ส้มเปรี้ยวเห็นอย่างนั้นก็กัดฟันกรอด เธออยากจะโยนกล่องอาหารกลางวันในมือทิ้งไปจริงๆ
แต่เธอรู้ดีว่าถ้าเธอทำเช่นนี้ คนที่เหลือก็จะทำท่าทางรังเกียจเธออีก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ส้มเปรี้ยวจึงได้แต่หลับตาและหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะระงับความโกรธในใจอย่างไม่เต็มใจนัก
ทุกคนเริ่มรับประทานอาหาร
เปปเปอร์เปิดกล่องอาหารกลางวันออก กลิ่นหอมของอาหารโชยออกมา
เขาชิมเข้าไปคำหนึ่ง อืม รสชาติไม่เลว
แต่เขารู้สึกว่าไม่อร่อยเท่าก๋วยเตี๋ยวเมื่อคืนนี้
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้น ทั้งๆ ที่ฝีมือของเชฟดีกว่ามายมิ้นท์
แต่พอกินเข้าปาก รสชาติมันดูแย่ไปหน่อย เหมือนขาดความรู้สึกบางอย่างไป
ส่วนมันคืออะไรนั้น เขาเองก็ไม่สามารถบอกได้
“ส้มเปรี้ยว ทำไมไม่กินละครับ?” เปปเปอร์เงยหน้าขึ้น สังเกตเห็นว่าส้มเปรี้ยวที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้กินอะไรลงไป ไม่ได้เปิดแม้แต่ฝากล่องด้วยซ้ำ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
ดวงตาของส้มเปรี้ยวเป็นประกายเล็กน้อย เธอยิ้มขึ้นว่า “พอดีฉันยังไม่หิวค่ะ ฉันยังไม่อยากกิน”
“ผมมองว่าไม่ใช่ไม่หิว แต่ไม่กล้ากินมากกว่ามั้ง” เสียงกระแทกแดกดันของลาเต้ดังขึ้น
ใบหน้าของส้มเปรี้ยวมืดมนลง “คุณลาเต้ คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?!”
ลาเต้เบ้ริมฝีปากของเขา “ผมแค่อยากจะบอกว่า อาหารนี้ที่รักของผมเป็นคนอุ่น ส่วนคุณทำร้ายที่รักของผมมาหลายครั้งหลายครา คงไม่มีหน้าจะกินอาหารมื้อนี้หรอกมั้งครับ ยิ่งไปกว่านั้นคุณเองก็คงกลัวที่รักผมจะใส่ยาพิษสินะ?”
รูม่านตาของส้มเปรี้ยวสั่นคลอนเล็กน้อย ในไม่ช้าเธอก็ก้มหน้าลง ยิ้มอย่างไม่เต็มใจว่า “คุณลาเต้กำลังพูดเรื่องตลกอะไรกันคะ ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ ที่ฉันไม่กินเพราะฉันยังไม่หิว เอาละค่ะ ฉันจะไปเดินตากอากาศตรงนั้นสักหน่อย”
หลังจากพูดจบเธอก็วางกล่องอาหารกลางวันลงและเดินไปที่หน้าผาซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางขอเขา กังวลว่าเธออยู่คนเดียวจะเป็นอะไรไป ดังนั้นเขาจึงปิดกล่องอาหารและตามไป
ลาเต้มองไปที่ร่างของทั้งสองที่จากไป “ถูไถไปได้เรื่อยจริงๆ”
“เอาละค่ะ ขนาดกินข้าวอยู่ยังไม่สามารถหยุดปากคุณได้หรือไง” มายมิ้นท์กลอกตาและใส่เนื้อเข้าไปในปากของเขา
ลาเต้กระโดดขึ้นด้วยความร้อน “ที่รัก คุณกำลังจะฆ่าผมอยู่เหรอ?”
มายมิ้นท์เยาะเย้ยและกล่าวว่า “ใครใช้ให้คุณปากมากขนาดนี้ล่ะคะ?”
คนอื่นๆ พากันหัวเราะเมื่อได้ยินประโยคนี้
ลาเต้นั่งลงด้วยท่าทางหดหู่ใจ
บริเวณห่างออกไปไม่ไกลนัก เปปเปอร์มองไปยังฉากที่ดูมีความสุขเหล่านั้น ดวงตาของเขามืดลง
เห็นได้ชัดว่าทุกคนมาปีนเขาด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขากับส้มเปรี้ยวไม่สามารถผสมผสานไปกับพวกนั้นได้
แม้แต่ทามทอยและปีโป้ก็ดูห่างเหินจากเขาและส้มเปรี้ยว
ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นแบบนี้ ดูเหมือนมันค่อยๆ กลายเป็นแบบนี้หลังจากที่เขาและส้มเปรี้ยวคบกัน
“เปปเปอร์คะ คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” ในขณะนั้นเสียงของส้มเปรี้ยวก็ดังขึ้นใกล้หู
เปปเปอร์รวบรวมความคิดของตนเองและหันกลับมา “ไม่มีอะไรครับ”
ส้มเปรี้ยวพยักหน้าดูเหมือนจะเชื่อ
เธอมองดูภูเขาที่ไกลออกไป “ที่จริงแล้วคุณลาเต้พูดถูกนะคะ ฉันไม่ได้กินเพราะฉันไม่มีหน้าจะไปกินข้าวมื้อนั้น แม้จะไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณมายมิ้นท์ แต่ถึงอย่างไรฉันก็ทำร้ายเธอ จะให้ฉันไปกินอาหารที่เธอเอามาให้ได้ยังไงละคะ”
“ผมรู้ครับ” เปปเปอร์เงยหน้าขึ้น “ขอโทษนะครับที่ผมคิดไม่รอบคอบ ผมควรเอาอาหารมาเพิ่ม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ส้มเปรี้ยวกอดแขนเขาแล้วเอนศีรษะพิงไหล่เขา เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันอดทนไปก่อนได้ค่ะ เดี๋ยวลงไปข้างล่างค่อยกินก็ได้”
“ไม่หิวเหรอ?” เปปเปอร์หันศีรษะไปมองเธอ
ส้มเปรี้ยวส่ายหัว “โชคดีที่ไม่หิวมาก คุณหิวไหมคะ? ถ้าหิวก็กลับไปกินเถอะค่ะ”
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นแล้วปล่อยแขนของเขาออก
เปปเปอร์ยืนนิ่ง “ไม่เป็นไรครับผมไม่หิว เดี๋ยวผมลงไปกินข้างล่างเป็นเพื่อนคุณนะ”
“เปปเปอร์คะ คุณใจดีมากเลยค่ะ” ส้มเปรี้ยวเอนศีรษะกลับมาอีกครั้ง
ชาหวานที่มาตักน้ำได้ยินการสนทนาของทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน จากนั้นก็กลับมาตรงพวกมายมิ้นท์นั่งอยู่แล้วเล่าบทสนทนาของทั้งสองอีกครั้ง
“พวกคุณฟังนะ ประธานเปปเปอร์บอกว่าจะลงไปกินพร้อมหล่อนที่ตีนเขา หล่อนก็ไม่ได้โน้มน้าวเขาอีก ฉันสงสัยจริงว่าหล่อนรักเปปเปอร์จริงหรือเปล่า ประธานเปปเปอร์เหนื่อยจากการที่ต้องแบกหล่อนขึ้นมา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าประธานเปปเปอร์ไม่หิว แต่ส้มเปรี้ยวกลับเชื่อ! หล่อนไม่สงสัยเลยด้วยซ้ำ ดูหล่อนมีความสุขมากที่ประธานเปปเปอร์หิวเป็นเพื่อนหล่อน” ชาหวานหัวเราะเยาะ
“หล่อนเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก ไม่เคยคิดว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรอยู่ จะว่าไปก็พูดไม่ได้ว่าไม่รักเปปเปอร์ บอกได้คำเดียวว่าความรักที่มีต่อเปปเปอร์นั้นน้อยกว่าที่รักตัวเองมาก ไม่อย่างนั้นหล่อนจะหาเรื่องทำร้ายผู้อื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นขอให้เปปเปอร์ตามจัดการเรื่องของเธอหรอก” ทามทอยเปิดขวดน้ำและพูดเยาะเย้ย
ลาเต้พยักหน้ากล่าวว่า “ใช่แล้วล่ะ ถ้าเธอรักเคารพเปปเปอร์อย่างจริงจังเหมือนรักตัวเธอเอง เธอจะคิดแต่เพียงว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร แทนที่จะสร้างปัญหาให้เขาตลอดเวลาแบบนี้”
“สรุปแล้วก็คือ เธอไม่ได้รักประธานเปปเปอร์มากพอใช่ไหม?” ชาหวานพูดพร้อมกับกุมคางตัวเอง
ทามทอยตอบว่า “ใช่ครับ บางทีอาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นสักวัน เช่นแผ่นดินไหวน้ำท่วมขึ้นมา เธอคงจะทิ้งเปปเปอร์ไปโดยไม่ลังเล เพื่อที่จะเอาตัวรอด หรือกระทั่งหยิบยกเปปเปอร์เข้ากำบังต่ออันตรายก็เป็นได้”
“เชอะ! คบกับผู้หญิงที่พิษร้ายแบบนี้ ประธานเปปเปอร์จะไม่อันตรายเหรอคะ?” ชาหวานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มายมิ้นท์ที่ไม่เคยพูดอะไรออกมาเลย เธอเม้มริมฝีปากของตนกล่าวว่า “ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ฉันเชื่อว่านายเปปเปอร์ก็คงจะเต็มใจ เพราะยังไงเขาก็รักคุณส้มเปรี้ยวมาก”
“อืม ก็มีเหตุผล”
ทุกคนหัวเราะขึ้น
มีเพียงปีโป้เท่านั้นที่ใบหน้าเคร่งขรึมไม่พูดอะไรออกมา
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบสิ่งที่ทุกคนพูดเกี่ยวกับพี่ใหญ่ของตน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นสมเหตุสมผล เพราะส้มเปรี้ยวได้ทำสิ่งเลวร้ายมากมายกับพี่มายมิ้นท์ แม้พี่ใหญ่จะรู้แต่เขาก็ยังไม่ได้เลิกรากับส้มเปรี้ยว ชี้ให้เห็นว่าในความคิดของพี่ใหญ่ ส้มเปรี้ยวสำคัญแค่ไหน สำคัญถึงขนาดที่เขาสามารถไม่สนใจศีลธรรมได้
ดังนั้นจึงเป็นไปได้จริงๆ ที่พี่ใหญ่คนนี้จะยอมสละเพื่อส้มเปรี้ยว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ปีโป้จึงมองไปที่ส้มเปรี้ยวอีกครั้งและไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
เขาโมโหจนแทบหายใจไม่ออก จึงหยิบหินก้อนเล็กๆ แล้วโยนไปที่หลังของส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวถูกหินปาใส่และร้องว่า “โอ๊ย!”
เธอกุมไหล่ที่ถูกปาแล้วทรุดตัวลง
“เกิดอะไรขึ้นครับส้มเปรี้ยว?” เปปเปอร์ถามอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ส้มเปรี้ยวหันไปมองที่มายมิ้นท์ กัดริมฝีปากของตนแล้วถามด้วยตาสีแดงเรื่อว่า “ฉันรู้ว่าพวกคุณไม่ชอบฉัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องขว้างก้อนหินใส่ฉันไม่ใช่เหรอ?”
“ขว้างหิน?” เปปเปอร์หรี่ตาลง ล็อคเป้าไปที่กลุ่มมายมิ้นท์ “ใครเป็นคนทำ?”
มายมิ้นท์ดื่มน้ำอยู่ ท่าทางของเธอดูไม่แยแสและเพิกเฉย
ลาเต้สวมหูฟังฟังเพลงไม่ตอบสนอง
ชาหวานและทามทอยเล่นเกมกันอยู่โดยแสร้งทำเป็นว่าพวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลย
เมื่อเห็นดังนี้ เปปเปอร์ก็เม้มริมฝีปากบางของเขาด้วยความเย็นชาเล็กน้อย ในที่สุดก็จ้องมองไปที่ปีโป้ซึ่งนั่งก้มหน้าลงอย่างมีพิรุธ พูดว่า “ปีโป้ ลุกขึ้น!”
“เรียกผมทำไม?!” ปีโป้ถูกเรียกชื่อขึ้น จิตสำนึกที่รู้สึกผิดฉายแววออกมาในดวงตาของเขาและรีบลุกขึ้นยืน
“ขอโทษเสีย” เปปเปอร์สั่งเสียงเข้ม
ปีโป้พูดอย่างโกรธเคืองว่า “เพราะอะไร?!”
“เพราะแกลงมือทำร้ายส้มเปรี้ยว”
“พี่รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผม?” ดวงตาของปีโป้เบิกกว้าง
ลาเต้ก็ยืนขึ้นยิ้มและตบไหล่เขา “เด็กโง่ คำว่าตื่นตระหนกเขียนลงบนหน้าแล้วมั้ง ใครก็รู้ทั้งนั้น”
“จริง……จริงเหรอ?” ปีโป้กะพริบตาถาม
มายมิ้นท์ ทามทอยและชาหวาน อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้
ลาเต้ถอนหายใจ พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เฮ้อ เจ้าเด็กนี่โง่จริงๆ”
ปีโป้หน้าแดง “ใครโง่? ผมแค่โกหกไม่เก่งเหมือนคนบางคน……”
เขามองไปที่ผู้หญิงด้านข้างเปปเปอร์อย่างดูถูก
ส้มเปรี้ยวกำหมัดแน่น เหมือนอยากจะฉีกปีโป้เป็นชิ้นๆ
เดิมทีเธอวางแผนไว้ว่าหลังจากแต่งงานกับเปปเปอร์แล้ว เธอจะขับไล่นังแก่พิศมัยนั่นออกไปจากคฤหาสน์
แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว เธอจะขับไล่สองแม่ลูกนี้ออกจากตระกูลไปให้หมด นี่คือผลตอบแทนที่ทำให้เธอขุ่นเคืองใจ