล มายมินท์กำลังมองลาเต้ที่หน้าดำปี๋ แล้วหัวเราะอย่างหน้าชื่นตาบาน ถึงขั้นหัวเราะจนหางตามีน้ำตาซึมอยู่เล็กน้อย
ลาเต้เช็ดคราบสกปรกบนใบหน้า ทั้งจนปัญญาและเอ็นดู “ที่รัก หยุดได้แล้ว”
“ขอโทษๆ ฉันไม่หัวเราะแล้ว ไม่หัวเราะแล้วค่ะ”มายมินท์พยักหน้ารัวๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่หัวเราะแล้ว
แต่แล้ววินาทีต่อมา พอเห็นใบหน้าที่ยิ่งเช็ดยิ่งดำของลาเต้แล้ว ก็อดหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
ลาเต้แสยะยิ้มมุมปาก “ที่รัก!”
“ฮ่าๆๆๆ……” มายมินท์เอามือกุมท้องไว้ หัวเราะจนหยุดไม่ได้
ลาเต้ถอนหายใจ “ช่างเถอะๆ คุณหัวเราะเถอะ”