รูม่านตาของเปปเปอร์หดตัวลง มือที่จับส้มเปรี้ยวไว้ก็รัดกุมขึ้นมา
ทามทอยแตะคางของเธอพูดว่า “ไม่มีเลือดสีดำ ดูไม่เหมือนงูพิษ แต่ก็ไม่แน่ เปปเปอร์คุณรีบพาเธอลงจากภูเขาแล้วไปหาหมอเพื่อฉีดเซรุ่มเถอะ”
เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาอุ้มส้มเปรี้ยวแล้วเดินไปที่กระเช้าไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นกระเช้าลอยฟ้าลับตาไป มายมิ้นท์และพรรคพวกก็กำลังนั่งรอกระเช้ามารับกลับเช่นกัน
“ที่รัก คุณเจองูได้ยังไง?” ลาเต้ถามมายมิ้นท์พร้อมยื่นขวดน้ำส่งให้
มายมิ้นท์หยิบมันขึ้นมาถือไว้ในมือยังไม่ได้รีบร้อนเปิดฝาขวดออก เธอส่ายหัวและหันหลังกลับไปดู “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
เธอคิดไม่ถึงว่างูจะปรากฏตัวขึ้นเลย
ก่อนที่ส้มเปรี้ยวจะถูกกัด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
“ให้ฉันอธิบายเรื่องนี้เอง” ชาหวานยกมือขึ้น
คนอื่นๆ มองมาที่เธอ
เธอค่อยๆ อธิบายว่า “คือเรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ ฉันจะไปล้างหน้าที่ลำธารด้วยเหมือนกัน แล้วทีนี้ฉันก็เห็นงูแขวนคออยู่ที่กิ่งไม้หลังมายมิ้นท์ เดิมทีงูตัวนั้นไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร เป็นเพราะส้มเปรี้ยวที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นและตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้งูตกใจและพุ่งตัวเข้ามาหาประธานมายมิ้นท์”
“หมายความว่าเดิมทีงูจะกัดพี่มายมิ้นท์เหรอครับ?” ปีโป้อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ชาหวานพยักหน้า “ใช่ ฉันจึงสั่งให้ประธานมายมิ้นท์นั่งลง นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้งูตกลงบนร่างกายของส้มเปรี้ยวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประธานมายมิ้นท์ จากนั้นมันจึงได้กัดคุณส้มเปรี้ยวแทน”
“นี่มันน่าทึ่งจริงๆ จะทำร้ายคนอื่น กลับมาลงที่ตัวเองสินะ” ทามทอยยิ้ม
จากนั้นมายมิ้นท์จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเข้าไปจับมือชาหวานอย่างซึ้งใจ “ชาหวาน ขอบคุณมากนะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะชาหวานที่บอกให้เธอหมอบลง
บางทีเธออาจจะเป็นคนที่ถูกกัดก็ได้
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ เป็นประธานมายมิ้นท์ต่างหากล่ะคะที่ไว้ใจฉัน ไม่เช่นนั้น ต่อให้ฉันเตือนยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ” ชาหวานยิ้ม
“ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีงูอยู่บนภูเขาลูกนี้ ฉันที่โชคดีเหลือเกินนะคะ” มายมิ้นท์กล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
แม้ว่าตอนนี้อารมณ์เธอจะสงบลงแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงงู
ลาเต้เอามือทั้งสองข้างประสานกันแล้ววางไปที่หลังศีรษะของเขา “จะว่าไปก็ต้องโทษผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ถ้าส้มเปรี้ยวเธอไม่ลุกขึ้นยืนและทำให้งูกลัว งูก็คงจะไม่โจมตีที่รักของผมหรอก แต่ก็โชคดีที่เธอถูกกัดเอง ผมค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย”
“จะว่าไป ฉันคิดว่าดูเหมือนส้มเปรี้ยวจะจงใจทำให้งูตัวนั้นตกใจนะคะ” ชาหวานแตะไปที่คางของเธอและพูดขึ้นในทันใด
ทุกคนพากันประหลาดใจกับคำพูดของเธอ
“ชาหวาน คุณพูดว่าส้มเปรี้ยวเจตนาทำให้งูตกใจเหรอ?” ลาเต้จ้องไปที่ชาหวาน
“ไม่น่าใช่มั้งครับ?” ปีโป้อ้าปากค้าง
ทามทอยจับไปที่ไหล่ของเขา “ทำไมล่ะ อย่าลืมสิ่งที่ส้มเปรี้ยวทำกับพี่มายมิ้นท์ของคุณนะ ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้”
“……” ปีโป้พูดไม่ออกและมองไปที่มายมิ้นท์
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ชาหวานพยักหน้าและตอบกลับว่า “ใช่ค่ะ ฉันสงสัยว่าเธอจงใจทำ เพราะเมื่อตอนที่งูพุ่งเข้ามาทางประธานมายมิ้นท์ ฉันเห็นรอยยิ้มของเธอปรากฏขึ้น เธอไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวขึ้นของงูเลย ดังนั้นฉันคิดว่าเธออาจจะเห็นงูก่อนหน้านี้และจงใจตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกประธานมายมิ้นท์ให้หันมา”
“ถ้าเป็นแบบนี้นี้ การที่เธอถูกกัดก็เป็นเพราะเธอทำตัวเอง” ทามทอยยังคงเสียดสีไม่หยุด
“ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ” ลาเต้ตบลงที่ขาของเขาด้วยท่าทางเย็นชา “ผมคิดว่าเธอคงไม่อยากวางมือจากที่รักของผม ยังต้องการจัดการคุณอีก แต่กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง”
“ผู้หญิงคนนี้นี่เลวที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาจริงๆ” ชาหวานถอนหายใจออกมา
เธอไม่เข้าใจเลย แม้ว่าในตอนนั้นมายมิ้นท์และเปปเปอร์จะแต่งงานกัน จึงทำให้ส้มเปรี้ยวรู้สึกไม่ชอบใจ
แต่ตอนนี้ประธานมายมิ้นท์และประธานเปปเปอร์ก็หย่าร้างกันแล้ว ส่วนประธานเปปเปอร์ก็รักส้มเปรี้ยวอย่างสุดใจ ทำไมส้มเปรี้ยวต้องพยายามหาทางจัดการกับประธานมายมิ้นท์อีก?
“เจ้าหนู” ทามทอยมองไปทางปีโป้ “เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วสินะ จ่อจากนี้ต้องระมัดระวังหน่อย อย่าทำให้ส้มเปรี้ยวขุ่นเคืองใจ ไม่อย่างนั้นเธอจะจัดการอย่างไม่เลือกวิธี”
“ผม……ผมรู้แล้วครับ” ปีโป้พยักหน้าอย่างเร่งรีบ
เขารู้ว่าส้มเปรี้ยวเป็นคนไม่ดี แต่เขาไม่เคยเห็นการกับตาเช่นนี้มาก่อนถึงด้านลบของส้มเปรี้ยว ดังนั้นในใจจึงไม่รู้สึกอะไร และไม่ได้ระมัดระวังส้มเปรี้ยวเลย
แต่ตอนนี้เขาเห็นกับตาและต้องยอมรับว่าเขากลัว
“ไม่ได้การละ เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ จะต้องสอนบทเรียนส้มเปรี้ยวสักหน่อย” ลาเต้บีบหมัดของเขาและพูดอย่างโกรธแค้น
มายมิ้นท์เม้มปากสีแดงเรื่องของเธอ “คุณจะให้บทเรียนเธอได้อย่างไรคะ เราไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเธอจงใจทำเรื่องนี้ มีเพียงชาหวานเท่านั้นที่เป็นพยานได้ แต่ชาหวานเป็นคนของเรา ส้มเปรี้ยวสามารถแย้งได้ว่า
“มายมิ้นท์พูดถูก” ทามทอยก็พยักหน้าเช่นกัน “เพราะว่าไม่ใช่ส้มเปรี้ยวที่โจมตีมายมิ้นท์โดยตรง ดังนั้นดูเหมือนเราจะทำอะไรส้มเปรี้ยวไม่ได้เลย”
ลาเต้ยังคงไม่พอใจ “แล้วจะปล่อยไปแบบนี้เหรอ?”
มายมิ้นท์หรี่ตาลง “ไม่แน่นอนค่ะ การที่เธอสามารถทำให้เราไม่อาจหาหลักฐานไปจัดการกับเธอได้ แน่นอนว่าเราทำได้เช่นกัน”
“ที่รัก คุณจะทำอะไร?” ดวงตาของลาเต้เป็นประกาย
มายมิ้นท์ขยับนิ้วเพื่อให้เขาเข้ามาใกล้ๆ
ทุกคนโน้มตัวลงมา
ขณะที่มายมิ้นท์กำลังจะพูด ลาเต้ก็พูดขึ้นทันทีว่า “รอแป๊บหนึ่ง!”
“มีอะไรเหรอ?” มายมิ้นท์มองมาที่เขา
ลาเต้ผลักปีโป้ออกไป “ที่รัก เด็กคนนี้เป็นน้องชายของเปปเปอร์นะ จะให้เขามาฟังด้วยได้ยังไง”
“ใครบอกว่าผมเป็นคนฝั่งนั้น ผมไม่ใช่สักหน่อย” ปีโป้ตอบเสียงดัง
ลาเต้จับแขนของเขา “คุณเป็นน้องชายของเปปเปอร์ไม่ใช่เหรอ จะไม่ใช่คนฝั่งนั้นได้ยังไง?”
“ผมเป็นพี่ชายของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะอยู่ฝั่งเขานะ เว้นแต่เขาจะเลิกกับส้มเปรี้ยว ไม่อย่างนั้นผมจะไม่อยู่ฝั่งเขาเด็ดขาด” ปีโป้พูดขึ้น
ลาเต้เลิกคิ้วขึ้น “คุณจริงจังเหรอ?”
“แน่นอน!” ปีโป้พยักหน้าโดยไม่ลังเล
ลาเต้ขมวดคิ้ว “ต่อให้จริง ผมก็ไม่ให้ฟัง”
“คุณ……” ปีโป้อยากจะซัดหน้าใครบางคนด้วยความโกรธเหลือเกิน
มายมิ้นท์มองดูสองคนที่มักทะเลาะกันอยู่บ่อยๆแล้วรู้สึกปวดหัวมาก “เอาล่ะค่ะ เขาอายุเท่าไหร่แล้วคุณอายุเท่าไหร่ ทำไมชอบไปหาเรื่องเด็กจริงๆ พอได้แล้วค่ะ ถ้าเขาอยากฟังก็ให้ฟังไป”
“แต่ที่รัก ถ้าเขาเอาไปบอกเปปเปอร์กับส้มเปรี้ยวล่ะ?” ลาเต้กังวลเล็กน้อย
มายมิ้นท์มองไปที่ปีโป้ด้วยสายตาที่เฉียบคม “จะทำแบบนั้นเหรอ?”
ปีโป้ส่ายหน้าไปมา “ผมจะไม่ทำแน่นอนครับ ฉันสาบาน!”
เขาชูสามนิ้วขึ้น
มายมิ้นท์พยักหน้าเบาๆ “อืม ดีแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอตัดสินใจแบบนี้ ลาเต้ก็ยักไหล่และเลิกเกลี้ยกล่อม ทำแค่หันไปมองปีโป้เพื่อเป็นการเตือนว่า “เจ้าหนู ทางที่ดีอย่าเอาไปพูด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“คุณจะไม่มีโอกาสนั้นแน่” ปีโป้ทำท่าทางมีชัย
ลาเต้กลอกตา “ผมก็หวังว่าแบบนั้น”
ในไม่ช้ามายมิ้นท์ก็เล่าถึงแผนของเธอ
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็หัวเราะออกมา
“วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีจริงๆ!” ลาเต้ยกนิ้วให้
ชาหวานก็พยักหน้า “ใช่ค่ะ แค่คิดฉันก็ตื่นเต้นแล้ว”
“ไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าคุณจะทำแบบนี้ได้” ทามทอยมองมายมิ้นท์ด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยไม่ได้นี่คะ ในสถานการณ์คับขันมันก็เป็นเรื่องปกตินี่คะ” มายมิ้นท์รวบผมของเธอ เผยให้เห็นคอที่เรียวยาวขาวผ่อง
ทามทอยมองดูส่วนโค้งเว้าของลำคอขาวสง่าของเธอ ดวงตาของเขาชะงักลงชั่วคราว แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
“พี่มายมิ้นท์ ให้ผมเป็นคนหลอกล่อเธอออกมาไหมครับ” ปีโป้ยกมือขึ้นทันที
มายมิ้นท์มองมาที่เขา “แน่นอนว่าต้องให้เราทำ และเป็นคนอื่นไปไม่ได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ของคุณกับพวกเขา การไปที่ชั้นสองจึงทำให้พวกเขาสงสัยน้อยที่สุด”
“เข้าใจแล้วครับ!” เมื่อได้ยินมายมิ้นท์บอกว่าจะมอบหมายงานให้ตัวเอง ปีโป้หัวเราะอย่างมีความสุข