“เลิกโวยวายได้แล้ว พ่อครัวไม่อยู่” ชาหวานโต้ตอบขณะเดินออกจากห้องครัว
ทามทอยมองหน้าเธอ “แล้วพ่อครัวไปไหนล่ะ?”
“ตอนบ่าย พ่อครัวออกไปซื้อของ แล้วยังไม่ได้กลับมา เมื่อกี้ฉันโทรไปถาม เขาบอกว่าระหว่างทางกลับเจอดินภูเขาสไลด์ ทำให้ติดอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถกลับมาได้” ชาหวานยักไหล่
ปีโป้กะพริบตาปริบๆ “ถ้าอย่างนั้นมื้อค่ำของเราทำอย่างไรดีล่ะ?”
“ทำอะไรได้อีก นอกจากจัดการกันเอง เมื่อกี้ฉันเข้าไปดูในครัว มีวัตถุดิบครบทุกอย่าง” ชาหวานชี้ไปทางห้องครัว
ปีโป้โอดครวญ “พี่หมายความว่า ให้พวกเราทำอาหารกันเองเหรอ?”
“มีวิธีอื่นอีกเหรอ?” ชาหวานกลอกตาใส่เขา
มุมปากของทามทอยเผยอขึ้นเล็กน้อย “พวกเรามีใครทำอาหารเป็นไหม?”
เมื่อคำถามนี้หลุดออกไป ทุกคนก็เงียบลง
ผ่านไปชั่วครู่ นอกจากมายมิ้นท์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างส่ายหน้าไม่หยุด บ่งบอกว่าทำไม่เป็น
ก็ไม่แปลก ทุกคนที่นี่ล้วนมาจากครอบครัวที่มีฐานะ มีคนคอยปรนนิบัติตั้งแต่เล็กจนโตกันทั้งนั้น ทำอาหารเป็นกันเสียที่ไหน
“จบกัน ดูเหมือนคืนนี้เราคงอดมื้อค่ำแน่ๆ” ทามทอยลูบหน้าท้องตัวเองแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
ชาหวานเหลือบมองไปทางเขา “เพราะคุณคนเดียว พาฉันมาถึงที่นี่ ทำให้ฉันไม่ได้กินข้าว”
ทามทอยเบ้ปาก “ใครจะรู้ว่าพ่อครัวโชคร้ายขนาดนี้ ยังมาเจอดินภูเขาสไลด์อีก”
“นั่นสิ” ชาหวานถอนหายใจ
ส้มเปรี้ยวดึงแขนเสื้อเปปเปอร์ “เปปเปอร์ ทำอย่างไรดี ฉันหิวมากเลย?”
เปปเปอร์ขยับริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “น่าจะพอมีขนมอยู่บ้างนะ เราลองไปหาดูในครัว แล้วค่อยว่ากัน”
“ก็ต้องอย่างนั้นแหละ” ส้มเปรี้ยวพยักหน้า
ทั้งสองเดินเข้าไปในครัว
ปีโป้ไม่อยากอยู่ใกล้ส้มเปรี้ยว จึงไม่ได้เดินไปด้วย
ไม่นานนัก ทั้งสองก็เดินออกมา ด้วยมือที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรติดออกมาเลย
ลาเต้หัวเราะเยาะ “ไปหาขนมไม่ใช่เหรอ? แล้วขนมล่ะ?”
เปปเปอร์ทำหน้าเย็นชา ไม่ได้สนใจเขา
แต่ส้มเปรี้ยวกลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในครัวไม่มีขนมเลยค่ะ”
“บ้าเอ๊ย ไม่มีแม้แต่ขนม ท่าทางพวกเราคงต้องหิวแบบนี้ทั้งคืนแน่ๆ เลย” ทามทอยกล่าวอย่างหดหู่
ลาเต้มองมายมิ้นท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ที่รัก คุณหิวไหม?”
เปปเปอร์ได้ยินดังนั้น จึงหันไปมองมายมิ้นท์ด้วยแววตาที่แฝงความห่วงใยในแบบที่ยากจะสังเกตเห็น
แต่ส้มเปรี้ยวก็ยังรู้สึกได้ จึงกำมือแน่น
“นิดหน่อยค่ะ คุณล่ะ?” มายมิ้นท์พยักหน้า
ลาเต้ลูบหน้าท้องตัวเอง “ผมก็หิวแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำอาหารก่อนนะคะ” มายมิ้นท์กล่าว
นอกจากปีโป้และเปปเปอร์ ทุกคนต่างพากันรู้สึกทึ่ง
“ที่รัก คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?” ลาเต้ถามด้วยความประหลาดใจ
มายมิ้นท์ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม ปีโป้ก็รีบตอบด้วยสายตาเป็นประกาย “พี่มายมิ้นท์ทำอาหารเป็น อร่อยด้วย”
“นายเคยกินเหรอ?” ลาเต้มองไปทางเขาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ปีโป้เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนครับ ผมกินมาตลอดหกปี แต่ดูท่าทางแปลกใจเรื่องที่พี่มายมิ้นท์ทำอาหารเป็นของพี่แล้วเนี่ย น่าจะยังไม่เคยกินอาหารฝีมือพี่มายมิ้นท์ล่ะสิ”
คำพูดนี้แทงใจดำของลาเต้
ลาเต้ทำหน้าบึ้งตึงไม่สนใจเขา หันมาจับมือของมายมิ้นท์ไว้ และพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้มือของคุณถึงได้หยาบกระด้างขนาดนั้น ที่แท้นอกจากทำงานบ้านแล้ว ยังต้องทำอาหารให้คนในตระกูลนวบดินทร์อีก ที่รัก คุณบ้าไปแล้วหรือไง?”
“ไม่เป็นไร มันผ่านมาแล้วค่ะ” มายมิ้นท์ตอบ ก่อนดึงมือตัวเองกลับมา
ลาเต้แค่นเสียงเย็นชา “แม้คุณคิดว่ามันผ่านไปแล้ว แต่ผมคิดว่ายัง คุณเองก็ถูกเลี้ยงอย่างโดนเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่หลังจากแต่งเข้าตระกูลนวบดินทร์แล้ว ทำไมถึงทำเป็นทุกอย่างทั้งซักผ้าทั้งทำอาหาร”
พูดจบ เขาก็หันไปจ้องหน้าเปปเปอร์อย่างเดือดดาล “บ้านตระกูลนวบดินทร์ใช้ให้เธอทำอาหารเหรอ ตระกูลร่ำรวยอันดับต้นของเมืองเดอะซี ไม่มีคนรับใช้เหรอ ถึงต้องให้ภรรยาของตัวเองทำหน้าที่คนรับใช้แทน คอยปรนนิบัติทุกคนในบ้าน ผมยังทำใจไม่ได้ที่จะให้เธอทำนั่นทำนี่ แต่ครอบครัวพวกคุณใช้เธออย่างสบายใจ ช่างน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ”
ที่รักที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดหลายสิบปี กลับต้องตกระกำลำบากเพราะตระกูลนวบดินทร์
คิดแล้วก็โมโห
“นั่นสิคะ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังมีครอบครัวที่ให้ภรรยาตัวเองเป็นคนรับใช้ คุณเปปเปอร์ ครอบครัวของคุณยังอยู่ในยุคราชวงศ์ชิงหรือไง?” ชาหวานกวาดสายตาไปทางเปปเปอร์
หลังจากนั้น ก็หันไปจ้องส้มเปรี้ยวต่อ “คุณส้มเปรี้ยว ได้ยินแล้วใช่ไหม ตระกูลนวบดินทร์คอยกลั่นแกล้งลูกสะใภ้ ถ้าคุณแต่งงานไป ชีวิตคุณอาจจะไม่สงบสุข”
ส้มเปรี้ยวขบริมฝีปาก แล้วฝืนยิ้มก่อนโต้กลับว่า “ไม่หรอกค่ะ คุณป้าเป็นคนดีมาก ฉันเชื่อว่าท่านคงไม่ทำแบบนั้นกับฉันหรอกค่ะ”
“อย่าเพิ่งมั่นใจไปเลย เรื่องในอนาคต ใครจะไปรู้” ทามทอยพูดเสริม
เมื่อเปปเปอร์ได้ยินพวกเขาพูดถากถางตระกูลนวบดินทร์ทีละประโยคๆ แม้สีหน้าจะไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้
เพราะเรื่องทั้งหมดที่ลาเต้พูดล้วนเป็นเรื่องจริง ตลอดหกปีมานี้ตระกูลนวบดินทร์ปฏิบัติกับมายมิ้นท์เยี่ยงคนใช้ เพียงเพราะคุณแม่ไม่ชอบมายมิ้นท์ จึงทำลงไปแบบนั้น
เขารู้ดีว่าสิ่งที่คุณแม่ทำไม่ถูกต้อง แต่เพราะเขาไม่ได้รักเธอ จึงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้คุณแม่ทำกับมายมิ้นท์แบบนี้ แต่พูดตามตรง ถึงแม้ว่าเขาไม่เคยรักแกมายมิ้นท์ แต่พฤติกรรมนิ่งเฉยที่เขาทำนั้น ก็เหมือนกำลังรังแกมายมิ้นท์ทางอ้อม
ด้านปีโป้ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาแดงก่ำ
เขาแค่อยากอวดว่าตัวเองเคยกินข้าวฝีมือพี่มายมิ้นท์ แต่คาดไม่ถึงว่า จะทำให้เรื่องที่ตระกูลนวบดินทร์รังแกพี่มายมิ้นท์แดงออกมา
“ขอโทษนะครับพี่มายมิ้นท์” ปีโป้โค้งขอโทษพี่มายมิ้นท์
แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาก็เคยขอโทษไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เขาขอโทษอีกครั้งไม่ได้
มายมิ้นท์กวาดสายตามองเขาแว๊บหนึ่ง และไม่ได้เก็บคำขอโทษนี้ไว้ในใจ เธอขมวดคิ้ว “เอาล่ะ ลุกขึ้นได้แล้ว หลักทางหน่อย ฉันจะเข้าครัวไปทำอาหาร”
“พี่มายมิ้นท์ ผมขอคิดเมนูได้ไหม?” ปีโป้ขยับเข้ามาใกล้เธอ พลางมองเธอด้วยสายตาเปล่งประกาย
มายมิ้นท์เผยอปากเล็กน้อย
เด็กคนนี้ ไร้ยางอายจริงๆ
เธอยังไม่ได้รับปากเลยว่าจะทำอาหารให้เขากิน ยังมาขอคิดเมนูเองอีก
“ไม่ได้” มายมิ้นท์ตอกกลับ
ลาเต้ปรบมือและหัวเราะ “ได้ยินหรือยัง ที่รักบอกว่าไม่ได้น่ะ”
ปีโป้ถลึงตาใส่เขา ก่อนที่จะหันไปทางพี่มายมิ้นท์ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ “ทำไมล่ะครับ?”
“ก็เพราะว่าพวกเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันไงล่ะ ทำไมฉันต้องทำอาหารให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องกินด้วยล่ะ อีกอย่างทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้ของนายก็อยู่ที่นี่ ถ้าหิว ก็ไปบอกพวกเขาสิ” มายมิ้นท์ชี้ไปทางเปปเปอร์และส้มเปรี้ยว ก่อนเดินเข้าครัวไป
ลาเต้ยิ้มเยาะปีโป้อย่างสะใจ ก่อนที่จะเดินตามเธอไป
ชาหวานเหมือนจะนึกบางอย่างได้ จึงชูมือและพูดอย่างเสียงดังว่า “คุณมายมิ้นท์ เดี๋ยวฉันไปช่วยนะคะ คุณช่วยทำเพิ่มอีกสักที่ได้ไหม?”
“ผมด้วยนะ มายมิ้นท์ ครั้งที่แล้วคุณน้องบาดเจ็บที่ขา ผมเป็นคนพาไปโรงพยาบาลนะ” ทามทอยพูดตามหลัง
มายมิ้นท์หัวเราะ “ได้สิถ้าอย่างนั้นมาช่วยกันสิ”
“ได้เลย” ทามทอยและชาหวานเดินตามเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ตอนนี้ห้องรับแขกเหลือพวกเปปเปอร์อยู่แค่สามคน และยังได้ยินเสียงหัวเราะดังจากห้องครัวเป็นครั้งคราว
ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน แต่ได้ยินเสียงมายมิ้นท์หัวเราะดังขึ้น
เปปเปอร์ที่นั่งเม้มปากอยู่บนโซฟา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังหัวเราะกับพวกลาเต้ ก็รู้สึกหงุดหงินขึ้นมาในใจ
ปีโป้ก็หงุดหงิดในใจไม่ต่างกัน
พี่มายมิ้นท์ยอมทำอาหารให้ทามทอยและผู้หญิงคนนั้นกิน แต่กลับไม่ยอมให้ตัวเองกินด้วย
นี่เธอไม่ชอบเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?
ส้มเปรี้ยวไม่ได้พูดอะไร เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย สองมือประสานเข้าหากัน และไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
สักพัก กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยออกมาจากห้องครัว
หลังจากปีโป้ได้กลิ่น ก็ยิ่งรู้สึกหิวมากกว่าเดิม ซ้ำท้องยังร้องอีกด้วย
เปปเปอร์เองก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย และความเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา
เขารู้ดีว่ามายมิ้นท์ทำอาหารเป็น เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยทำอาหารให้เขา แต่เขากลับไม่คิดจะกิน
ที่แท้ ฝีมือของเธอยอดเยี่ยมขนาดนี้ แค่กลิ่นก็ทำให้คนน้ำลายสอแล้ว นึกออกเลยว่าตอนกินจะอร่อยขนาดไหน
“เปปเปอร์ เราไปทำอาหารกันบ้างดีไหม?” จู่ๆ ส้มเปรี้ยวก็ดึงแขนเสื้อของเปปเปอร์แล้วเสนอความคิดเห็น